ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังผ่าตัดรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในสตรี

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

ยาปฏิชีวนะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อในสตรีที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ซึ่งกำลังได้รับการผ่าตัดรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือไม่

ความเป็นมา

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (SUI) หมายถึง ปัสสาวะเล็ดโดยไม่สามารถควบคุมได้เมื่อความดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เช่น ระหว่างการไอ จาม หรือหัวเราะ Continence surgery เป็นการรักษาแบบหนึ่งสำหรับ SUI การผ่าตัดมี 2 ประเภท: การผ่าตัดแบบเปิด เช่น colposuspension (เปิดแผลที่หน้าท้องเพื่อเย็บในช่องคลอดที่ด้านใดด้านหนึ่งของท่อปัสสาวะ ท่อปัสสาวะที่ระบายออกจากกระเพาะปัสสาวะของคุณ) หรือขั้นตอนที่ไม่ invasive เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Colposuspension) (ใช้แผลเล็กเพื่อสอดเย็บแผล) การทำสลิง (โดยใช้เทปหรือตาข่ายทำสลิงรอบท่อปัสสาวะเพื่อยกกลับเข้าท่าปกติแล้วแนบไปกับผนังช่องท้อง) หรือการฉีดสารเพิ่มน้ำหนัก (เช่น คอลลาเจน) เข้าสู่คอกระเพาะปัสสาวะ การติดเชื้อที่บริเวณที่ทำการผ่าตัดหรือทางเดินปัสสาวะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยหลังการผ่าตัดรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ทั้งหมด ยาปฏิชีวนะแบบป้องกันมีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่บาดแผลหลังผ่าตัด แต่หลักฐานสนับสนุนยังมีจำกัด

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันเพียงใด

เราค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs ทุกคนมีโอกาสเท่ากันที่จะได้รับการรักษาที่กำลังทดสอบ) และ quasi-RCT (การรักษาอยู่ระหว่างการทดสอบแต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้รับเท่ากัน) จนถึงวันที่ 18 มีนาคม 2021

ลักษณะการศึกษา

เรารวม 3 การศึกษา (ในรายงาน 7 ฉบับ) เกี่ยวกับสตรีทั้งหมด 390 คนที่ได้รับการผ่าตัดรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ 1 ใน 2 แบบ และได้รับยาปฏิชีวนะ 3 ขนาดที่แตกต่างกัน (เซฟาโซลิน) หรือยาหลอก หรือไม่ได้รับการรักษาเลย ขนาดตัวอย่างในการทดลองมีสตรีตั้งแต่ 26 ถึง 305 คน ไม่มีการศึกษาใดที่ระบุอย่างชัดเจนถึงเวลาของการประเมินผล อายุเฉลี่ยของสตรีอยู่ระหว่าง 45 ถึง 54 ปี

แหล่งเงินทุนสนับสนุนการศึกษา

2 การศึกษาไม่ได้รับทุน; การศึกษาที่ 3 ไม่ได้ให้ข้อมูลเงินทุน

ผลลัพธ์ที่สำคัญ

ยาปฏิชีวนะเชิงป้องกันอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการติดเชื้อที่บริเวณผ่าตัด การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือแบคทีเรียในปัสสาวะ (มีแบคทีเรียในปัสสาวะ) ไข้หลังการผ่าตัด หรือการปรากฏตัวของเทปเทียมหรือตาข่ายที่ใช้ในการผ่าตัดผ่านผิวหนังใต้ท่อปัสสาวะ แต่เราไมเชื่อมั่นในผลลัพธ์มาก

ไม่มีการศึกษาใดที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ภาวะติดเชื้อหรือภาวะแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการดื้อยาปฏิชีวนะจากแบคทีเรีย

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

เราไม่เชื่อมั่นในผลการวิจัยของเรา เนื่องจากมาจาก 3 การศึกษาขนาดเล็กเท่านั้น แต่ละการศึกษาประเมินประสิทธิผลของยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อในขั้นตอนการผ่าตัด ปริมาณยาปฏิชีวนะ และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ แต่ละการศึกษาที่รวบรวมมามีขนาดกลุ่มตัวอย่างที่เล็ก และบางการศึกษาดำเนินการในลักษณะที่อาจรวมข้อบกพร่องเข้ากับผลลัพธ์ การค้นพบของเราอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อมี RCT ที่มีคุณภาพดีขึ้นและขนาดใหญ่

บทนำ

ทางเลือกในการผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (SUI) มักจะถูกพิจารณาหลังจากการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม (conservative interventions) ล้มเหลว การผ่าตัดแบ่งออกเป็นสองประเภท: เทคนิคแบบดั้งเดิม (การผ่าตัดแบบเปิด) และวิธีการ invasive น้อยที่สุด เช่น วิธีการส่องกล้อง การใส่สลิงที่ท่อปัสสาวะ และการฉีดด้วยสารเพิ่มขนาดท่อปัสสาวะ การติดเชื้อหลังการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อที่บริเวณผ่าตัดหรือทางเดินปัสสาวะ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรียหลังการผ่าตัด อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนหรือระหว่างการผ่าตัด

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ของสตรี

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา Cochrane Incontinence Specialized Register ซึ่งมีการทดลองที่พบจาก CENTRAL, MEDLINE, MEDLINE In-Process, MEDLINE Epub Ahead of Print, CINAHL, ClinicalTrials.gov และ WHO ICTRP; และวารสารที่สืบค้นด้วยมือและรายงานการประชุมจนถึงวันที่ 18 มีนาคม 2021 นอกจากนี้ยังค้นรายการอ้างอิงทั้งหมดจากบทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวม randomized controlled trials (RCTs) และ quasi-RCTs ที่ประเมินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อในสตรีที่ได้รับการผ่าตัดรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เพื่อรักษา SUI

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทบทวนวรรณกรรมสองคนเลือกการศึกษาวิจัยที่เข้าเกณฑ์ ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ เราแสดงผลลัพธ์เป็น risk ratios (RR) สำหรับผลลัพธ์แบบ dichotomous และความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) สำหรับผลลัพธ์ที่เป้นข้อมูลต่อเนื่อง และช่วงความเชื่อมั่น (CIs) 95% เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานที่ได้โดยวิธี GRADE

ผลการวิจัย

เราพบ 1 quasi-RCT และ 2 RCTs ซึ่งมีสตรีทั้งหมด 390 คน 1 การศึกษาดำเนินการผ่าตัดท่อปัสสาวะ retropubic ที่ต้องการแผลผ่าตัดตามขวางเหนือหัวเหน่าในขณะที่ 2 การศึกษาทำการผ่าตัดทำ midurethral sling surgery ควรสังเกตว่าไม่มีการศึกษาใดที่ระบุช่วงเวลาของการประเมินผลลัพธ์ที่ชัดเจน

เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากว่ายาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ (เซฟาโซลิน) มีผลต่อการติดเชื้อที่บริเวณผ่าตัดหรือไม่ (RR 0.56, 95% CI 0.03 ถึง 12.35; 2 การศึกษา, สตรี 85 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือแบคทีเรียในปัสสาวะ (RR 0.84, 95% CI 0.05 ถึง 13.24, 2 การศึกษา, สตรี 85 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ผลของยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ (เซฟาโซลิน) ต่อ febrile morbidity ก็ยังไม่แน่นอน (RR 0.08, 95% CI 0.00 ถึง 1.29; 2 การศึกษา, สตรี 85 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เราไม่แน่ใจอย่างมากว่ายาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ (เซฟาโซลิน) มีผลกระทบต่อ mesh exposure หรือไม่ (RR 0.32, 95% CI 0.01 ถึง 7.61; 1 การศึกษา, สตรี 59 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการศึกษาใดในสามการศึกษาที่บรรยายการประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาปฏิชีวนะ ภาวะติดเชื้อ หรือภาวะแบคทีเรียในกระแสเลือดในรายงาน

ข้อสรุปของผู้วิจัย

มีเพียงข้อมูลที่จำกัดเท่านั้นจากทั้ง 3 การศึกษา ที่รวบรวมมา และโดยรวมแล้ว ความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมาก นอกจากนี้ ทั้ง 3 การศึกษายังได้ประเมินขั้นตอนการผ่าตัดและปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะที่แตกต่างกัน

ดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานสนับสนุนหรือหักล้างการใช้ยาปฏิชีวนะแบบป้องกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ จำเป็นต้องมี RCTs เพิ่มเติม

บันทึกการแปล

ผู้แปล ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3 เมษายน 2022

การอ้างอิง
Temtanakitpaisan T, BuppasiriP, LumbiganonP, LaopaiboonM, RattanakanokchaiS.Prophylactic antibiotics for preventing infection after continence surgery in women with stress urinary incontinence. Cochrane Database of Systematic Reviews 2022, Issue 3. Art. No.: CD012457. DOI: 10.1002/14651858.CD012457.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า