คาเฟอีนในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับคาเฟอีนในขนาดมาตรฐานในทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนดที่มีความเสี่ยงต่อโรคปอด

ใจความสำคัญ

• แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วคาเฟอีนจะให้กับทารกที่คลอดเร็วเกินไป แต่ปริมาณคาเฟอีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

• ปริมาณคาเฟอีนที่สูงขึ้นอาจทำให้การหายใจและพัฒนาการในระยะยาวดีขึ้น แต่อาจมีผลที่ไม่พึงประสงค์

ทำไมให้คาเฟอีนแก่ทารกที่คลอดก่อนกำหนด

ทารกแรกเกิดที่คลอดเร็วเกินไป (คลอดก่อนกำหนด) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต โรคปอด และความบกพร่องทางสมองมากกว่าทารกแรกเกิดครบกำหนดหรือในระยะเวลาทีใกล้ครบกำหนด ตัวอย่างเช่น ทารกเหล่านี้บางคนมีความบกพร่องทางสติปัญญา ตาบอด หรือหูหนวก คาเฟอีนถูกใช้อย่างแพร่หลายในทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยส่วนใหญ่เพื่อปรับปรุงการหายใจและลดการหยุดหายใจชั่วคราว (นั่นคือการหยุดหายใจชั่วขณะ) และความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่าปริมาณคาเฟอีนสูงดีกว่าปริมาณคาเฟอีนมาตรฐานในทารกแรกเกิดที่เกิดเร็วเกินไปในแง่ต่อไปนี้หรือไม่:

• การตายก่อนออกจากโรงพยาบาล;

• พัฒนาการระยะยาวเมื่ออายุ 18 ถึง 24 เดือน และ 3 ถึง 5 ปี

เราต้องการทราบว่าปริมาณคาเฟอีนสูงเกี่ยวข้องกับผลที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่ดูปริมาณคาเฟอีนในปริมาณสูงเทียบกับปริมาณคาเฟอีนมาตรฐานในทารกที่คลอดเร็วเกินไป เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาด

เราพบอะไร

เรารวมการศึกษา 7 ฉบับในการทบทวนของเรา จากทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนดทั้งหมด 894 คน งานวิจัย 2 ฉบับประเมินการใช้คาเฟอีนในการป้องกันภาวะหยุดหายใจ 3 ฉบับใช้เพื่อการรักษาภาวะหยุดหายใจ หนึ่ง เรื่องสำหรับการจัดการ extubation (นั่นคือการถอดท่อที่อยู่ในหลอดลม); และงานวิจัยหนึ่ง เรื่องประเมินคาเฟอีนทั้งใช้เพื่อรักษาภาวะหยุดหายใจหรือเพื่อช่วยการถอดท่อช่วยหายใจ

ในกลุ่มที่ได้ยาขนาดสูง ขนาดยาโหลด (เช่น ขนาดยาแรกสุด) อยู่ในช่วงตั้งแต่ 30 มก./กก. ถึง 80 มก./กก. ปริมาณคาเฟอีนให้ต่อเนื่อง (เช่น เป็นประจำทุกวัน) อยู่ในช่วงตั้งแต่ 12 มก./กก. ถึง 30 มก./กก.

กลยุทธ์การบริหารคาเฟอีนในปริมาณสูงอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาลและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ยังไม่ชัดเจนว่ากลยุทธ์คาเฟอีนขนาดสูงช่วยลดการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาล ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรืออาการชัก การศึกษาขนาดเล็กเพียงชิ้นเดียวที่รายงานเกี่ยวกับพัฒนาการในระยะยาว

ไม่มีการศึกษาใดรายงานผล "การตายหรือพัฒนาการระยะยาว" ในเด็กอายุ 18 ถึง 24 เดือน และ 3 ถึง 5 ปี

กลยุทธ์การบริหารคาเฟอีนในปริมาณสูงอาจลดอัตราการเกิดโรคปอดเรื้อรังได้

มีสามการศึกษาที่กำลังดำเนินการอยู่

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เรามีความมั่นใจในระดับปานกลางในหลักฐานเกี่ยวกับโรคปอดเรื้อรัง เนื่องจากการศึกษามีขนาดเล็กและใช้วิธีที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดในผลลัพธ์ เรามีความมั่นใจเพียงเล็กน้อยในหลักฐานเกี่ยวกับการตายและผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ เนื่องจากวิธีดำเนินการศึกษา และไม่มีการศึกษาเพียงพอที่จะแน่ใจเกี่ยวกับผลของผลลัพธ์ของเรา เราไม่มั่นใจในหลักฐานเกี่ยวกับพัฒนาการในระยะยาวเนื่องจากเหตุผลที่กล่าวถึงข้างต้น และเนื่องจากมีรายงานข้อมูลการศึกษาขนาดเล็กเพียงงานเดียว โดยรวมแล้ว ผลการศึกษาไม่น่าจะสะท้อนถึงผลการศึกษาทั้งหมดที่ดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งบางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนพฤษภาคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

กลยุทธ์การบริหารเฟอีนในปริมาณสูงในทารกคลอดก่อนกำหนดอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการลดอัตราการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาลหรือผลข้างเคียง เราไม่แน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์การบริหารคาเฟอีนในขนาดสูงช่วยปรับปรุงความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญ ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรืออาการชักหรือไม่ ไม่มีการศึกษาที่รายงานผลการเสียชีวิตหรือความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญในเด็กอายุ 18 ถึง 24 เดือนและ 3 ถึง 5 ปี กลยุทธ์คาเฟอีนขนาดสูงอาจลดอัตราการเกิด dysplasia ของหลอดลมและปอด

การทดลองที่เสร็จสิ้นเมื่อเร็วๆ นี้และการทดลองในอนาคตควรรายงานผลพัฒนาการทางระบบประสาทในระยะยาวของเด็กที่ได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่แตกต่างกันในช่วงทารกแรกเกิด จำเป็นต้องมีข้อมูลจากทารกที่คลอดก่อนกำหนดอย่างมาก เนื่องจากประชากรกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการเสียชีวิตและการเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม ต้องใช้ความระมัดระวังเมื่อให้ยาในปริมาณสูงในชั่วโมงแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงเลือดออกในกะโหลกศีรษะสูงที่สุด การศึกษาเชิงสังเกตอาจให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากขนาดยาสูงสุด

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมากมักต้องการการช่วยหายใจ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อภาวะหลอดลมและปอดผิดปกติ (โรคปอดเรื้อรัง) และความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทในภายหลัง คาเฟอีนถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อป้องกันและรักษาภาวะหยุดหายใจ (การหยุดหายใจชั่วขณะ) ที่เกี่ยวข้องกับทารกคลอดก่อนกำหนดและช่วยในการถอดท่อช่วยหายใจ แม้ว่าจะมีการใช้ขนาดยาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมานานหลายทศวรรษ แต่ก็มีการแนะนำให้ใช้ขนาดที่สูงขึ้นเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของทารกแรกเกิดให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การศึกษาเชิงสังเกตชี้ให้เห็นว่าปริมาณยาที่สูงขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับอันตราย

วัตถุประสงค์: 

เพื่อตรวจสอบผลกระทบของปริมาณคาเฟอีนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับขนาดมาตรฐานต่อการตายและความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มี (หรือมีความเสี่ยงต่อ) ภาวะหยุดหายใจหรือช่วงการถอดท่อช่วยหายใจ

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, CINAHL, the World Health Organization (WHO) International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP) และ Clinicaltrials.gov ในเดือนพฤษภาคม 2022 นอกจากนี้เรายังสืบค้นเอกสารอ้างอิงของการศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อค้นหาการทดลองเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดองแบบสุ่ม (RCTs), quasi-RCTs และ cluster-RCTs เปรียบเทียบกลยุทธ์ยาขนาดสูงกับขนาดมาตรฐานในทารกคลอดก่อนกำหนด กลยุทธ์ขนาดสูงหมายถึงขนาดปริมาณมากให้ครั้งแรก (มากกว่า 20 มก.ของคาเฟอีนซิเตรต/กก.) หรือขนาดยาให้ต่อเนื่องสูง (มากกว่า 10 มก.ของคาเฟอีนซิเตรต/กก./วัน) กลยุทธ์ขนาดยามาตรฐานถูกกำหนดเป็นขนาดครั้งแรกมาตรฐาน (คาเฟอีนซิเตรต 20 มก. หรือน้อยกว่า/กก.) หรือขนาดยาให้ต่อเนื่องมาตรฐาน (คาเฟอีนซิเตรต 10 มก. หรือน้อยกว่า/กก./วัน) เราระบุการเปรียบเทียบเพิ่มเติมสามรายการตามข้อบ่งชี้ในการเริ่มใช้คาเฟอีน: 1) การทดลองเพื่อป้องกัน ได้แก่ ทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจ 2) การทดลองการรักษา ได้แก่ ทารกคลอดก่อนกำหนดที่อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ที่มีอาการหยุดหายใจ 3) การทดลองการถอดท่อช่วยหายใจ: ทารกคลอดก่อนกำหนดที่เกิดในช่วงอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ ก่อนการถอดท่อช่วยหายใจตามที่วางแผนไว้

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ระเบียบวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้ เราประเมินผลการรักษาโดยใช้แบบจำลองผลกระทบคงที่พร้อมอัตราส่วนความเสี่ยง (RR) สำหรับข้อมูลแจงนับและค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) สำหรับข้อมูลต่อเนื่อง

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการทดลอง 7 ฉบับซึ่งรวบรวมทารกที่คลอดก่อนกำหนดอย่างมากจำนวน 894 คน (รายงานในการเปรียบเทียบที่ 1 กล่าวคือ ข้อบ่งใช้ใดๆ)

การศึกษา 2 ฉบับ รวมทารกเพื่อป้องกันภาวะหยุดหายใจ (การเปรียบเทียบ 2) การศึกษา 4 ฉบับ สำหรับการรักษาภาวะหยุดหายใจ (การเปรียบเทียบ 3) และการศึกษา 2 ฉบับสำหรับการจัดการการถอดท่อช่วยหายใจ (การเปรียบเทียบ 4); ในการศึกษา 1 ฉบับ ข้อบ่งชี้สำหรับการให้คาเฟอีนคือทั้งการรักษาภาวะหยุดหายใจและการจัดการการถอดท่อช่วยหายใจ (รายงานในการเปรียบเทียบที่ 1 การเปรียบเทียบที่ 3 และการเปรียบเทียบที่ 4)

ในกลุ่มที่ใช้ยาขนาดสูง ปริมาณคาเฟอีนที่ให้ครั้งแรกและให้ต่อเนื่องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 30 มก./กก. ถึง 80 มก./กก. และ 12 มก./กก. ถึง 30 มก./กก. ตามลำดับ; ในกลุ่มขนาดยามาตรฐาน ปริมาณคาเฟอีนครั้งแรกและต่อเนื่องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 6 มก./กก. ถึง 25 มก./กก. และ 3 มก./กก. ถึง 10 มก./กก. ตามลำดับ

การศึกษา 2 ฉบับมีกลุ่มการศึกษา 3 กลุ่ม: ทารกได้รับการสุ่มในขนาดยาที่แตกต่างกัน 3 ขนาด (การศึกษา 2 ฉบับตรงกับคำจำกัดความของขนาดยาสูงของเรา และการศึกษาอีก 1 ฉบับตรงกับคำจำกัดความของขนาดยามาตรฐาน) คาเฟอีนขนาดสูงและคาเฟอีนขนาดมาตรฐานถูกนำมาเปรียบเทียบกับการให้ยา theophylline (ส่วนหลังรวมอยู่ในการทบทวนแยกต่างหาก)

การศึกษา 6 ใน 7 ฉบับที่รวบรวมไว้เปรียบเทียบขนาดยาครั้งแรกในปริมาณสูงและปริมาณการต่อเนื่องสูงกับปริมาณยาครั้งแรกมาตรฐานและยาให้ต่อเนื่องมาตรฐาน ในขณะที่การศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบขนาดยาครั้งแรกมาตรฐานและยาให้ต่อเนื่องขนาดสูงกับยาครั้งแรกมาตรฐานและยาต่อเนื่องขนาดมาตรฐาน

กลยุทธ์การบริหารคาเฟอีนขนาดสูง (การบริหารเพื่อข้อบ่งชี้ใดๆ) อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาล (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.86, ความเชื่อมั่น 95% ของช่วงเวลา (CI) 0.53 ถึง 1.38; ความแตกต่างของความเสี่ยง (RD) -0.01 , 95% CI -0.05 ถึง 0.03; I² สำหรับ RR และ RD = 0%; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 723 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) มีเพียงการศึกษาเดียวที่รวบรวมทารก 74 คนรายงานความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญในเด็กอายุสามถึงห้าปี (RR 0.79, 95% CI 0.51 ถึง 1.24; RD -0.15, 95% CI -0.42 ถึง 0.13; ผู้เข้าร่วม 46 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการศึกษาที่รายงานผลการเสียชีวิตหรือความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญในเด็กอายุ 18 ถึง 24 เดือนและ 3 ถึง 5 ปี การศึกษา 5 ฉบับรายงานภาวะหลอดลมปอดผิดปกติที่อายุ 36 สัปดาห์หลังมีประจำเดือน (RR 0.75, 95% CI 0.60 ถึง 0.94; RD -0.08, 95% CI -0.15 ถึง -0.02; จำนวนที่จำเป็นเพื่อให้ได้ประโยชน์ (NNTB) = 13; I² สำหรับ RR และ RD = 0%; ผู้เข้าร่วม 723 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) กลยุทธ์การบริหารคาเฟอีนในปริมาณสูงอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยสำหรับผลข้างเคียง (RR 1.66, 95% CI 0.86 ถึง 3.23; RD 0.03, 95% CI -0.01 ถึง 0.07; I² สำหรับ RR และ RD = 0%; การศึกษา 5 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 593 คน ; หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) หลักฐานไม่แน่นอนอย่างมากสำหรับระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล (ข้อมูลรายงานในการศึกษา 3 ฉบับไม่สามารถรวมไว้ในการวิเคราะห์เมตต้าได้ เนื่องจากผลลัพธ์แสดงเป็นค่ามัธยฐานและค่าพิสัยระหว่างควอไทล์) และอาการชัก (RR 1.42, 95% CI 0.79 ถึง 2.53; RD 0.14, 95% CI -0.09 ถึง 0.36 การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 74 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เราพบการทดลองที่กำลังทำอยู่สามรายการที่ดำเนินการในจีน อียิปต์ และนิวซีแลนด์

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย ผกากรอง 29 พฤศจิกายน 2023

Tools
Information