การจัดการเพื่อเพิ่มการลงทะเบียนผู้บริจาคอวัยวะ

ปัญหาคืออะไร

ทั่วโลกต้องการอวัยวะสำหรับการปลูกถ่ายเพิ่ม กลยุทธ์หนึ่งที่เป็นไปได้คือการส่งเสริมให้ประชาชนลงทะเบียนเป็นผู้บริจาคอวัยวะมากขึ้น

เราทำอะไร

เพื่อแก้ไขปัญหานี้เราได้ค้นพบการศึกษา 46 รายการที่ทดสอบกลยุทธ์ต่างๆเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนลงทะเบียนเป็นผู้บริจาคอวัยวะ การศึกษา 16 รายการ วัดการลงทะเบียนจริง, การศึกษา 27 รายการ วัดความตั้งใจของผู้คนในการลงทะเบียน/บริจาค และการศึกษา 3 รายการ วัดทั้งสองอย่าง

เราพบอะไร

การศึกษาได้ดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างกว้างขวางรวมถึงโรงเรียนศูนย์ยานยนต์สำหรับคนขับ (DMV) สถานพยาบาลเบื้องต้นและในชุมชนท้องถิ่น การศึกษายังใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างกว้างขวางในการเพิ่มการลงทะเบียนเช่นการให้ความรู้ การฝึกอบรมผู้นำ การฝึกอบรม DMV หรือเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลปฐมภูมิและการกำหนดกรอบข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะในบางรูปแบบ

เราพบว่าการศึกษามีผลโดยรวมเล็กน้อยต่อความตั้งใจของผู้คนในการลงทะเบียน/บริจาค รวมถึงอัตราการลงทะเบียนจริงอย่างไรก็ตามไม่มีกลยุทธ์ใดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีอื่นๆ มีหลักฐานสนับสนุนว่าการฝึกอบรมผู้นำในชุมชนเพื่อให้การศึกษาการบริจาคอวัยวะอาจช่วยเพิ่มอัตราการลงทะเบียนและการศึกษาในห้องเรียนจากสมาชิกของชุมชนปลูกถ่ายอาจช่วยเพิ่มความตั้งใจในการลงทะเบียน/บริจาค นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าการจัดทำข้อมูลการบริจาคอวัยวะด้วยวิธีการบางอย่างอาจช่วยเพิ่มความตั้งใจของผู้คนในการลงทะเบียน/บริจาค แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

ข้อสรุป

โดยสรุปแล้วกลยุทธ์ในการเพิ่มการลงทะเบียนการบริจาคอวัยวะมีประโยชน์บางประการ แต่แตกต่างกันอย่างมากในแง่การจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไหนและอย่างไร

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ในการทบทวนวรรณกรรมของเรา เราได้พบวิธีการต่างๆ ที่ใช้ในการเพิ่มการลงทะเบียนผู้บริจาคอวัยวะ รวมถึงการให้ความรู้ในโรงเรียน, การใช้ประโยชน์จากผู้นำในชุมชน, การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ DMV, targeted messaging และการเตรียมความพร้อม ความแตกต่างของการวัดผลที่ใช้และความไม่สมบูรณ์ในการรายงาน หมายความว่าข้อมูลส่วนใหญ่ไม่สามารถรวมกันเพื่อการวิเคราะห์ได้ เมื่อรวมข้อมูลเข้าด้วยกันขนาดของผลกระทบโดยรวมมีขนาดเล็กสำหรับกลุ่มที่ได้รับวิธีการต่างๆ (intervention groups) เทียบกับกลุ่มควบคุม อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในข้อมูล มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าการใช้ผู้นำในชุมชนเพื่อให้การศึกษาการบริจาคอวัยวะอาจช่วยเพิ่มอัตราการลงทะเบียนและการให้ความรู้ในชั้นเรียนจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ (เช่นสมาชิกของชุมชนปลูกถ่ายอวัยวะ) อาจเพิ่มความตั้งใจในการลงทะเบียน/บริจาคได้ อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าวิธีการใดเป็นวิธีที่ดีที่สุด มีหลักฐานให้ผลหลายอย่างสำหรับวิธีการอย่างง่าย และมีความเข้มข้นต่ำ โดยใช้กรอบข้อความและการจัดเตรียม อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่าความสนใจในกลยุทธ์เหล่านี้จะยังคงมีอยู่เนื่องจากการเข้าถึงและความสามารถในการปรับขนาดได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตอบคำถามอย่างเพียงพอเกี่ยวกับวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเพิ่มการลงทะเบียนผู้บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิต

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การส่งเสริมให้คนลงทะเบียนบริจาคอวัยวะเมื่อเสียชีวิตเป็นวิธีการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มจำนวนอวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย อย่างไรก็ตามเปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ลงทะเบียนเพื่อบริจาคอวัยวะยังคงอยู่ในระดับต่ำในหลายประเทศ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของ การใช้วิธีต่างๆเพื่อเพิ่มการลงทะเบียนผู้บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิต

วิธีการสืบค้น: 

เราสืบค้น Cochrane Kidney and Transplant Register of Studies จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2020 ผ่านการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลโดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษาในทะเบียนจะค้นหาผ่าน CENTRAL, MEDLINE และ EMBASE, เอกสารการประชุม ทะเบียนการทดลองทางคลินิกระหว่างประเทศ Register Search Portal และ ClinicalTrials.gov

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) ทั้งหมด, cluster RCTs และ quasi-RCTs ที่ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเพื่อส่งเสริมการลงทะเบียนผู้บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิต เรารวมการศึกษาที่วัดการลงทะเบียนผู้บริจาคที่รายงานด้วยตนเองหรือยืนยันความตั้งใจที่จะบริจาค, ความตั้งใจที่จะลงทะเบียน, การตัดสินใจหรือจำนวนบุคคลที่ลงนามในบัตรผู้บริจาค

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

นักวิจัย 2 คนประเมินการศึกษาที่ดึงมาโดยอิสระและดึงข้อมูลจากการศึกษาที่รวบรวมไว้ เราประเมินการศึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดอคติ เราได้รับการประเมินผลโดยสรุปโดยใช้ random-effects model และแสดงผลลัพธ์เป็นอัตราส่วนความเสี่ยง (RR) (ช่วงความเชื่อมั่น 95%; CI) สำหรับผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลแบบ dichotomous และความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD; 95% CI) หรือความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD; 95 % CI) สำหรับผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลต่อเนื่อง ในการทดลองแบบ multi-arm trials ข้อมูลถูกรวบรวมเพื่อสร้างการเปรียบเทียบแบบคู่เดียว การวิเคราะห์แบ่งชั้นตามวิธีการเฉพาะ (specific intervention) ที่มี

ผลการวิจัย: 

กลยุทธ์การสืบค้นของเราพบการศึกษา 46 รายการ (มี primary articles 47 รายการ โดยมีบทคัดย่อหนึ่งเรื่อง) ซึ่งประกอบด้วย parallel RCTs 24 รายการ, cluster RCTs 19 รายการ และ quasi-RCTs 3 รายการ ขนาดตัวอย่างอยู่ระหว่าง 138 ถึง 1,085,292 (มัธยฐาน = 514) การศึกษาทั้งหมด 16 รายการ ที่วัดผลจากการลงทะเบียน, การศึกษา 27 รายการ ที่วัดความตั้งใจที่จะลงทะเบียน/บริจาค และการศึกษา 3 รายการ ที่วัดทั้งการลงทะเบียนและความตั้งใจที่จะลงทะเบียน

มีวิธีการเพื่อเพิ่มการบริจาคหลายแบบ โดยเข้าไปที่โรงเรียน (การศึกษา 14 รายการ), ศูนย์ยานยนตร์คนขับ (การศึกษา 5 รายการ), การส่งจดหมาย (การศึกษา 4 รายการ), สถานบริการสุขภาพปฐมภูมิ (การศึกษา 3 รายการ), สถานที่ทำงาน (การศึกษา 1 รายการ), ชุมชน (การศึกษา 7 รายการ) และสถานที่สาธารณะทั่วไป (การศึกษา 12 รายการ) วิธีการที่ใช้มีความแตกต่างกันอย่างมากในแง่ของเนื้อหาและรวมถึงกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การให้ความรู้และการใช้วิดีโอให้ความรู้, การใช้ประโยชน์จากผู้นำ, การฝึกอบรมพนักงาน, การจัดกรอบข้อความและการเตรียมความพร้อม การศึกษาส่วนใหญ่ได้รับการจัดอันดับว่ามีความเสี่ยงของการมีอคติสูงหรือไม่ชัดเจน ในประเด็นเรื่องการสร้างลำดับแบบสุ่ม และการปกปิดการจัดสรรผู้เข้าร่วม และมีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำในประเด็นอื่นที่เหลือ

ข้อมูล 34 จาก 46 การศึกษา (74%) สามารถนำมาวิเคราะห์เมตต้าได้ หลักฐานที่มีความแน่นอนต่ำแสดงให้เห็นว่าการแทรกแซงการลงทะเบียนการบริจาคอวัยวะมีผลโดยรวมเล็กน้อยในการปรับปรุงพฤติกรรมการลงทะเบียน (การศึกษา 16 ครั้งผู้เข้าร่วม 1,294,065 คน: RR 1.30, 95% CI 1.19 ถึง 1.43, I2 = 84%), ความตั้งใจที่จะลงทะเบียน/บริจาค (dichotomous) (การศึกษา 10 รายการ, ผู้เข้าร่วม 10,838 คน: RR 1.21, 95% CI 1.03 ถึง 1.42, I2 = 91%) และความตั้งใจที่จะลงทะเบียน/บริจาค (ต่อเนื่อง) (การศึกษา 9 รายการ, ผู้เข้าร่วม 3572 คน: SMD 0.23, 95% CI 0.11 ถึง 0.36, I2 = 67%)

วิธีการที่ใช้ในชั้นเรียนที่นำเสนอในรูปแบบการบรรยายโดยบุคคลจากชุมชนการปลูกถ่ายอวัยวะ อาจมีผลในการเพิ่มความตั้งใจในการลงทะเบียน/บริจาค (การศึกษา 3 รายการ, ผู้เข้าร่วม 675 คน: RR 1.33, 95% CI 1.15 ถึง 1.55, I² = 0%) วิธีการที่ใช้ในชุมชนที่กำหนดเป้าหมายกลุ่มเชื้อชาติเฉพาะจะได้ผลในการเพิ่มอัตราการลงทะเบียน (k = 5, n = 4186; RR 2.14, 95% CI 1.35 ถึง 3.40, I² = 85%) แม้ว่าความแตกต่างระหว่างการศึกษาจะสูงก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิธีการที่ใช้ในชุมชนโดยผู้นำที่ได้รับการฝึกฝนดูเหมือนจะได้ผล (การศึกษา 3 รายการ, ผู้เข้าร่วม 3819 คน: RR 2.09, 95% CI 1.08 ถึง 4.06, I² = 87%) แม้ว่าข้อมูลจะขาดความแน่นอน มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าการใช้กรอบข้อความ (เช่น ความเสียใจที่คาดว่าจะเกิดขึ้น) และการจัดเตรียมบุคคล (เช่นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน) ในวิธีใดวิธีหนึ่งอาจเพิ่มความตั้งใจในการลงทะเบียน/บริจาค อย่างไรก็ตามมีการศึกษาเพียงไม่กี่รายการที่วัดผลกระทบนี้ในการลงทะเบียนจริง

โดยรวมแล้วการศึกษามีความแตกต่างกันอย่างมากในแง่ของการออกแบบ, พื้นที่การศึกษา, เนื้อหาและการนำไปใช้ อคติในการเลือกเห็นได้ชัดและหนึ่งในสี่ของการศึกษาไม่สามารถรวมอยู่ในการวิเคราะห์เมตต้า เนื่องจากการรายงานข้อมูลผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล นพ.ศุภณัฏฐ์ ลุมพิกานนท์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 23 มิถุนายน 2021

Tools
Information