การเปรียบเทียบชุดตรวจ Xpert Ultra กับ Xpert MTB/RIF ในการตรวจหาวัณโรคปอดและการดื้อยา rifampicin ในผู้ใหญ่

ทำไมการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยวัณโรคจึงมีความสำคัญ

วัณโรคเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลก แม้ว่าส่วนใหญ่จะสามารถรักษาให้หายได้เมื่อตรวจพบแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีผู้เสียชีวิตด้วยวัณโรคราว 1.2 ล้านคนในปี 2019 ในปัจจุบันชุดตรวจ Xpert MTB/RIF และ Xpert Ultra (เวอร์ชันใหม่ล่าสุด) เป็นชุดตรวจให้ผลเร็ว (rapid test) ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ซึ่งสามารถตรวจหาเชื้อวัณโรคและการดื้อยา rifampicin ไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากยา rifampicin เป็นยาต้านวัณโรคที่สำคัญ การตรวจไม่พบวัณโรคทั้งๆ ที่มีการติดเชื้อ (ผลลบปลอม) อาจส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงและเสียชีวิต, และเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ส่วนการวินิจฉัยวัณโรคทั้งๆ ที่ไม่มีการติดเชื้อ (ผลบวกปลอม) อาจส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล, การตรวจเพิ่มเติม, การรักษาที่ไม่จำเป็นและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยา

วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

เพื่อเปรียบเทียบความแม่นยำของชุดตรวจ Xpert Ultra กับ Xpert MTB/RIF ในการวินิจฉัยวัณโรคปอดและการดื้อยา rifampicin ในผู้ใหญ่ เนื่องจากการตรวจสอบความแม่นยำของ Xpert MTB/RIF อย่างละเอียดเพิ่งได้รับตีพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้ใน Cochrane Review

การทบทวนวรรณกรรมนี้ศึกษาอะไร

ผู้วิจัยเปรียบเทียบความแม่นยำในการวินิจฉัยของชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF กับผลตรวจจากการเพาะเชื้อ (การตรวจหาวัณโรคปอด) และการทดสอบความไวต่อยาและการทดสอบ line probe assays (การตรวจหาการดื้อยา rifampicin)

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนคืออะไร

มีการศึกษา 9 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 3,500 คน) ที่เปรียบเทียบชุดตรวจ Xpert Ultra กับ Xpert MTB/RIF ในการวินิจฉัยวัณโรคปอดและการศึกษา 5 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 930 คน) ที่เปรียบเทียบชุดตรวจ Xpert Ultra กับ Xpert MTB/RIF ในการหาการดื้อยา rifampicin

ผู้วิจัยมั่นใจในผลการศึกษานี้เท่าไหร่

ผู้วิจัยมั่นใจในผลลัพธ์ เนื่องจากการทบทวนนี้รวมเอาการศึกษาและผู้เข้าร่วมที่เพียงพอและใช้มาตรฐานอ้างอิงที่เหมาะสม ในการเปรียบเทียบระหว่างชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF การศึกษาส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่ำในการเกิดอคติ

ผลการทบทวนวรรณกรรมนี้นำไปใช้กับใคร

ผู้ที่มีอาการสงสัยว่าเป็นวัณโรคปอด

การประยุกต์ใช้ของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

ผลการศึกษาเหล่านี้ระบุว่า ในทางทฤษฎี ในประชากร 1,000 คนที่มี 100 คนที่มีอาการของวัณโรคปอด, ชุดตรวจ Xpert Ultra จะตกหล่นไป 9 รายและชุดตรวจ Xpert MTB/RIF จะตกหล่นไป 15 ราย ส่วนจำนวนคนที่ได้รับการวินิจฉัยผิดว่าเป็นวัณโรคปอดจะเท่ากับ 40 คนในชุดตรวจ Xpert Ultra และ 14 คนในชุดตรวจ Xpert MTB/RIF

ผลการศึกษาเหล่านี้ระบุว่า ในทางทฤษฎี ในประชากร 1,000 คนที่มี 100 คนที่มีการดื้อยา rifampicin, ชุดตรวจ Xpert Ultra จะตกหล่นไป 5 รายและชุดตรวจ Xpert MTB/RIF จะตกหล่นไป 5 ราย ส่วนจำนวนคนที่ได้รับการวินิจฉัยผิดว่ามีการดื้อยา rifampicin จะเท่ากับ 8 คนในชุดตรวจ Xpert Ultra และ 11 คนในชุดตรวจ Xpert MTB/RIF

ความเป็นปัจจุบันของการทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นอย่างไร

28 มกราคม 2020

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ชุดตรวจ Xpert Ultra มีความไวสูงกว่าแต่ความจำเพาะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF ในการหาวัณโรคปอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เข้าร่วมที่ผล smear เป็นลบและผู้ติดเชื้อ HIV ความจำเพาะของชุดตรวจ Xpert Ultra ต่ำกว่า Xpert MTB/RIF ในผู้เข้าร่วมที่มีประวัติวัณโรค การแปรผันของความไวและความจำเพาะคาดว่าจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริบท สำหรับการตรวจหาการดื้อยา rifampicin ชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF มีความไวและความจำเพาะใกล้เคียงกัน แต่ผลลัพธ์แบบ trace-positive พบได้เยอะกว่าในชุดตรวจ Xpert Ultra

ชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF ให้ผลการตรวจที่แม่นยำและช่วยให้สามารถเริ่มการรักษาวัณโรคที่ดื้อต่อ rifampicin และที่ดื้อยาหลายขนานได้อย่างรวดเร็ว

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ชุดตรวจ Xpert MTB/RIF และ Xpert MTB/RIF Ultra (Xpert Ultra) เป็นชุดตรวจให้ผลเร็ว (rapid test) ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ซึ่งสามารถตรวจหาเชื้อวัณโรคและการดื้อยา rifampicin ไปพร้อมๆ กัน การทบทวนวรรณกรรมนี้ต่อยอดจาก Cochrane Review ล่าสุดเกี่ยวกับความแม่นยำของชุดตรวจ Xpert MTB/RIF

วัตถุประสงค์: 

เพื่อเปรียบเทียบความแม่นยำในการวินิจฉัยของชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF สำหรับการตรวจหาวัณโรคปอดและการตรวจหาการดื้อยา rifampicin ในผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าเป็นวัณโรคปอด และตรวจสอบแหล่งที่มาของ heterogeneity ที่อาจเป็นไปได้สำหรับการวินิจฉัยวัณโรคปอดและการดื้อยา rifampicin

นอกจากนี้ยังสรุปความถี่ของผลบวกเล็กน้อย (trace-positive) จากชุดตรวจ Xpert Ultra และความแม่นยำของชุดตรวจ Xpert Ultra หลังจากตรวจผู้ที่มีผล trace-positive ซ้ำ

วิธีการสืบค้น: 

ผู้วิจัยสืบค้นใน Cochrane Infectious Diseases Group Specialized Register, MEDLINE, Embase, Science Citation Index, Web of Science, LILACS, Scopus, WHO ICTRP, ISRCTN Registry และ ProQuest จนถึง 28 มกราคม 2020 โดยไม่มีข้อจำกัดด้านภาษา

เกณฑ์การคัดเลือก: 

ผู้วิจัยรวบรวมการศึกษาความแม่นยำในการวินิจฉัยที่ใช้ตัวอย่างจากทางเดินหายใจในผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าเป็นวัณโรคปอดและมีการเปรียบเทียบโดยตรงกับการทดสอบอ้างอิง ซึ่งการทดสอบที่ใช้อ้างอิงสำหรับการตรวจหาวัณโรคปอดคือการเพาะเชื้อและการทดสอบอ้างอิงหลายอย่างร่วมกัน และสำหรับการดื้อยา rifampicin คือการทดสอบความไวต่อยาจากการเพาะเชื้อและการทดสอบ line probe assays

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้วิจัย 2 คน สกัดข้อมูลโดยเป็นอิสระต่อกัน โดยใช้แบบฟอร์มมาตรฐานที่มีข้อมูลทั้งผลการ smear และการมีเชื้อ HIV และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติโดยใช้ QUADAS-2 และ QUADAS-C นอกจากนี้ยังทำการวิเคราะห์อภิมานเปรียบเทียบผลรวมค่าความไวและความจำเพาะ แยกเฉพาะการตรวจหาวัณโรคปอดและการตรวจหาการดื้อยา rifampicin และแยกตามการทดสอบอ้างอิง การวิเคราะห์ส่วนใหญ่ใช้แบบจำลอง bivariate random-effects model ผู้วิจัยประเมินความแม่นยำในการตรวจหาวัณโรคจากการศึกษาที่ผู้เข้าร่วมไม่ได้รับการวินิจฉัยจากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือมีประวัติการเป็นวัณโรคก่อนหน้านี้ ผู้วิจัยยังทำการวิเคราะห์กลุ่มย่อยตามผล smear, การติดเชื้อ HIV, และประวัติการเป็นวัณโรค นอกจากนี้ยังสรุปผลตรวจ trace result จากชุดตรวจ Xpert Ultra

ผลการวิจัย: 

ผู้วิจัยพบการศึกษา 9 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 3500 คน) โดยมี 7 ฉบับมีผู้เข้าร่วมที่ไม่ได้รับคัดเลือก (2834 คน) ทุกการศึกษาได้เปรียบเทียบชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF สำหรับการตรวจหาวัณโรคปอด โดยการศึกษา 7 ฉบับใช้การทดลองหาความแม่นยำเชิงเปรียบเทียบแบบจับคู่ (paired comparative accuracy design) และ 2 การศึกษาใช้การทดลองแบบสุ่ม มี 5 การศึกษาที่เปรียบเทียบชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF สำหรับการตรวจหาการดื้อยา rifampicin โดยมีการศึกษา 4 ฉบับใช้การทดลองแบบจับคู่และอีก 1 การศึกษาใช้การทดลองแบบสุ่ม จากทั้ง 9 การศึกษาพบว่ามี 7 การศึกษา (78%) ที่ประชากรส่วนใหญ่หรือทั้งหมดมาจากประเทศที่มีวัณโรคชุกชุม การศึกษาส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่ำในการเกิดอคติในทุกโดเมนสำหรับการตรวจหาวัณโรคปอด

การตรวจหาวัณโรคปอด

ความไวและความจำเพาะโดยรวมของชุดตรวจ Xpert Ultra (95% credible interval) เทียบกับการเพาะเชื้อเท่ากับ 90.9% (86.2 ถึง 94.7) และ 95.6% (93.0 ถึง 97.4) (7 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 2834 คน; หลักฐานความน่าเชื่อถือสูง) ส่วนความไวและความจำเพาะโดยรวมของชุดตรวจ Xpert MTB/RIF เท่ากับ 84.7% (78.6 ถึง 89.9) และ 98.4% (97.0 ถึง 99.3) (7 การศึกษา,ผู้เข้าร่วม 2835 คน; หลักฐานความน่าเชื่อถือสูง) ความแตกต่างในความแม่นยำของชุดตรวจ Xpert Ultra ลบ Xpert MTB/RIF อยู่ที่ประมาณ 6.3% (0.1 ถึง 12.8) สำหรับความไวและ −2.7% (−5.7 ถึง −0.5) สำหรับความจำเพาะ หากนำค่าเหล่านี้ของชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF ไปใช้กับประชากร 1,000 คนโดยที่มี 10% มีอาการของวัณโรคปอด, ชุดตรวจ Xpert Ultra จะตกหล่นไป 9 รายและ Xpert MTB/RIF จะตกหล่นไป 15 ราย ส่วนจำนวนคนที่ได้รับการวินิจฉัยผิดว่าเป็นวัณโรคปอดจะเท่ากับ 40 คนในชุดตรวจ Xpert Ultra และ 14 คนในชุดตรวจ Xpert MTB/RIF

ในผู้เข้าร่วมที่ผล smear เป็นลบแต่ผลเพาะเชื้อเป็นบวก, ความไวโดยรวมคือ 77.5% (67.6 ถึง 85.6) สำหรับชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ 60.6% (48.4 ถึง 71.7) สำหรับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF; ความจำเพาะโดยรวมคือ 95.8% (92.9 ถึง 97.7) สำหรับชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ 98.8% (97.7 ถึง 99.5) สำหรับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF (6 การศึกษา)

ในผู้เข้าร่วมที่มีเชื้อ HIV, ผลรวมค่าความไวคือ 87.6% (75.4 ถึง 94.1) สำหรับชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ 74.9% (58.7 ถึง 86.2) สำหรับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF; ผลรวมค่าความจำเพาะคือ 92.8% (82.3 ถึง 97.0) สำหรับชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ 99.7% (98.6 ถึง 100.0) สำหรับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF (3 การศึกษา)

ในผู้เข้าร่วมที่มีประวัติการติดเชื้อวัณโรค, ผลรวมค่าความไวคือ 84.2% (72.5 ถึง 91.7) สำหรับชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ 81.8% (68.7 ถึง 90.0) สำหรับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF; ผลรวมค่าความจำเพาะคือ 88.2% (70.5 ถึง 96.6) สำหรับชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ 97.4% (91.7 ถึง 99.5) สำหรับชุดตรวจ Xpert MTB/RIF (4 การศึกษา)

สัดส่วนของผลลัพธ์ trace-positive จากชุดตรวจ Xpert Ultra อยู่ระหว่าง 3.0% ถึง 30.4% ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะประเมินความแม่นยำของการใช้ชุดตรวจ Xpert Ultra มาทดสอบซ้ำในรายที่ผลรอบแรกเป็น trace-positive

การตรวจหาการดื้อยา rifampicin

ผลรวมค่าความไวและความจำเพาะของชุดตรวจ Xpert Ultra เท่ากับ 94.9% (88.9 ถึง 97.9) และ 99.1% (97.7 ถึง 99.8) (5 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 921 คน; หลักฐานความน่าเชื่อถือสูง) ส่วนผลรวมค่าความไวและความจำเพาะของชุดตรวจ Xpert MTB/RIF เท่ากับ 95.3% (90.0 ถึง 98.1) และ 98.8% (97.2 ถึง 99.6) (5 การศึกษา,ผู้เข้าร่วม 930 คน; หลักฐานความน่าเชื่อถือสูง) ความแตกต่างในความแม่นยำของชุดตรวจ Xpert Ultra ลบ Xpert MTB/RIF อยู่ที่ประมาณ -0.3% (-6.9 ถึง 5.7) สำหรับความไวและ 0.3% (-1.2 ถึง 2.0) สำหรับความจำเพาะ หากนำค่าเหล่านี้ของชุดตรวจ Xpert Ultra และ Xpert MTB/RIF ไปใช้กับประชากร 1,000 คนโดยที่มี 10% มีอาการสงสัยการดื้อยา rifampicin, ชุดตรวจ Xpert Ultra จะตกหล่นไป 5 รายและ Xpert MTB/RIF จะตกหล่นไป 5 ราย ส่วนจำนวนคนที่ได้รับการวินิจฉัยผิดว่ามีการดื้อยา rifampicin จะเท่ากับ 8 คนในชุดตรวจ Xpert Ultra และ 11 คนในชุดตรวจ Xpert MTB/RIF

ผู้วิจัยพบว่ามีจำนวนผลลัพธ์แบบ indeterminate สำหรับการดื้อยา rifampicin มากกว่าในชุดตรวจ Xpert Ultra, ผลรวมค่าสัดส่วนคือ 7.6% (2.4 ถึง 21.0) เมื่อเทียบกับ Xpert MTB/RIF ที่มีเพียง 0.8% (0.2 ถึง 2.4) ค่าประมาณความแตกต่างในผลรวมค่าสัดส่วนของผลลัพธ์แบบ indeterminate สำหรับการดื้อยา rifampicin ในชุดตรวจ Xpert Ultra เทียบกับ Xpert MTB/RIF เท่ากับ 6.7% (1.4 ถึง 20.1)

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล นพ.จักรพงศ์ รู้ปิติวิริยะ แปลเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2021

Tools
Information