การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกในผู้ใหญ่

การทบทวนวรรณกรรมนี้ประเมินหลักฐานจากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) และ quasi-RCTs เกี่ยวกับประโยชน์และอันตรายของการเปลี่ยนสะโพกประเภทต่างๆ ที่ใช้รักษาอาการกระดูกสะโพกหักในผู้ใหญ่

ความเป็นมา

กระดูกสะโพกหักคือการแตกที่ส่วนบนของกระดูกขา การแตกหักประเภทนี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่กระดูกอาจเปราะบางเนื่องจากภาวะที่เรียกว่าโรคกระดูกพรุน วิธีการรักษาวิธีหนึ่งคือเปลี่ยนสะโพกที่หักด้วยสะโพกเทียม สามารถทำได้โดยใช้ hemiarthroplasty (HA) ซึ่งจะแทนที่ส่วนของข้อสะโพก (ส่วนที่เป็นลูกบอลของข้อต่อ) การเปลี่ยนเหล่านี้อาจเป็นแบบ unipolar (ข้อต่อเทียมแบบเดี่ยว) หรือแบบ bipolar (แบบมีข้อต่อเพิ่มเติมภายใน HA) การผ่าตัดอาจแทนที่ข้อสะโพกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเบ้าที่ลูกบอลของข้อสะโพกอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมทั้งหมด (THA) ข้อเทียมทั้งสองนี้สามารถใส่ได้โดยมีหรือไม่มีซีเมนต์กระดูก

ช่วงเวลาที่ค้นหา

เราค้นหา RCTs (การศึกษาทางคลินิกที่สุ่มให้คนเข้าสู่กลุ่มการรักษา) และ quasi-RCTs (ซึ่งคนถูกจัดกลุ่มด้วยวิธีการที่ไม่ได้สุ่ม เช่น วันเดือนปีเกิดหรือหมายเลขเวชระเบียนของโรงพยาบาล) ถึง 6 กรกฎาคม 2020

ลักษณะของการศึกษา

เรารวบรวม 58 การศึกษา ในผู้ใหญ่ 10,654 คน กระดูกสะโพกหัก 10,662 ครั้ง ผู้เข้าร่วมการศึกษามีอายุระหว่าง 63 ถึง 87 ปี และ 71% เป็นเพศหญิง ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่มีกระดูกสะโพกหักประเภทนี้

ผลลัพธ์สำคัญ

Cemented HA เปรียบเทียบกับ uncemented HA (17 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 3644 คน)

เราพบว่า cemented HA ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (HRQoL) และลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตที่ 12 เดือนหลังการผ่าตัด ขนาดของประโยชน์นี้มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างการรักษา ในความสามารถในการใช้สะโพก (สถานะการทำงาน) แต่หลักฐานนี้ไม่แน่นอนมาก ไม่ว่าจะเป็น cemented HA หรือไม่ อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในกิจกรรมในชีวิตประจำวัน (ADL) หรือความสามารถในการเดินอย่างอิสระ มีกี่คนที่รู้สึกสับสนหลังการผ่าตัด (delirium) เสียชีวิตภายใน 4 เดือนของการผ่าตัด หรือจำเป็นต้องผ่าตัดเพิ่มเติม ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกัน แต่เราสังเกตเห็นว่าความเสี่ยงบางอย่างที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก (เช่น ทำให้เกิดการหักระหว่างการผ่าตัด) เพิ่มขึ้นด้วย uncemented HAs

Bipolar HAs เปรียบเทียบกับ unipolar HAs (13 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 1499 คน)

ประเภทของ HA นั้นอาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยกับจำนวนผู้เสียชีวิตภายในสี่เดือนหรือนานถึง 12 เดือนหลังการผ่าตัด และอาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความจำเป็นในการผ่าตัดเพิ่มเติม ไม่มีการศึกษารายงาน ADL 4 เดือนและสถานะการทำงาน หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการใช้ bipolar หรือ unipolar HA ทำให้เกิดความแตกต่างกับ delirium หรือ HRQoL ภายในสี่เดือนของการผ่าตัด อีกครั้ง ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนมีความคล้ายคลึงกัน และเราไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความแตกต่างในความเสี่ยงของการหลุดของสะโพก

THAs เปรียบเทียบกับ HAs (17 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 3232 คน)

เราไม่แน่ใจว่า ADL สถานะการทำงาน delirium การเคลื่อนไหว หรือการเสียชีวิตภายใน 4 เดือนหรือไม่เกิน 12 เดือนหลังการผ่าตัดจะแตกต่างกันระหว่างการรักษาเหล่านี้ หลักฐานไม่ได้แสดงความแตกต่างในความเสี่ยงของการผ่าตัดเพิ่มเติม แต่เราไม่สามารถแยกความเป็นไปได้ของประโยชน์ที่สำคัญของ THA ได้ แม้ว่าความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน แตการหลุดของสะโพกเพิ่มขึ้นด้วย THA

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

หลักฐานสำหรับการเปรียบเทียบหลายๆ อย่างมาจากผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คน และการศึกษาจำนวนมากใช้วิธีการที่อาจไม่น่าเชื่อถือ หลักฐานส่วนใหญ่สำหรับ ADL, สถานะการทำงาน, HRQoL และการเดินโดยอิสระมีความเชื่อมั่นต่ำและต่ำมาก หมายความว่าเราไม่เชื่อมั่นในการค้นพบนี้ เรามีความเชื่อมั่นที่จำกัดหรือมีความเชื่อมั่นปานกลางในการค้นพบอื่นๆ ของเรา

ข้อสรุป

สำหรับผู้ที่มี HA มีแนวโน้มว่า cemented replacement จะให้ผลลัพธ์โดยรวมที่ดีกว่า uncemented replacement ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า bipolar HA นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างจาก unipolar HA ความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนสะโพกทั้งหมดและการเปลี่ยนสะโพกบางส่วนมีขนาดเล็กและอาจไม่สำคัญทางคลินิก

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

สำหรับผู้ที่ได้รับ HA สำหรับ intracapsular hip fracture มีแนวโน้มว่า cemented prosthesis จะทำให้ผลลัพธโดยรวม่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของ HRQoL และการตาย ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า bipolar HA เหนือกว่า unipolar prosthesis ประโยชน์ใดๆ ของ THA เมื่อเทียบกับ hemiarthroplasty มีแนวโน้มว่าจะมีขนาดเล็กและไม่เป็นที่ยอมรับในทางคลินิก เราสนับสนุนให้นักวิจัยให้ความสำคัญกับการปลูกถ่ายทางเลือกในการปฏิบัติทางคลินิกในปัจจุบัน เช่น dual-mobility bearings ซึ่งมีหลักฐานที่จำกัด

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

กระดูกสะโพกหักเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญ ทำให้เกิดความท้าทายและเป็นภาระอย่างมากต่อบุคคลและระบบการรักษาพยาบาล จำนวนกระดูกสะโพกหักทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระดูกสะโพกหักส่วนใหญ่รักษาโดยการผ่าตัด การทบทวนวรรณกรรมนี้ประเมินหลักฐานสำหรับประเภทของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม: hemiarthroplasties (HAs) ซึ่งเปลี่ยนส่วนของข้อสะโพก และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (THAs) มาแทนที่ทั้งหมด

วัตถุประสงค์: 

เพื่อตรวจสอบผลของการออกแบบ ข้อต่อ และเทคนิคการตรึงต่างๆ ของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสำหรับการรักษากระดูกสะโพกหักในผู้ใหญ่

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase ฐานข้อมูลอื่นๆ อีก 7 ฐานข้อมูล และ 1 ทะเบียนการทดลอง ในเดือนกรกฎาคม 2020

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวบรวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) และ quasi-RCTs ที่เปรียบเทียบการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมแบบต่างๆ สำหรับการรักษาภาวะกระดูกสะโพกหักแบบ intracapsular ที่เปราะบางในผู้สูงอายุ เราได้รวม THAs และ HAs ที่ใส่โดยมีหรือไม่มี cement และการเปรียบเทียบระหว่างข้อต่อ ขนาด และประเภทของข้อเทียมต่างๆ เราไม่รวมการศึกษาผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ นอกเหนือจากโรคกระดูกพรุน และกระดูกสะโพกหักที่เกิดจากการบาดเจ็บจากพลังงานสูง

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ขั้นตอนวิธีการมาตรฐานของ Cochrane เรารวบรวมข้อมูลสำหรับผลลัพธ์เจ็ดประการ: กิจกรรมในชีวิตประจำวัน สถานะการทำงาน คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การเคลื่อนไหว (ทั้งหมดในช่วงต้น: ภายในสี่เดือนของการผ่าตัด) การตายในช่วงแรกและ 12 เดือนหลังการผ่าตัด derilium และการกลับเข้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้วางแผน เมื่อจบการติดตาม

ผลการวิจัย: 

เรารวม 58 การศึกษา (50 RCTs, 8 quasi-RCT) โดยมีผู้เข้าร่วม 10,654 ราย กระดูกหัก 10,662 ครั้ง การศึกษาทั้งหมดรายงาน intracapsular fractures ยกเว้น 1 การศึกษาของ extracapsular fractures อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมการศึกษาอยู่ระหว่าง 63 ปีถึง 87 ปี และ 71% เป็นเพศหญิง

เรารายงานผล 3 การเปรียบเทียบที่แสดงถึงหลักฐานที่สำคัญที่สุดในการทบทวนวรรณกรรมนี้ มีการรายงานการเปรียบเทียบอื่น ๆ แต่มีผู้เข้าร่วมน้อยกว่ามาก

การศึกษาทั้งหมดมีความเสี่ยงของอคติที่ไม่ชัดเจนในอย่างน้อย 1 โดเมนและมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงในเรื่อง detection bias เราลดระดับความเชื่อมั่นของผลลัพธ์หลายๆ อย่างสำหรับความไม่แม่นยำ และสำหรับความเสี่ยงของอคติ ซึ่ง sensitivity analysis พบว่าบางครั้งอคติมีผลต่อขนาดหรือทิศทางของการประมาณการผล

HA: แบบ cemented เปรียบเทียบกับ uncemented (17 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 3644 คน)

มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางถึงประโยชน์ของการใช้ cemented HA ซึ่งสอดคล้องกับความแตกต่างทางคลินิกขนาดเล็กน้อยถึงใหญ่ ในคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (HRQoL) (ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD) 0.20, 95% CI 0.07 ถึง 0.34; 3 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 1122 คน ) และการลดความเสี่ยงของการตายที่ 12 เดือน (RR 0.86, 95% CI 0.78 ถึง 0.96; 15 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 3727 คน) เราพบหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในกิจกรรมในชีวิตประจำวัน (ADL) (SMD -0.03, 95% CI -0.21 ถึง 0.16; 4 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 1275 คน) และการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ (RR 1.04, 95% CI 0.95 ถึง 1.14; 3 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 980 คน) เราพบหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำของความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยใน delirium (RR 1.06, 95% CI 0.55 ถึง 2.06; 2 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 800 คน), การตายในช่วงต้น (RR 0.95, 95% CI 0.80 ถึง 1.13; 12 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 3136 คน) หรือการกลับไปเข้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้วางแผน (RR 0.70, 95% CI 0.45 ถึง 1.10; 6 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 2336 คน) สำหรับสถานะการทำงาน มีหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมากที่ไม่แสดงความแตกต่างที่สำคัญทางคลินิก

ความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตาม cemented HAs ทำให้เกิดการแตกหักของ periprosthetic ระหว่างการผ่าตัดน้อยลง (RR 0.20, 95% CI 0.08 ถึง 0.46; 7 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 1669 คน) และหลังการผ่าตัด (RR 0.29, 95% CI 0.14 ถึง 0.57; 6 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 2819 คน) แต่มี ความเสี่ยงสูงขึ้นของเส้นเลือดอุดตันที่ปอด (RR 3.56, 95% CI 1.26 ถึง 10.11, 6 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 2499 คน)

Bipolar HA เทียบกับ unipolar HA (13 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 1499 คน)

เราพบหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่าง bipolar และ unipolar HAs ในการตายระยะแรก (RR 0.94, 95% CI 0.54 ถึง 1.64; 4 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 573 คน) และการเสียชีวิตที่ 12 เดือน (RR 1.17, 95% CI 0.89 ถึง 1.53; 8 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 839 คน) เราไม่แน่ใจถึงผลต่อ delirium, HRQoL และการต้องกลับเข้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้วางแผน ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่าง articulation เนื่องจากความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมาก ไม่มีรายงานการศึกษาเกี่ยวกับ ADL ในระยะเริ่มต้น สถานะการทำงาน และความคล่องตัว

ความเสี่ยงโดยรวมของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์มีความคล้ายคลึงกัน ความเสี่ยงสุทธิของ articulation ต่ำ (ประมาณ 1.6%) และไม่มีหลักฐานความแตกต่างระหว่างการรักษา

THA กับ HA (17 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 3232 คน)

ความแตกต่างในความเสี่ยงของการเสียชีวิตที่ 12 เดือนสอดคล้องกับประโยชน์และอันตรายที่เกี่ยวข้องทางคลินิก (RR 1.00, 95% CI 0.83 ถึง 1.22; 11 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 2667 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในการกลับเข้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้วางแผน แต่การประมาณการผลกระทบนี้รวมถึงประโยชน์ที่เกี่ยวข้องทางคลินิกของ THA (RR 0.63, 95% CI 0.37 ถึง 1.07 เอื้อต่อ THA; 10 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 2594 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เราพบหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่าง THA และ HA ใน delirium (RR 1.41, 95% CI 0.60 ถึง 3.33; 2 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 357 คน) และความคล่องตัว (MD -0.40, 95% CI -0.96 ถึง 0.16, สนับสนุน THA 1 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 83 คน) เราไม่แน่ใจถึงผลต่อสถานะการทำงานในระยะเริ่มต้น, ADL, HRQoL และการตาย ซึ่งแสดงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างการรักษา เนื่องจากความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมาก

ความเสี่ยงโดยรวมของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์มีความคล้ายคลึงกัน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิด dislocation สำหรับ THA (RR 1.96, 95% CI 1.17 ถึง 3.27; 12 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 2719 คน) และไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในการติดเชื้อลึก

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 25 กุมภาพันธ์ 2022

Tools
Information