เรื่องนี้มีปัญหาอย่างไร
สามารถให้แอสไพรินกับสตรีที่มีอาการปวดฝีเย็บหลังการคลอดบุตรเพื่อบรรเทาอาการปวดได้โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงสำหรับสตรีหรือทารกหรือไม่
ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ
มารดาหลังคลอดจำนวนมากมีอาการปวดฝีเย็บ (ซึ่งอยู่บริเวณระหว่างช่องคลอดและทวารหนัก) ฝีเย็บอาจช้ำหรือฉีกขาดในระหว่างการคลอดบุตรหรือมีบาดแผลที่ถูกทำขึ้นเพื่อช่วยให้ทารกคลอดได้ (แผลฝีเย็บ) อาการปวดฝีเย็บอาจรบกวนความสามารถของสตรีในการดูแลทารกแรกเกิดและการให้นมบุตร หากอาการปวดฝีเย็บไม่บรรเทาลงอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาระยะยาวของสตรีอาจรวมถึงอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัญหาอุ้งเชิงกรานทำให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือปวดฝีเย็บเรื้อรัง ยาแอสไพรินอาจให้ในสตรีที่มีอาการปวดฝีเย็บหลังคลอดบุตร แต่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยยังไม่ได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบ นี่คือการปรับปรุงของการทบทวนวรรณกรรมล่าสุดที่ตีพิมพ์ในปี 2017 นี่เป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดฝีเย็บในช่วงสองสามสัปดาห์แรกหลังคลอด
ผู้วิจัยพบหลักฐานเชิงประจักษ์อะไรบ้าง
เราค้นหาหลักฐานในเดือนตุลาคม 2019 และรวมการศึกษาแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบได้ 17 การศึกษาซึ่งเกี่ยวข้องกับสตรี 1132 คน ตีพิมพ์ระหว่างปี 1967 และ 1997 สตรีทุกคนมีอาการปวดฝีเย็บหลังจากการตัดแผลฝีเย็บ (ปกติภายใน 48 ชั่วโมงหลังคลอด) และไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนม สตรีได้รับยาแอสไพริน (ขนาดตั้งแต่ 300 มก. ถึง 1200 มก.) หรือยาปลอม (ยาหลอก) ทางปาก คุณภาพระเบียบวิธีการศึกษามักไม่ชัดเจน มี 2 การศึกษาไม่ได้ให้ข้อมูลใด ๆ สำหรับการวิเคราะห์
แอสไพรินเมื่อเทียบกับยาหลอกอาจเพิ่มการบรรเทาอาการปวดอย่างเพียงพอสำหรับคุณแม่ในช่วง 4 ถึง 8 ชั่วโมงหลังจากได้รับ (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่แน่ใจว่าแอสไพรินเมื่อเทียบกับยาหลอกมีผลต่อการบรรเทาอาการปวดเพิ่มเติมหรือผลข้างเคียงสำหรับคุณแม่ในช่วง 4 ถึง 8 ชั่วโมงหลังได้รับ (หลักฐานที่มีมีความเชื่อมั่นต่ำมากสำหรับทั้ง 2 เรื่อง)
ผลไม่แน่นอนของการให้ยาแอสไพริน 300 มก. เทียบกับแอสไพริน 600 มก. (1 การศึกษา), แอสไพริน 600 มก. เทียบกับกับแอสไพริน 1,200 มก. (2 การศึกษา), หรือ แอสไพริน 300 มก. เทียบกับแอสไพริน 1,200 มก. (1 การศึกษา) ในเรื่องการลดอาการปวด ความต่องการยาแก้ปวดเพิ่ม หรือผลเสียต่อแม่
ไม่มีการศึกษาใดรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงของแอสไพรินสำหรับทารกหรือผลลัพธ์อื่นๆ ที่เราวางแผนจะประเมิน: การพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน หรือการกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำเนื่องจากอาการปวดฝีเย็บ อาการปวดฝีเย็บหกสัปดาห์หลังคลอด มุมมองของสตรีหรือภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
หลักฐานนี้หมายความว่าอย่างไร
ยาแอสไพรินที่ให้เพียงครั้งเดียวอาจช่วยแก้ปวดฝีเย็บตามขั้นตอนสำหรับสตรีที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมเมื่อวัด 4 ถึง 8 ชั่วโมงหลังจากการให้ยา
เราไม่พบข้อมูลใดๆ เพื่อประเมินผลของแอสไพรินสำหรับสตรีที่ให้นมบุตร
แอสไพรินขนาดเดียวอาจเพิ่มการบรรเทาอาการปวดอย่างเพียงพอในผู้หญิงที่มีอาการปวดฝีเย็บเมื่อเทียบกับการให้ยาหลอก ไม่แน่ใจว่าแอสไพรินมีผลต่อความต้องการยาแก้ปวดเพิ่มเติมหรือผลข้างเคียงของมารดาเมื่อเทียบกับยาหลอก เราปรับลดความแน่นอนของหลักฐานเนื่องจากข้อจำกัดของการศึกษา (ความเสี่ยงของการมีอคติ), ความไม่แน่นอนและอคติจากการตีพิมพ์
แอสไพรินอาจได้รับการพิจารณาให้ใช้ในสตรีที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอาการปวดฝีเย็บ รวมถึงการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ ที่ไม่รวมสตรีที่เลี้ยงลูกด้วยนมดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานที่จะประเมินผลของแอสไพรินต่อผลข้างเคียงที่เกิดในทารกแรกเกิดหรือการให้นมบุตร
การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบในอนาคตควรได้รับการออกแบบเพื่อให้แน่ใจว่ามีความเสี่ยงต่ำต่อการมีอคติและระบุช่องโหว่ในหลักฐานเช่นผลลัพธ์รองที่กำหนดขึ้นสำหรับการตรวจสอบนี้ การวิจัยในปัจจุบันได้มุ่งเน้นไปที่สตรีที่มีอาการปวดฝีเย็บที่เกิดจากการตัดแผลฝีเย็บ; การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบในอนาคตอาจขยายออกไปรวมถึงสตรีที่มีอาการปวดฝีเย็บที่เกี่ยวข้องกับการฉีกขาดเองหรือการเกิดจากการใช้หัตถการช่วยคลอดทางช่องคลอด
การบาดเจ็บที่ฝีเย็บเนื่องจากการฉีกขาดที่เกิดขึ้นเอง, แผลฝีเย็บที่เกิดจากการตัด (episiotomy) หรือแผลฝีเย็บที่เกิดจากการทำหัตถการช่วยคลอดทางช่องคลอดเป็นเรื่องที่พบได้ของการคลอดทางช่องคลอดและมักจะเกี่ยวข้องกับอาการปวดฝีเย็บหลังคลอด การคลอดที่ไม่เกิดการฉีกขาดของฝีเย็บอาจนำไปสู่อาการปวดฝีเย็บได้ มีผลเสียต่อสุขภาพตามมาที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดฝีเย็บสำหรับสตรีและทารกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และความเจ็บปวดอาจรบกวนการดูแลทารกแรกเกิดและการให้นมบุตร แอสไพรินถูกนำมาใช้ในการจัดการความเจ็บปวดฝีเย็บหลังคลอดและควรประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัย นี่คือการปรับปรุงของการทบทวนวรรณกรรมล่าสุดที่ตีพิมพ์ในปี 2017
เพื่อตรวจสอบผลของแอสไพรินที่ให้เพียงครั้งเดียว (กรดอะซิติลซาลิไซลิค) ในขนาดต่าง ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดฝีเย็บเฉียบพลันหลังคลอด
ในการปรับปรุงนี้เราสืบค้นจาก Cochrane Pregnancy and Childbirth's Trials Register (4 ตุลาคม 2019), ClinicalTrials.gov, the WHO International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP) (4 ตุลาคม 2019) และเอกสารอ้างอิงของการศึกษาที่สืบค้นมาได้
การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ประเมินแอสไพรินที่ให้เพียงครั้งเดียวเปรียบเทียบกับยาหลอก ไม่มีการรักษา แอสไพรินขนาดต่างกัน หรือพาราเซตามอลที่ให้เพียงครั้งเดียว หรืออะซิตามิโนเฟนที่ให้เพียงครั้งเดียว สำหรับผู้หญิงที่มีอาการปวดฝีเย็บในระยะแรกหลังคลอด เราวางแผนที่จะรวม cluster-RCT แต่ไม่พบการศึกษาประเภทนี้ การวิจัยแบบ Quasi-RCTs และ cross-over trials ไม่ได้ร่วมเข้ามาในการทบทวรวรรรกรรมครั้งนี้
ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คน ประเมินการศึกษาเพื่อคัดเข้า ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ อย่างเป็นอิสระต่อกัน มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับการเปรียบเทียบหลัก (แอสไพรินเมื่อเทียบกับยาหลอก) ได้รับการประเมินโดยใช้วิธี GRADE
เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบได้ทั้งหมด 17 การศึกษา โดย 16 การศึกษา สุ่มให้สตรี 1132 คนได้รับยาแอสไพรินหรือยาหลอก อีก 1 การศึกษาไม่ได้รายงานจำนวนสตรีที่เข้าร่วม มี 2 การศึกษา (จาก 16) ไม่ได้ให้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์อภิมาน สตรีทุกคนมีอาการปวดฝีเย็บที่เกิดจากแผลฝีเย็บและไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนม การศึกษาได้รับการตีพิมพ์ระหว่างปี 1967 และ 1997 และความเสี่ยงของการมีอคติมักไม่ชัดเจนเนื่องจากการรายงานที่ไม่ดี
เรารวมการเปรียบเทียบ 4 แบบ: แอสไพรินกับยาหลอก (15 การศึกษา); แอสไพริน 300 มก. เทียบกับแอสไพริน 600 มก. (1 การศึกษา); แอสไพริน 600 มก. เทียบกับแอสไพริน 1200 มก. (2 การศึกษา); และ แอสไพริน 300 มก. เทียบกับแอสไพริน 1200 มก. (1 การศึกษา)
การเปรียบเทียบระหว่างแอสไพรินกับยาหลอก
แอสไพรินอาจส่งผลให้สตรีรายงานการบรรเทาอาการปวดได้อย่างเพียงพอสี่ถึงแปดชั่วโมงหลังได้ยาเทียบกับยาหลอก (risk ratio (RR) 2.03, 95% confidence interval (CI) 1.69 ถึง 2.42; 13 การศึกษา, สตรี 1001 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่แน่ใจว่าแอสไพรินเมื่อเทียบกับยาหลอกมีผลต่อความต้องการยาเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาอาการปวด (RR 0.25, 95% CI 0.17 to 0.37; 10 การศึกษา, สตรี 744 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือผลข้างเคียงต่อมารดา (RR 1.08, 95% CI 0.57 to 2.06; 14 การศึกาา, สตรี 1067 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) ในช่วงสี่ถึงแปดชั่วโมงหลังได้ยา การวิเคราะห์ตามปริมาณยาที่ให้ไม่ได้เปิดเผยความแตกต่างของกลุ่มย่อยที่ชัดเจน
แอสไพริน 300 มก. กับแอสไพริน 600 มก
ไม่แน่ใจว่านานกว่าสี่ชั่วโมงหลังจากการให้ยาแอสไพริน 300 มก. เมื่อเทียบกับแอสไพริน 600 มก. มีผลต่อการบรรเทาอาการปวดอย่างเพียงพอ (RR 0.82, 95% CI 0.36 ถึง 1.86; 1 การศึกษา, สตรี 81 คน) หรือความต้องการยาเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาอาการปวด (RR 0.68, 95% CI 0.12 ถึง 3.88; 1 การศึกษา, สตรี 81 คน) ไม่มีผลข้างเคียงของมารดาในกลุ่มแอสไพรินทั้งสองปริมาณ
แอสไพริน 600 มก. เทียบกับแอสไพริน 1200 มก
ไม่แน่ใจว่านานกว่าสี่ชั่วโมงหลังจากการให้ยาแอสไพริน 600 มก. เมื่อเทียบกับแอสไพริน 1200 มก. มีผลต่อการบรรเทาอาการปวดอย่างเพียงพอ (RR 0.85, 95% CI 0.52 to 1.39; 2 การศึกษา, สตรี 121 คน) หรือความต้องการยาเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาอาการปวด (RR 1.32, 95% CI 0.30 to 5.68; 2 การศึกษา, สตรี 121 คน) หรือผลข้างเคียงต่อมารดา (RR 3.00, 95% CI 0.13 to 69.52; 2 การศึกษา, สตรี 121 คน)
แอสไพริน 300 มก. เทียบกับแอสไพริน 1200 มก
ไม่แน่ใจว่านานกว่าสี่ชั่วโมงหลังการได้รับแอสไพริน 300 มก. เมื่อเทียบกับแอสไพริน 1,200 มก. มีผลต่อการบรรเทาอาการปวดอย่างเพียงพอ (RR 0.62, 95% CI 0.29 ถึง 1.32; 1 การศึกษา, สตรี 80 คน) หรือความต้องการยาเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาอาการปวด (RR 2.00 , 95% CI 0.19 ถึง 21.18; 1 การศึกษา, สตรี 80 คน) ไม่มีผลข้างเคียงของมารดาในกลุ่มแอสไพรินทั้งสองปริมาณ
ไม่มีการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบที่รวมอยู่รายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดกับทารกแรกเกิด
ไม่มีการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบใดที่รายงานผลลัพธ์รองดังต่อไปนี้: การนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานานเนื่องจากอาการปวดฝีเย็บ; การกลับเข้ามานอนโรงพยาบาลซ้ำเนื่องจากปวดฝีเย็บ; ให้นมบุตรอย่างเต็มที่เมื่อกลับบ้าน; การให้อาหารผสมเมื่อกลับบ้าน; ให้นมบุตรอย่างเต็มที่ในหกสัปดาห์; การให้อาหารผสมที่หกสัปดาห์; ฝีเย็บปวดที่หกสัปดาห์; มุมมองของมารดา; หรือภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของมารดา
Translation notes CD012129.pub3