วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร
การทบทวนวรรณกรรมของ Cochrane ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเฉพาะที่บริเวณดวงตา สามารถป้องกันการติดเชื้อของดวงตาที่มีแผลกระจกตาถลอกได้หรือไม่ จากการรวบรวมและวิเคราะห์การศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตอบคำถามดังกล่าว เราพบ 2 การศึกษา
ใจความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่พบหลักฐานเปรียบเทียบระหว่างยาปฏิชีวนะกับยาหลอก (การรักษาหลอก) หรือการไม่รักษาเลย และไม่พบหลักฐานเพียงพอในการสนับสนุนการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดว่ามีประสิทธิผลดีกว่าชนิดอื่นในการป้องกันการติดเชื้อของดวงตาที่มีแผลกระจกตาถลอก
การถลอกกระจกตาคืออะไร
กระจกตาเป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของดวงตา มีความโปร่งใสและทำหน้าที่ช่วยปกป้องดวงตา แผลกระจกตาถลอกคือบริเวณรอยขีดข่วนบนกระจกตา มักเกิดจากการบาดเจ็บทางกล สิ่งแปลกปลอมสัมผัสดวงตา การไหม้จากสารเคมี หรือการใส่คอนแทคเลนส์
แผลกระจกตาถลอกมีวิธีจัดการอย่างไร
การถลอกของกระจกตาทำให้เกิดความเจ็บปวดและระคายเคือง ดังนั้นแพทย์ผู้รักษาจะพิจารณาให้ยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด แพทย์บางท่านอาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ตาเพิ่มเติม
สิ่งที่เราต้องการทราบคืออะไร
เราต้องการทราบว่ายาปฏิชีวนะสามารถป้องกันการติดเชื้อของดวงตาที่เป็นแผลกระจกตาถลอกได้หรือไม่
เราทำอะไรบ้าง
เราค้นหาเอกสารทางการแพทย์สำหรับการศึกษาที่ทดสอบยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ดวงตาที่มีแผลกระจกตาถลอก
เราพบอะไร
เราพบการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม 2 รายการ (การศึกษาที่ผู้เข้าร่วมถูกสุ่มมอบหมายให้เข้ากลุ่มการรักษากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจากการทั้งหมด 2 กลุ่มขึ้นไป) โดยมีเด็กและผู้ใหญ่จำนวนรวม 527 ราย การศึกษาวิจัยแรกจัดทำในประเทศเดนมาร์กทำการทดสอบเปรียบเทียบเจลทาที่มียาคลอแรมเฟนิคอล (ยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่ง) และกรดฟูซิดิก (ยาปฏิชีวนะอีกชนิดหนึ่ง) (ไม่มีการรายงานความถี่การใช้ยาอย่างชัดเจน) อีกการศึกษาวิจัยจัดทำในประเทศอินเดีย ศึกษาการรักษาแผลกระจกตาถลอกด้วยเจลทาตาสูตรผสมระหว่างยาคลอแรมเฟนิคอล (ยาปฏิชีวนะ) และยาโคลไตรมาโซล (ยาต้านเชื้อรา) หรือสูตรผสมระหว่างยาคลอแรมเฟนิคอลและยาหลอก และติดตามผลหลังใช้ยาเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน (ความถี่วันละสามครั้ง)
จากการศึกษาวิจัยในประเทศเดนมาร์ก สัดส่วนของผู้เข้าร่วมที่หายขาดจากแผลกระจกตาถลอกและไม่พบการติดเชื้อมีความใกล้เคียงกันในแต่ละกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้รายงานว่าผู้เข้าร่วมประมาณหนึ่งในสามในแต่ละกลุ่มการรักษามีอาการคันและไม่สบายตา
ผู้เขียนผลการศึกษาวิจัยในอินเดียรายงานว่าผู้เข้าร่วม 1% มีอาการไม่พึงประสงค์เล็กน้อย เช่น อาการระคายเคืองและอาการบวมเล็กน้อยบริเวณเปลือกตาและพื้นผิวกระจกตา และพบปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันที่บริเวณนั้น
เราไม่พบการศึกษาวิจัยใดที่เปรียบเทียบยาปฏิชีวนะกับยาหลอกหรือการไม่รักษาเลย
มีหลักฐานอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้
เนื่องจากขาดหลักฐานที่ชัดเจน เราจึงไม่ทราบโดยแน่นอนว่าการใช้ยาปฏิชีวนะสามารถป้องกันการติดเชื้อที่ดวงตาในผู้ป่วยที่มีแผลกระจกตาถลอก หรือมียาปฏิชีวนะชนิดใดที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ดีกว่าชนิดอื่น
หลักฐานเป็นปัจจุบันแค่ไหน
หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 25 เมษายน ปีค.ศ.2021
อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
แผลถลอกที่กระจกตาเป็นความผิดปกติที่จักษุแพทย์ แพทย์ฉุกเฉิน และแพทย์ปฐมภูมิพบเจอได้บ่อย ยาปฏิชีวนะชนิดหยอดตาเป็นหนึ่งในทางเลือกในการรักษาแผลกระจกตาถลอก เนื่องจากยังไม่มีบทสรุปและการสังเคราะห์หลักฐานเชิงประจักษ์อย่างครอบคลุมเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อสำหรับแผลกระจกตาถลอกจากการบาดเจ็บ ดังนั้น เราจึงดำเนินการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบเพื่อประเมินหลักฐานในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญนี้
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของการป้องกันการติดเชื้อในแผลกระจกตาถลอกด้วยยาปฏิชีวนะชนิดหยอดตา วัตถุประสงค์ของเราคือ 1) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบอุบัติการณ์ของการติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีแผลกระจกตาถลอกระหว่างกลุ่มที่ได้รับยาปฏิชีวนะกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกหรือยาปฏิชีวนะทางเลือกอื่น 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาแผลกระจกตาถลอกจนหายขาดทางคลินิก (กล่าวคือ หายโดยสมบูรณ์จากกระบวนการการสร้างเยื่อบุผิวใหม่) ระหว่างกลุ่มที่ได้ยาปฏิชีวนะเทียบกับยาหลอกหรือยาปฏิชีวนะทางเลือก
วิธีการสืบค้น
เราสืบค้นใน Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL) (ซึ่งมี Cochrane Eyes and Vision Trials Register) (2021 ฉบับที่ 4); Ovid MEDLINE; Embase.com; PubMed; Latin American and Caribbean Health Sciences Literature Database (LILACS); ClinicalTrials.gov, และ the World Health Organization (WHO) International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP) ผู้วิจัยไม่ได้ใช้การจำกัดวันที่หรือภาษาที่ใช้ในการสืบค้นทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการทดลองวิจัย เราสืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2021
เกณฑ์การคัดเลือก
เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม (RCT) ที่เปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างยาปฏิชีวนะกับยาปฏิชีวนะอื่นหรือยาหลอก ในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีแผลกระจกตาถลอกจากทุกสาเหตุ
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
เราใช้วิธีการมาตรฐานของ Cochrane และประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยใช้แนวทางการจัดกลุ่ม GRADE
ผลการวิจัย
การค้นหาในฐานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์พบทั้งหมด 8661 รายการ หลังจากลบรายการที่ซ้ำกันออก เราคัดกรองชื่อเรื่องและบทคัดย่อจำนวน 7690 รายการ และได้รายงานฉบับเต็มจำนวน 32 รายงานมาตรวจสอบเพิ่มเติม เราได้รวบรวมการศึกษา 2 การศีกษา ซึ่งสุ่มดวงตาจำนวนทั้งหมด 527 ดวงจากผู้เข้าร่วมทั้งหมด 527 รายไว้ในการทบทวนนี้ โดยจัดทำในประเทศเดนมาร์ก และในประเทศอินเดีย
ทั้ง 2 การศึกษาไม่ได้ศึกษาตามวัตถุประสงค์ปฐมภูมิและทุติยภูมิที่เราสนใจได้ตรงประเด็นนัก การศึกษาแรกเป็นการศึกษา RCT แบบกลุ่มคู่ขนานโดยเปรียบเทียบระหว่างขี้ผึ้งทาตาคลอแรมเฟนิคอลกับเจลทาตากรดฟูซิดิก (ไม่มีการรายงานความถี่ของการใช้ยาอย่างชัดเจน) มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 153 ราย คัดเลือกเฉพาะผู้ป่วยอายุมากกว่า 5 ปีและมีแผลกระจกตาถลอก จัดทำในประเทศเดนมาร์กและมีระยะเวลาการติดตามผล 1 วัน ไม่มีผู้เข้าร่วมรายใดในกลุ่มที่ใช้เจลทาตากรดฟูซิดิกมีการติดเชื้อทุติยภูมิ ในขณะที่ผู้เข้าร่วม 3 ราย (4.1%) ในกลุ่มที่ได้ยาป้ายตาคลอแรมเฟนิคอลมีพบการติดเชื้อบ้างเพียงเล็กน้อย (อัตราส่วนความเสี่ยง [RR] 0.15, ช่วงความเชื่อมั่น 95% [CI] 0.01 ถึง 2.79; ผู้เข้าร่วม 144 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ผู้เข้าร่วมจำนวน 31 ราย (44.3%) ในกลุ่มที่ใช้เจลทาตากรดฟูซิดิกและผู้เข้าร่วมจำนวน 34 ราย (46.6%) ในกลุ่มที่ได้ยาป้ายตาคลอแรมเฟนิคอลได้รับการรักษาจนแผลกระจกตาถลอกหายขาด (กล่าวคือ พื้นที่รอยขีดข่วนบริเวณกระจกตาเป็นศูนย์และไม่มีการติดเชื้อ) ใน 1 วันที่ติดตามการรักษา (RR 0.94, 95% CI 0.65 ถึง 1.34; ผู้เข้าร่วม 144 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ถึงแม้ไม่มีข้อมูลสรุปที่ชัดเจน มีการศึกษาหนึ่งรายงานว่าชนิดของยาปฏิชีวนะไม่เป็นปัจจัยส่งผลต่อระดับความเจ็บปวด อาการไม่พึงประสงค์ที่พบมากที่สุดที่ผู้ป่วยรายงานคืออาการคันและความรู้สึกไม่สบายตา โดยพบในผู้เข้าร่วมประมาณหนึ่งในสามของแต่ละกลุ่ม (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)
การศึกษาที่สองจัดทำในประเทศอินเดีย เป็นประเภทการทดลองแบบสุ่มเข้าสองกลุ่มการทดลองและรวบรวมข้อมูลจากหลายสถาบัน คัดเลือกเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 5 ปี มีแผลกระจกตาถลอกและมาพบแพทย์ภายใน 48 ชั่วโมงหลังได้รับบาดเจ็บ และได้ผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 374 ราย ทำการศีกษาเปรียบเทียบผลของการใช้ยาขี้ผึ้งทาตาสูตรผสมระหว่างยาคลอแรมเฟนิคอล-โคลไตรมาโซลและยาขี้ผึ้งทาตาสูตรผสมระหว่างยาคลอแรมเฟนิคอล-ยาหลอก โดยกำหนดใช้ยาความถี่ 3 ครั้งต่อวัน และติดตามผลหลังใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน ผลการติดตามแผลกระจกตาถลอกในวันที่ 3 พบว่า ผู้เข้าร่วมจำนวน 169 ราย (100%) ในกลุ่มคลอแรมเฟนิคอล-โคลไตรมาโซล และ 203 ราย (99%) จากผู้เข้าร่วมทั้งหมด 205 รายในกลุ่มคลอแรมเฟนิคอล-ยาหลอก หายขาดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ซึ่งนิยามโดยการสร้างเยื่อบุผิวของกระจกตาอย่างสมบูรณ์โดยไม่พบหลักฐานการติดเชื้อ (RR 1.01, 95% CI 0.99 ถึง 1.03; ผู้เข้าร่วม 374 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ผู้เข้าร่วม 4 คนที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกลุ่มคลอแรมเฟนิคอล-ยาหลอก มีอาการไม่พึงประสงค์เพียงเล็กน้อย ผู้เข้าร่วม 2 คน (1%) มีภาวะเคโมซิสและอาการระคายเคืองเล็กน้อย และอีก 2 คน (1%) พบรอยโรคสีขาวขุ่นขนาดเล็กบนกระจกตาซึ่งแสดงถึงการอักเสบที่ไม่มีการติดเชื้อ (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)
ข้อสรุปของผู้วิจัย
ผลดีของการใช้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันการติดเชื้อที่ตาหรือในการช่วยเร่งการรักษาตัวของเยื่อบุผิวของแผลกระจกตาถลอกยังคงไม่ชัดเจน เนื่องจากหลักฐานในปัจจุบันมีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก นอกจากนี้ หลักฐานในปัจจุบันยังไม่เพียงพอในการสนับสนุนว่าสูตรยาปฏิชีวนะใดดีที่สุด ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องมี RCT ที่ออกแบบมาอย่างดี เพื่อประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาปฏิชีวนะในการรักษาแผลกระจกตาถลอก โดยเน้นศึกษาเฉพาะกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงและมีการวางแผนตัวแปรที่ต้องการศึกษาและตัวแปรเปรียบเทียบที่ชัดเจน
แปลโดย พญ.ปสุตา ธรรมิกสกุล 28 สิงหาคม ปี ค.ศ. 2025