การเสริมสังกะสีมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเสียชีวิตและโรค และส่งเสริมการเจริญเติบโตในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปีหรือไม่ และก่อให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

ใจความสำคัญ

- การเสริมธาตุสังกะสีในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปีมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในการตายจากทุกสาเหตุ และอาจไม่แตกต่างในการเสียชีวิตจากอาการท้องร่วง การเสริมสังกะสีอาจช่วยลดอัตราการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างและโรคมาลาเรีย แต่ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

- การเสริมธาตุสังกะสีในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปี อาจป้องกันการเจ็บป่วยจากอาการท้องร่วง แต่อาจทำให้อาเจียนหลังการเสริม อาจทำให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เหตุใดการศึกษาการเสริมสังกะสีจึงมีความสำคัญ

สังกะสีเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการจำนวนน้อยและจำเป็น เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เด็กเติบโตตามปกติและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง การขาดธาตุสังกะสีอาจทำให้ท้องร่วง ปอดอักเสบ มาลาเรีย และอาจเสียชีวิตได้ การบริโภอาหารที่มีสังกะสีในต่ำมักเชื่อมโยงกับความยากจน เด็กมากถึงครึ่งในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางอาจมีภาวะขาดธาตุสังกะสี เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งสังกะสีตามธรรมชาติที่ดี แต่มีราคาแพง การขาดน้ำสะอาดและการสุขาภิบาลที่ไม่ดีจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ซึ่งสังกะสีอาจช่วยต่อสู้ได้ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตหรือกักเก็บสังกะสีได้ ดังนั้น การให้เสริมในอาหารจึงมีความสำคัญ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่าการให้สังกะสีเสริมแก่เด็กช่วยป้องกันการเสียชีวิตและโรคภัยไข้เจ็บของเด็ก และส่งเสริมการเจริญเติบโตหรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่สุ่มให้เด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปีได้รับการเสริมสังกะสีหรือไม่มีสังกะสี

เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาด

เราพบอะไร

เรารวมการศึกษา 96 ฉบับในการทบทวนวรรณกรรม โดยมีเด็ก 219,584 คน การศึกษาเกิดขึ้นใน 34 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เด็กส่วนใหญ่ในการศึกษามีอายุต่ำกว่าห้าขวบ โดยทั่วไปมักให้สังกะสีในรูปของน้ำเชื่อม (ซิงค์ซัลเฟต) และขนาดที่ใช้มากที่สุดคือระหว่าง 10 มก. ถึง 15 มก. ต่อวัน

เราพบว่าการให้เสริมสังกะสีแก่เด็กอาจนำไปสู่การลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามและลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากท้องร่วงได้เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างหรือมาลาเรียอาจลดลง เด็กที่ได้รับสังกะสีจะมีอาการท้องเสียน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับสังกะสี อย่างไรก็ตาม สังกะสีดูเหมือนจะไม่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็ก การเสริมสังกะสีอาจมีผลดีเล็กน้อยต่อการเจริญเติบโต เด็กที่รับประทานสังกะสีเสริมอาจมีอาการอาเจียนซึ่งเป็นผลที่ไม่พึงประสงค์

ข้อจำกัด ของหลักฐานคืออะไร

เรามั่นใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ของเราเกี่ยวกับผลของอาหารเสริมสังกะสีในการลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากสาเหตุต่างๆ การเจ็บป่วยจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ และการอาเจียนหลังการเสริม ความเชื่อมั่นในผลลัพธ์สำหรับผลลัพธ์อื่นๆ ของเราอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากมีการศึกษาค่อนข้างน้อยที่รายงานผลลัพธ์เหล่านี้ และเนื่องจากบางครั้งการศึกษารายงานผลลัพธ์ที่แตกต่างจากการศึกษาอื่นๆ สำหรับผลลัพธ์เดียวกัน

หลักฐานนี้ทันสมัยแค่ไหน

การทบทวนวรรณกรรมนี้ปรับปรุงฉบับก่อนหน้าที่เผยแพร่ในปี 2014 หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

แม้ว่าเราจะรวมการศึกษาใหม่ 16 ฉบับไว้ในการปรับปรุงนี้ แต่ข้อสรุปโดยรวมของการทบทวนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การเสริมสังกะสีอาจช่วยป้องกันอาการท้องเสียและเพิ่มการเจริญเติบโตเล็กน้อย โดยเฉพาะในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปี ประโยชน์ของการเสริมสังกะสีเชิงป้องกันอาจมีมากกว่าผลเสียในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของการขาดสังกะสีค่อนข้างสูง

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การขาดสังกะสีพบได้บ่อยในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง และถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับการเจ็บป่วย การตาย และความล่าช้าในการเจริญเติบโต ต้องมีการประเมินประสิทธิผลของการเสริมสังกะสีเชิงป้องกันในการลดความชุกของการขาดสังกะสี

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของการเสริมสังกะสีในการป้องกันการตายและการเจ็บป่วยและส่งเสริมการเจริญเติบโตในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปี

วิธีการสืบค้น: 

การทบทวนวรรณกรรมฉบับก่อนหน้านี้เผยแพร่ในปี 2014 ในการปรับปรุงให้ทันสมัยนี้ เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นๆ อีก 5 ฐานข้อมูล และทะเบียนการทดลอง 1 แหล่ง จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ร่วมกับการตรวจสอบการอ้างอิงและติดต่อผู้ประพันธ์การศึกษาเพื่อหาการศึกษาเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ของการเสริมสังกะสีแบบป้องกันในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 12 ปี เปรียบเทียบกับการไม่มีการแทรกแซง ยาหลอก หรือกลุ่มควบคุมแบบ waiting-list control เราไม่รวมเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเด็กที่มีโรคหรือภาวะเรื้อรัง เราไม่รวมการเติมในอาหารหรือการบริโภค การโรยในอาหาร และวิธีการให้เพื่อการรักษา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คน คัดกรองการศึกษา ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ เราติดต่อผู้ประพันธ์การศึกษาเพื่อขอข้อมูลที่ขาดหายไปและใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน ผลลัพธ์หลักของการทบทวนนี้คือการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ และการเสียชีวิตเฉพาะสาเหตุ เนื่องจากท้องเสียจากทุกสาเหตุ การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง (LRTI รวมถึงโรคปอดบวม) และโรคมาลาเรีย นอกจากนี้ เรายังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ทุติยภูมิจำนวนหนึ่ง เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องเสียและโรค LRTI การเจริญเติบโตและระดับจุลธาตุในซีรั่ม และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการศึกษาใหม่ 16 ฉบับ ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ ทำให้มี RCTs ทั้งหมด 96 ฉบับ โดยมีผู้เข้าร่วม 219,584 คน การศึกษาที่รวบรวมได้ดำเนินการใน 34 ประเทศ; การศึกษา 87 ฉบับ ทำในประเทศที่มีรายได้ต่ำหรือปานกลาง เด็กส่วนใหญ่ที่รวมอยู่ในการทบทวนนี้มีอายุต่ำกว่า 5 ปี วิธีการให้โดยทั่วๆไปส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของน้ำเชื่อม เป็น ซิงค์ซัลเฟต และขนาดยาที่ใช้บ่อยที่สุดคือระหว่าง 10 มก. ถึง 15 มก. ต่อวัน ค่ามัธยฐานของการติดตามคือ 26 สัปดาห์ เราไม่ได้พิจารณาว่าหลักฐานสำหรับการวิเคราะห์ที่สำคัญของผลลัพธ์การเจ็บป่วยและการเสียชีวิตได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงของการมีอคติ

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นสูงแสดงให้เห็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการตายจากทุกสาเหตุที่มีการเสริมสังกะสีเชิงป้องกันเมื่อเทียบกับการไม่มีสังกะสี (risk ratio (RR) 0.93, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.84 ถึง 1.03; การศึกษา 16 ฉบับ, การเปรียบเทียบ 17 รายการ ผู้เข้าร่วม 143,474 คน)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่าการเสริมสังกะสีเชิงป้องกันเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่มีสังกะสีมีแนวโน้มว่าจะส่งผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในการตายเนื่องจากอาการท้องร่วงจากทุกสาเหตุ (RR 0.95, 95% CI 0.69 ถึง 1.31; การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 132,321 คน); แต่อาจลดอัตราการตายเนื่องจาก LRTI (RR 0.86, 95% CI 0.64 ถึง 1.15; การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 132,063 คน) และการเสียชีวิตเนื่องจากโรคมาลาเรีย (RR 0.90, 95% CI 0.77 ถึง 1.06; การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 42,818 คน); อย่างไรก็ตาม ช่วงความเชื่อมั่นของค่าประมาณการโดยสรุปสำหรับผลลัพธ์เหล่านี้กว้าง และเราไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเสียชีวิตได้

การเสริมสังกะสีเชิงป้องกันน่าจะลดอุบัติการณ์ของอาการท้องเสียจากทุกสาเหตุ (RR 0.91, 95% CI 0.90 ถึง 0.93; การศึกษา 39 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 19,468 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) แต่ให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในความเจ็บป่วยเนื่องจาก LRTI (RR 1.01, 95% CI 0.95 ถึง 1.08, การศึกษา 19 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 10,555 คน หลักฐานความเชื่อมั่นสูง) เมื่อเปรียบเทียบกับไม่มีสังกะสี

มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางว่าการเสริมสังกะสีเชิงป้องกันมีแนวโน้มที่จะทำให้ความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD) 0.12, 95% CI 0.09 ถึง 0.14; การศึกษา 74 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 20,720 คน)

การเสริมสังกะสีมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้าร่วมที่มีอาการอาเจียนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง (RR 1.29, 95% CI 1.14 ถึง 1.46; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 35,192 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง) เรารายงานผลลัพธ์อื่นๆ จำนวนหนึ่ง รวมถึงผลของการเสริมสังกะสีต่อน้ำหนักและ serum markers เช่น สังกะสี ฮีโมโกลบิน เหล็ก ทองแดง เป็นต้น นอกจากนี้ เรายังดำเนินการวิเคราะห์กลุ่มย่อยจำนวนหนึ่ง และมีการค้นพบที่สอดคล้องกันสำหรับผลลัพธ์จำนวนหนึ่งที่การเสริมสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กทำให้ประโยชน์ของสังกะสีลดลง

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ. ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 12 เมษายน 2023 Edit โดย ผกากรอง 3 สิงหาคม 2023

Tools
Information