ประโยชน์และความเสี่ยงของการฉีดคีโตโรแลคเพียงครั้งเดียว (ยาต้านการอักเสบ) เพื่อบรรเทาอาการปวดระยะสั้นหลังการผ่าตัดในผู้ใหญ่มีอะไรบ้าง

ข้อความสำคัญ

· Ketorolac อาจลดอาการปวดระยะสั้นหลังการผ่าตัดได้ 50% (ครึ่งหนึ่ง) หรือมากกว่านั้น เมื่อเทียบกับยาหลอก (การรักษาหลอก)
·อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีความแตกต่างระหว่างคีโตโรแลคกับยาต้านการอักเสบอื่นๆ ในจำนวนผู้ที่มีอาการปวดลดลงครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น
· Ketorolac อาจเพิ่มโอกาสทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่ายาหลอกและยาต้านการอักเสบอื่นๆเพียงเล็กน้อย; จำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้เห็นว่าก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

การรักษาอาการปวดในระยะสั้นหลังการผ่าตัด

เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะรู้สึกเจ็บปวดในระยะสั้นๆ (ภายใน 6 ชั่วโมง) หลังการผ่าตัด บ่อยครั้งที่มีการให้ยาที่เรียกว่ายาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวดนี้

NSAIDS ทำงานโดยหยุดการผลิตสารเคมีของร่างกายที่ทำให้เกิดการอักเสบและความเจ็บปวด ข้อได้เปรียบที่เป็นไปได้ของการใช้ NSAIDs คืออาจจำกัดความจำเป็นในการใช้ยาบรรเทาอาการปวดที่แรงขึ้น เช่น opioids การใช้ opioids อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและอาการแพ้ คนอาจติด opioids ได้หากได้รับในปริมาณมาก ๆ

NSAIDs อาจทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ต้องการได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึง เลือดออกที่บริเวณแผลผ่าตัด และอาจทำให้เกิดผลเสียต่อไตและลำไส้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องชั่งน้ำหนักถึงประโยชน์และความเสี่ยงของ NSAIDs เมื่อพิจารณาใช้เพื่อลดอาการปวดหลังการผ่าตัดระยะสั้นๆ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้ NSAID เฉพาะ คีโตโรแลค เพื่อบรรเทาอาการปวดระยะสั้นหลังการผ่าตัด Ketorolac สามารถฉีดได้ซึ่งอาจเป็นประโยชน์เมื่อผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาทางปากได้

ผู้วิจัยทำการศึกษาอย่างไร

เราค้นหาการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) และเปรียบเทียบการฉีดคีโตโรแลคเพียงครั้งเดียวกับ:

·การรักษาด้วยยาหลอก (การรักษาหลอก); หรือ
·การรักษาอื่น ๆ

เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และให้คะแนนความเชื่อมั่นของเราในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆเช่น วิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 12 รายการที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งหมด 1905 คน การศึกษาได้ศึกษาการรักษาอาการปวดหลังการผ่าตัดในช่องท้อง อุ้งเชิงกราน ฟัน กระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ การศึกษาส่วนใหญ่ (10) ให้การรักษาด้วยคีโตโรแลค 30 มิลลิกรัม เปรียบเทียบคีโตโรแลคกับ:

·ยาหลอก;
· NSAID อื่น หรือ
· opioid

เรานำเสนอผลการค้นพบจากการเปรียบเทียบระหว่างคีโตโรแลคกับยาหลอกหรือ NSAIDs อื่น ๆ

การลดอาการปวด

หลักฐานแสดงให้เห็นว่า:

· คนจำนวนมากกว่า 3 เท่า อาจมีอาการปวดลดลง 50% (ครึ่งหนึ่ง) หรือมากกว่านั้น ภายใน 6 ชั่วโมง หลังได้คีโตโรแลคหลังการผ่าตัดแทนที่จะเป็นยาหลอก และ
· อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างระหว่างคีโตโรแลค กับ NSAIDS อื่นๆ ในจำนวนผู้ที่มีอาการปวดลดลง 50% หรือมากกว่านั้น ภายใน 4 หรือ 6 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด

ความต้องการยาแก้ปวดเพิ่มเติม(ยาช่วย)

Ketorolac สามารถชะลอความจำเป็นในการใช้ยาแก้ปวดเพิ่มเติมได้เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือ NSAIDs อื่นๆ หลักฐานไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนน้อยที่ต้องการยาแก้ปวดเพิ่มเติม เมื่อรับการรักษาด้วยคีโตโรแลคหรือไม่

ผลข้างเคียง

Ketorolac อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่ายาหลอกและ NSAIDS อื่น ๆ เล็กน้อย ผลข้างเคียงที่ร้ายแรง (เช่นการมีเลือดออกในกล้ามเนื้อรอบ ๆ ช่องท้องทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง) พบได้น้อยในการศึกษาที่เราค้นพบ หลักฐานบ่งชี้ว่าอาจมีจำนวนเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงแตกต่างกันเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างกันระหว่างคีโตโรแลคกับยาหลอกหรือ NSAIDS อื่นๆ

ข้อจำกัดของหลักฐาน

- การศึกษาที่มีอยู่มีขนาดเล็กและอาจดำเนินการในรูปแบบที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในผลลัพธ์ เพราะเหตุนี้ทำให้เรามั่นใจในหลักฐานได้ไม่เต็มที่

ความเป็นปัจจุบันของการทบทวนวรรณกรรมนี้

หลักฐานเป็นข้อมูลล่าสุดถึงเดือนเมษายน 2020

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ความเชื่อมั่นของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำมากไปจนถึงปานกลางสำหรับการใช้คีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำเพื่อรักษาอาการปวดหลังการผ่าตัด แตกต่างกันไปตามประสิทธิภาพและผลลัพธ์ด้านความปลอดภัย และระหว่างคู่เปรียบเทียบ หลักฐานที่มีอยู่บ่งชี้ว่า การให้คีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำหลังผ่าตัดอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้มากสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่การวิจัยเพิ่มเติมอาจส่งผลต่อการสรุปนี้ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในอัตราที่สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยาหลอกและ NSAIDs อื่น ๆ มีข้อมูลไม่เพียงพอในการประเมินว่าคีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำมีอัตราการตกเลือดในทางเดินอาหารหรือทางศัลยกรรม ความผิดปกติของไต หรือเหตุการณ์เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เมื่อเทียบกับ NSAIDs อื่น ๆ หรือไม่ ไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด และในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

อาการปวดหลังผ่าตัดเป็นเรื่องปกติและอาจรุนแรง การให้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หลังผ่าตัดช่วยลดความต้องการ opioid ของผู้ป่วยและในทางกลับกันอาจลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจาก opioid (AEs)

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพของยาแก้ปวดและผลข้างเคียงของคีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำขนาดเดียว เปรียบเทียบกับ ยาหลอก หรือ active comparator สำหรับบรรเทาอาการปวดหลังการผ่าตัดในระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาฐานข้อมูลต่อไปนี้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านภาษา: CENTRAL, MEDLINE, Embase และ LILACS ในวันที่ 20 เมษายน 2020 เราตรวจสอบการลงทะเบียนการทดลองทางคลินิกและรายการอ้างอิงของบทความที่ดึงมาเพื่อการศึกษาเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบ randomized double-blind trials ซึ่งเปรียบเทียบปริมาณคีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำหลังผ่าตัดเพียงครั้งเดียวกับยาหลอกหรือการรักษาแบบอื่นที่ใช้อยู่สำหรับการรักษาอาการปวดหลังการผ่าตัดต่างๆ ทันทีในผู้ใหญ่

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้กระบวนการระเบียบวิธีมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้
ผลลัพธ์หลัก คือจำนวนผู้เข้าร่วมในแต่ละกลุ่มที่ได้รับการบรรเทาอาการปวดอย่างน้อย 50% ในช่วงเวลา 4 และ 6 ชั่วโมง
ผลลัพธ์รอง คือเวลาและจำนวนผู้เข้าร่วมที่ใช้ยาอย่างอื่นเพิ่มเพื่อบรรเทาอาการปวด; การถอนตัวเนื่องจากขาดประสิทธิภาพ, เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (AEs) และสาเหตุอื่นๆ และจำนวนผู้เข้าร่วมที่ประสบกับ AE, AE ที่ร้ายแรง (SAEs) และ AE ที่เกี่ยวข้องกับ NSAID หรือที่เกี่ยวข้องกับ opioid
สำหรับการวิเคราะห์กลุ่มย่อยเราได้วางแผนที่จะวิเคราะห์ปริมาณคีโตโรแลคในหลอดเลือดที่แตกต่างกันและวิเคราะห์ผลตามประเภทของการผ่าตัด
เราได้ประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานที่ได้โดยวิธีการของ GRADE

ผลการวิจัย: 

เราได้รวมการศึกษา 12 รายการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วม 1905 คน ที่ได้รับการผ่าตัดต่างๆ (กระดูกเชิงกราน / ช่องท้องทันตกรรม และกระดูก) โดยมีผู้เข้าร่วม 17 ถึง 83 คนที่ได้รับคีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำในแต่ละการศึกษา อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 22.5 ปี ถึง 67.4 ปี การศึกษาส่วนใหญ่ให้ยาคีโตโรแลค 30 มก. มีการศึกษา 1 รายการที่ให้ 15 มก. และการศึกษาอีก 1 รายการให้ 60 มก.

การศึกษาส่วนใหญ่มีความเสี่ยงที่ไม่ชัดเจนในการเกิดอคติสำหรับบางประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็น allocation concealment และ blinding และมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงเนื่องจากขนาดของกลุ่มตัวอย่างน้อย การจัดความเชื่อมั่นโดยรวมของหลักฐานของแต่ละผลลัพธ์อยู่ในระดับต่ำมากถึงปานกลาง เหตุผลในการลดระดับความเชื่อมั่น คือ ข้อจำกัดในการศึกษาที่ร้ายแรง ความไม่สอดคล้องและความไม่แม่นยำ

้ยาคีโตโรแลค เทียบกับ ยาหลอก

หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมากจากการศึกษา 8 รายการ (ผู้เข้าร่วม 658 คน) ชี้ให้เห็นว่า คีโตโรแลคส่งผลให้จำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองบรรเทาอาการปวดอย่างน้อย 50% ในช่วง 4 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับยาหลอก แต่หลักฐานยังมีความไม่แน่นอนอย่างมาก (risk ratio (RR ) 2.81, 95% confidence interval (CI) 1.80 ถึง 4.37) จำนวนของผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาที่มากพอจะทำให้เห็นผลลัพธ์การรักษาสำเร็จเพิ่มขึ้น 1 ครั้ง (NNTB) คือ 2.4 (95% CI 1.8 ถึง 3.7) หลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจากการศึกษา 10 การศึกาษา (ผู้เข้าร่วม 914 คน) แสดงให้เห็นว่า คีโตโรแลคอาจส่งผลให้จำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองได้รับการบรรเทาอาการปวดอย่างน้อย ร้อยละ 50 ในช่วงหกชั่วโมงเมื่อเทียบกับยาหลอก (RR 3.26, 95% CI 1.93 ถึง 5.51) NNTB คือ 2.5 (95% CI 1.9 ถึง 3.7)

ในบรรดาผลลัพธ์ทุติยภูมิสำหรับเวลาในการใช้ยาเพิ่มเติม หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลาง เปรียบเทียบ คีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำกับยาหลอก แสดงให้เห็นว่า ค่ามัธยฐานเฉลี่ย 271 นาทีสำหรับคีโตโรแลค เทียบกับ 104 นาทีสำหรับยาหลอก (6 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 633 คน) สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมที่ใช้ยาเพิ่มเติม หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก จาก 5 การศึกษา (ผู้เข้าร่วม 417 คน) เปรียบเทียบคีโตโรแลคกับยาหลอก RR เท่ากับ 0.60 (95% CI 0.36 ถึง 1.00) นั่นคือ ไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างกลุ่ม

ยาคีโตโรแลค อาจส่งผลให้อัตราเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ ยาหลอก (74% เทียบกับ 65%; 8 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 810 คน; RR 1.09 95% CI 1.00 ถึง 1.19; number needed to treat for an additional harmful event (NNTH) 16.7, 95% CI 8.3 ถึงอนันต์, หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) AE ที่ร้ายแรงนั้นพบได้น้อย หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ จาก 8 การศึกษา (ผู้เข้าร่วม 703 คน) ไม่ได้แสดงให้เห็นความแตกต่างของอัตราของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างคีโตโรแลคและยาหลอก (RR 0.62, 95% CI 0.13 ถึง 3.03)

คีโตโรแลค (Ketorolac) เทียบกับ NSAIDs
Ketorolac ถูกเปรียบเทียบกับ Parecoxib ในการศึกษา 4 รายการ และ Diclofenac ในการศึกษา 2 รายการ สำหรับผลลัพธ์หลักนั้น ในช่วง 4 และ 6 ชั่วโมง ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างระหว่างคีโตโรแลคทางหลอดเลือดดำกับ NSAID อื่น (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำและปานกลางตามลำดับ) มากกว่า 4 ชั่วโมง ในการศึกษา 4 รายการ (ผู้เข้าร่วม 337 คน) พบว่า RR 1.04 (95% CI 0.89 ถึง 1.21) และช่วง 6 ชั่วโมง ในการศึกษา 6 รายการ (ผู้เข้าร่วม 603 คน) พบว่า RR 1.06 (95% CI 0.95 ถึง 1.19)

สำหรับเวลาในการให้ยาเพิ่มเติม หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำจากการศึกษา 4 รายการ (ผู้เข้าร่วม 427 คน) ชี้ให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมที่ได้รับคีโตโรแลค รอได้มากกว่า 35 นาที (ค่ามัธยฐานเฉลี่ย 331 นาที เทียบกับ 296 นาที) สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมที่ใช้ยาเพิ่มเติม หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก จากการศึกษา 3 รายการ (ผู้เข้าร่วม 260 คน) เปรียบเทียบคีโตโรแลคกับ NSAID อื่น RR เท่ากับ 0.90 (95% CI 0.58 ถึง 1.40) นั่นคือ อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่ม

คีโตโรแลค อาจส่งผลให้อัตราอาการไม่พึงประสงค์โดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ NSAID อื่น (76% เทียบกับ 68%, 5 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 516 คน; RR 1.11, 95% CI 1.00 ถึง 1.23; NNTH 12.5, 95% CI 6.7 ถึง ค่าอนันต์, หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) AE ที่ร้ายแรงนั้นพบได้น้อย หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ จากการศึกษา 5 รายการ (ผู้เข้าร่วม 530 คน) ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ระหว่างคีโตโรแลคกับ NSAID อื่น (RR 3.18, 95% CI 0.13 ถึง 76.99) มีเพียง 1 ใน 5 การศึกษาเท่านั้นที่รายงาน AE ที่ร้ายแรง ซึ่งมีเพียงครั้งเดียว

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว วันที่ 18 พฤษภาคม 2021

Tools
Information