ประโยชน์และความเสี่ยงของการรักษาด้วย neoadjuvant (การรักษาด้วยยาก่อนการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก) คืออะไรสำหรับมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (melanoma) ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่ง

เราต้องการค้นหาอะไร

มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาเป็นมะเร็งผิวหนังรูปแบบหนึ่งที่มีความรุนแรงมาก โดยทั่วไปมักเป็นอันตรายถึงชีวิตหากตรวจพบในระยะลุกลาม การรักษาเร็วอาจช่วยให้สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกออกได้และมีโอกาสรอดชีวิตในระยะยาวมากขึ้น Neoadjuvant treatment เป็นการรักษาด้วยยาที่ให้ก่อนการผ่าตัด เพื่อลดขนาดของเนื้องอกเพื่อให้ง่ายต่อการเอาออก เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค มีการพัฒนายาประเภทใหม่ การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน และการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้เป็น neoadjuvant

เราต้องการทราบว่าการรักษาด้วย neoadjuvant ระยะ III หรือ IV ช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นหรือไม่ และเพื่อเปรียบเทียบผลไม่พึงประสงค์ (ไม่พึงประสงค์) กับการรักษา neoadjuvant และการดูแลตามปกติ

เราทำอะไร

เราค้นหาวรรณกรรมทางการแพทย์สำหรับการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมซึ่งเปรียบเทียบการรักษาบางประเภทสำหรับมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ประเภทของการรักษารวมถึง:

- การรักษาแบบเจาะจง - เช่น dabrafenib และ trametinib;

- การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน - เช่น ipilimumab และ nivolumab;

- เคมีบำบัด - เช่น dacarbazine และ temozolomide;

- การรักษาเฉพาะที่ - เช่น imiquimod;

- รังสีรักษา

เราพิจารณาการรักษาด้วยยาเดี่ยวและยาผสม เราได้อธิบายและเปรียบเทียบผลลัพธ์จากการศึกษาเหล่านี้ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างการศึกษา

เราพบอะไร

เราพบการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม 8 ฉบับที่รวมผู้ใหญ่ 402 คน คนส่วนใหญ่เป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ 3 และได้รับการรักษาในโรงพยาบาล การศึกษาส่วนใหญ่ใช้การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันหรือการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย และเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้กับการผ่าตัด โดยมีหรือไม่มีการรักษาแบบเสริม (การรักษาที่ให้หลังการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก เพื่อลดความเสี่ยงที่เนื้องอกจะกลับมา) ไม่มีการศึกษาใดพิจารณาถึงผลกระทบของการรักษาต่อคุณภาพชีวิต และการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้เปรียบเทียบอัตราการตอบสนองของเนื้องอกหลังการรักษาที่แตกต่างกัน

เราไม่แน่ใจว่าการรักษาด้วย neoadjuvant ช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นหรือไม่เมื่อเทียบกับการไม่รักษาด้วย neoadjuvant อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์มากขึ้น และเราไม่แน่ใจว่าจะเพิ่มเวลาการที่เนื้องอกจะกลับมาหรือไม่

เราไม่แน่ใจว่าการรักษาด้วย neoadjuvant ที่กำหนดเป้าหมายด้วย dabrafenib และ trametinib ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นหรือไม่ เมื่อเทียบกับการไม่ใช้ neoadjuvant หรืออาจเพิ่มเวลาจนกว่าเนื้องอกจะกลับมาหรือไม่ การศึกษาไม่ได้เปรียบเทียบผลลัพธ์ด้านความปลอดภัยกับการรักษาแต่ละอย่าง

เราไม่แน่ใจว่าการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน neoadjuvant ด้วย talimogene laherparepvec (T-VEC) ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นหรือไม่เมื่อเทียบกับการไม่รักษาด้วย neoadjuvant อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์มากขึ้น เราไม่แน่ใจว่าจะเพิ่มเวลาจนกว่าเนื้องอกจะกลับมา

ไม่มีข้อมูลรายงานว่าการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันแบบ neoadjuvant ร่วมกับ ipilimumab และ nivolumab ช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นหรือไม่ เมื่อเทียบกับการรักษาแบบเสริม (การรักษาที่ให้เฉพาะหลังการผ่าตัด) ipilimumab และ nivolumab ร่วมกัน อัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ไม่มีข้อมูลรายงานว่าการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันแบบ neoadjuvant ร่วมกับ ipilimumab และ nivolumab จะเพิ่มเวลาจนกว่าเนื้องอกจะกลับมาหรือไม่

การรวมกันของ neoadjuvant ipilimumab และ nivolumab อาจส่งผลให้ผู้คนมีอายุยืนยาวเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เมื่อเทียบกับ neoadjuvant nivolumab และอาจเพิ่มอัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ แต่ความเชื่อมั่นในหลักฐานของเราต่ำมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าการทดลองนี้หยุดก่อนกำหนดเนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่ม neoadjuvant nivolumab อาจไม่สามารถรับการผ่าตัดได้เนื่องจากการลุกลามของโรค และเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษามีอัตราสูงในกลุ่มการรักษาแบบรวมสองอย่าง การรักษาแบบรวมอาจทำให้อัตราการตอบสนองของเนื้องอกสูงขึ้น แต่ความเชื่อมั่นในหลักฐานของเราต่ำมาก ระยะเวลาที่เนื้องอกกลับมาอาจไม่แตกต่างกัน

ไม่มีข้อมูลว่าการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันแบบ neoadjuvant ร่วมกับ ipilimumab และ nivolumab ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นหรือไม่ เมื่อเทียบกับการรักษาด้วย neoadjuvant ตามลำดับด้วย ipilimumab และ nivolumab อาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์น้อยลงเมื่อเทียบกับการรักษาตามลำดับ และอาจส่งผลให้อัตราการตอบสนองของเนื้องอกสูงขึ้น กลุ่มการรักษาตามลำดับของการทดลองหยุดการรับสมัครผู้ป่วยเนื่องจากมีอุบัติการณ์สูงของ AEs ที่รุนแรง ไม่มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเวลาที่เนื้องอกกลับมา

ไม่มีข้อมูลรายงานว่า neoadjuvant high-dose interferon plus chemotherapy เมื่อเทียบกับ neoadjuvant chemotherapy สามารถช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น เพิ่มเวลาที่ใช้ในการเกิดซ้ำของเนื้องอก ลดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ หรือส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่ออัตราการตอบสนองของเนื้องอก

สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร

เราไม่แน่ใจว่าการรักษามะเร็งผิวหนังระยะที่ III หรือ IV ด้วยวิธี neoadjuvant จะช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น หรือมีเวลามากขึ้นก่อนที่โรคนี้จะกลับมาเป็นซ้ำ นอกจากนี้ เรายังไม่แน่ใจว่าประโยชน์ของการรักษาด้วย neoadjuvant มีมากกว่าความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หรือไม่

หลักฐานนี้ทันสมัยแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนสิงหาคม 2021

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราไม่แน่ใจว่าการรักษาด้วย neoadjuvant เพิ่ม OS หรือ TTR เมื่อเทียบกับการไม่รักษา neoadjuvant และอาจเกี่ยวข้องกับอัตรา AE ที่สูงขึ้นเล็กน้อย มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้ neoadjuvant ในทางคลินิก ลำดับความสำคัญสำหรับการวิจัย ได้แก่ การพัฒนาชุดผลลัพธ์หลักสำหรับการทดลอง neoadjuvant ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียงพอ โดยมีการตรวจสอบความถูกต้องของการตอบสนองทางพยาธิวิทยาและรังสีวิทยาเป็นจุดสิ้นสุดระดับกลาง เพื่อตรวจสอบผลประโยชน์สัมพัทธ์ของการรักษาด้วย neoadjuvant เมื่อเทียบกับการรักษาแบบเสริมด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดหรือการบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาเป็นหนึ่งในมะเร็งผิวหนังที่มีความรุนแรงที่สุด การรักษาด้วย Neoadjuvant เป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดแบบเหนี่ยวนำ เพื่อทำให้ก้อนมะเร็งหดตัวก่อนการรักษาหลัก (มักเป็นการผ่าตัด) จุดประสงค์คือเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและผลลัพธ์ของการผ่าตัด การทบทวนวรรณกรรมนี้ ประเมินวรรณกรรมอย่างเป็นระบบเพื่อตรวจสอบการใช้ neoadjuvant รักษามะเร็งผิวหนังระยะที่ III และ IV

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของการรักษาด้วย neoadjuvant ในผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ III หรือระยะที่ IV ตามระบบของ American Joint Committee on Cancer (AJCC) staging system ฉบับที่เจ็ด

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาฐานข้อมูลต่อไปนี้จนถึง 10 สิงหาคม 2021 รวมถึง: Cochrane Skin Specialized Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, LILACS และทะเบียนการทดลอง 4 แหล่ง พร้อมกับการตรวจสอบการอ้างอิงและติดต่อกับผู้เขียนการศึกษาเพื่อระบุการศึกษาเพิ่มเติม นอกจากนี้ เรายังค้นหาการดำเนินการด้วยมือจากการประชุมเฉพาะตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2020

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ของผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ III และ IV เปรียบเทียบกลยุทธ์การรักษาด้วย neoadjuvant (โดยใช้การรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย ภูมิคุ้มกันบำบัด รังสีรักษา การรักษาเฉพาะที่ หรือเคมีบำบัด) กับสารใดๆ เหล่านี้หรือมาตรฐานการดูแลปัจจุบัน (SOC) มีสิทธิ์ได้รับการรวมในการทบทวน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักคือการรอดชีวิตโดยรวม (OS) และผลไม่พึงประสงค์ (AEs) ผลลัพธ์รอง ได้แก่ ระยะเวลาในการเกิดซ้ำ (TTR) คุณภาพชีวิต (QOL) และอัตราการตอบสนองโดยรวม (ORR) เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

เรารวม RCTs 8 ฉบับ ที่มีผู้เข้าร่วม 402 คน การศึกษาที่ลงทะเบียนในผู้ใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ 3 ตรวจสอบการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน เคมีบำบัด หรือการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย และเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้กับการตัดออกด้วยการผ่าตัดโดยมีหรือไม่มีการรักษาแบบเสริม ระยะเวลาของการติดตามผลและสูตรการรักษาแตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อรวมกับความแตกต่างในประชากรและคำจำกัดความของจุดสิ้นสุด ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์เมตต้าของการศึกษาที่พบทั้งหมดได้ เราทำการวิเคราะห์เมตต้าจากการศึกษา 3 ฉบับ

เราไม่แน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าการรักษาด้วย neoadjuvant เพิ่มอัตราการรอดชีวิตเมื่อเทียบกับการไม่รักษาด้วย neoadjuvant (อัตราส่วนอันตราย (HR) 0.43, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.15 ถึง 1.21; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 171 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) การรักษาด้วย Neoadjuvant อาจเพิ่มอัตราของ AEs แต่หลักฐานไม่แน่นอนอย่างมาก (26% เทียบกับ 16%, อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.58, 95% CI 0.97 ถึง 2.55; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 162 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) เราไม่แน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าการรักษาด้วย neoadjuvant เพิ่ม TTR (HR 0.51, 95% CI 0.22 ถึง 1.17; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 171 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) การศึกษาไม่ได้รายงาน ORR เป็นผลเปรียบเทียบหรือวัดข้อมูล QOL

เราไม่แน่ใจอย่างมากว่าการรักษาneoadjuvant แบบกำหนดเป้าหมาย ด้วย dabrafenib และ trametinib เพิ่ม OS (HR 0.28, 95% CI 0.03 ถึง 2.25; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 21 คน; หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือ TTR (HR 0.02, 95% CI 0.00 ถึง 0.22; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 21 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัด การศึกษาไม่ได้รายงานอัตราเปรียบเทียบของ AEs และการตอบสนองโดยรวม และไม่ได้วัด QOL

เราไม่แน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าการรักษา neoadjuvant ด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดด้วย ร่วมกับ talimogene laherparepvec เพิ่มอัตราการรอดชีวิตเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่รักษาด้วย neoadjuvant (HR 0.49, 95% CI 0.15 ถึง 1.64; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 150 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) อาจมีอัตราการเกิด AE ที่สูงกว่า แต่หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมาก (16.5% เทียบกับ 5.8%, RR 2.84, 95% CI 0.96 ถึง 8.37; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 142 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) เราไม่แน่ใจอย่างมากว่ามันเพิ่ม TTR (HR 0.75, 95% CI 0.31 ถึง 1.79; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 150 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) การศึกษาไม่ได้รายงานเปรียบเทียบ ORRs หรือวัด QOL

ไม่มีรายงาน OS สำหรับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน neoadjuvant (รวม ipilimumab และ nivolumab) เมื่อเปรียบเทียบกับการรวมกันของ ipilimumab และ nivolumab เป็นการรักษาแบบเสริม อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในอัตราของ AEs ระหว่างการรักษาเหล่านี้ (9%, RR 1.0, 95% CI 0.75 ถึง 1.34; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 20 คน; หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) การศึกษาไม่ได้รายงานเปรียบเทียบ ORRs หรือวัดค่า TTR และ QOL

Neoadjuvant immunotherapy (การรวมกันของ ipilimumab และ nivolumab) มีแนวโน้มที่จะให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในการรอดชีวิตโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบกับ neoadjuvant nivolumab monotherapy (P = 0.18; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 23 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) อาจเพิ่มอัตราของ AEs แต่ความแน่นอนของหลักฐานนี้ต่ำมาก (72.8% เทียบกับ 8.3%, RR 8.73, 95% CI 1.29 ถึง 59; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 23 คน); การทดลองนี้หยุดลงก่อนกำหนดเนื่องจากการสังเกตการลุกลามของโรคทำให้ไม่สามารถตัดการผ่าตัดในกลุ่มที่รักษาด้วยยาเดี่ยว และมีอัตราการเกิด AE สูงที่เกี่ยวข้องกับการรักษาในกลุ่มที่ให้การรักษาแบบสองอย่างร่วมกัน การรักษาแบบผสมผสาน Neoadjuvant อาจทำให้ ORR สูงขึ้น แต่หลักฐานไม่แน่นอนมาก (72.8% เทียบกับ 25%, RR 2.91, 95% CI 1.02 ถึง 8.27; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 23 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) มีแนวโน้มที่จะให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างใน TTR (P = 0.19; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 23 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) การศึกษาไม่ได้วัด QOL

ไม่มีรายงาน OS สำหรับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน neoadjuvant (รวม ipilimumab และ nivolumab) เมื่อเปรียบเทียบกับ neoadjuvant sequential immunotherapy (ipilimumab แล้วตามด้วย nivolumab) มีการรายงานเฉพาะ AEs ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันระดับ 3 ถึง 4; มีรายงานน้อยลงเมื่อใช้การรักษาแบบผสมผสาน และกลุ่มที่การรักษาตามลำดับปิดก่อนกำหนดเนื่องจากอุบัติการณ์สูงของ AEs ที่รุนแรง การผสมผสาน neoadjuvant มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ ORR สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการรักษาด้วย neoadjuvant แบบให้ตามลำดับ (60.1% เทียบกับ 42.3%, RR 1.42, 95% CI 0.87 ถึง 2.32; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 86 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การศึกษาไม่ได้วัด TTR และ QOL

ไม่มีรายงานข้อมูลเกี่ยวกับ OS, AEs, TTR หรือ QOL สำหรับการเปรียบเทียบระหว่าง neoadjuvant interferon (HDI) ร่วมกับเคมีบำบัดเทียบกับ neoadjuvant chemotherapy Neoadjuvant HDI ร่วมกับเคมีบำบัดอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อ ORR แต่หลักฐานไม่แน่นอนมาก (33% เทียบกับ 22%, RR 1.75, 95% CI 0.62 ถึง 4.95; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 36 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 10 มีนาคม 2023

Tools
Information