ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประโยชน์และความเสี่ยงของยากลุ่ม non-vitamin K antagonist oral anticoagulants (NOACs) ซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดรุ่นใหม่ หลังการทำหัตถการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ตาผ่านสายสวน (TAVR) คืออะไร

ใจความสำคัญ

• ในผู้ที่ไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่ต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยากลุ่ม non-vitamin K antagonist oral anticoagulants (NOACs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งยา rivaroxaban และ apixaban อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเมื่อเปรียบเทียบกับยาต้านเกล็ดเลือด ในขณะที่ยา edoxaban ดูเหมือนจะมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ความแตกต่างระหว่างการใช้ rivaroxaban, apixaban หรือ edoxaban กับการบำบัดด้วยยาต้านเกล็ดเลือดในกรณีการเสียชีวิตที่เกิดจากโรคของหัวใจหรือหลอดเลือดอาจมีเพียงเล็กน้อย ในทำนองเดียวกัน ความแตกต่างระหว่าง rivaroxaban หรือ edoxaban และยาต้านเกล็ดเลือดในโรคหลอดเลือดสมองก็มีแนวโน้มว่าจะมีเพียงเล็กน้อย ในคนกลุ่มนี้ ความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกรุนแรงน่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยา rivaroxaban อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างยา apixaban และการรักษาด้วยยาต้านเกล็ดเลือด และเรายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลกระทบของยา edoxaban ต่อภาวะเลือดออกรุนแรง

• ในผู้ที่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่ต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยากลุ่ม NOACs โดยเฉพาะอย่างยิ่งยา apixaban และ edoxaban อาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยา warfarin ในการป้องกันการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ การเสียชีวิตที่เกิดจากโรคหัวใจหรือหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่ยา apixaban อาจส่งผลให้เกิดภาวะเลือดออกรุนแรงในอัตราที่ใกล้เคียงกันกับยา warfarin ในคนกลุ่มนี้ แต่ยา edoxaban น่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกรุนแรงเมื่อเปรียบเทียบกับยา warfarin

• เราไม่แน่ใจว่ายา NOACs ชนิดใดชนิดหนึ่งจะดีกว่าชนิดอื่นหรือไม่ภายหลังการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ตาผ่านสายสวน (transcatheter aortic valve replacement; TAVR) จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมที่เปรียบเทียบผลของยา NOACs ต่างชนิดกันโดยตรงภายหลังการทำ TAVR

การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ตาผ่านสายสวน (TAVR) คืออะไร

TAVR คือหัตถการเปลี่ยนลิ้นหัวใจที่ไม่ต้องผ่าตัดเปิดช่องอก เป็นการใช้สายสวนหัวใจเพื่อใส่ลิ้นหัวใจอันใหม่เข้าไป ผ่านแผลผ่าตัดขนาดเล็กบริเวณขาหรือหน้าอก การเลือกแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยหลังการทำ TAVR ยังคงเป็นความท้าทายในทางเวชปฏิบัติ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราได้ศึกษาว่ายาละลายลิ่มเลือดรุ่นใหม่อย่างยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานกลุ่มใหม่ที่ไม่มีฤทธิ์ต้านวิตามินเค (NOACs) มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดีกว่ายาต้านเกล็ดเลือด หรือยากลุ่มต้านวิตามินเค (VKA) เช่น warfarin หรือไม่ สำหรับผู้ป่วยหลังการทำ TAVR

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการศึกษาที่ศึกษาถึงประโยชน์และโทษของยากลุ่ม NOACs เปรียบเทียบกับยาต้านเกล็ดเลือด หรือ ยากลุ่ม VKA หลังการทำ TAVR

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 5 ฉบับ ที่เปรียบเทียบยากลุ่ม NOACs 3 ชนิด ได้แก่ rivaroxaban, apixaban และ edoxaban กับยาต้านเกล็ดเลือด หรือ warfarin ซึ่งหนึ่งในนั้นกำลังดำเนินการอยู่ ข้อค้นพบจากการทบทวนของเราอ้างอิงจากการศึกษา 4 ฉบับที่เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 4808 คน

ผลลัพธ์หลัก

เราพบว่าในผู้ที่ไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่ต้องใช้ยาละลายลิ่มเลือด ยากลุ่ม NOACs คือ rivaroxaban และ apixaban อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ เมื่อเทียบกับยาต้านเกล็ดเลือด ในขณะที่ edoxaban ดูเหมือนว่ามีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลย ความแตกต่างระหว่างการใช้ rivaroxaban, apixaban หรือ edoxaban กับการบำบัดด้วยยาต้านเกล็ดเลือดในกรณีการเสียชีวิตที่เกิดจากโรคของหัวใจหรือหลอดเลือดอาจมีเพียงเล็กน้อย ในทำนองเดียวกัน ความแตกต่างระหว่าง rivaroxaban หรือ edoxaban และยาต้านเกล็ดเลือดในโรคหลอดเลือดสมองก็มีแนวโน้มว่าจะมีเพียงเล็กน้อย ในคนกลุ่มนี้ ความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกรุนแรงน่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยา rivaroxaban อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างยา apixaban และการรักษาด้วยยาต้านเกล็ดเลือด และเรายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลกระทบของยา edoxaban ต่อภาวะเลือดออกรุนแรง

• ในผู้ที่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่ต้องใช้ยาละลายลิ่มเลือด เราพบว่า apixaban และ edoxaban อาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ warfarin ในการป้องกันการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ การเสียชีวิตจากโรคหัวใจหรือหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ยา apixaban อาจส่งผลให้เกิดอัตราการมีเลือดออกรุนแรงที่ใกล้เคียงกับ ยา warfarin ในขณะที่ edoxaban น่าจะเพิ่มอัตราการมีเลือดออกรุนแรงเมื่อเทียบกับ warfarin

เราไม่แน่ใจว่ายา NOAC ชนิดใดชนิดหนึ่งจะดีกว่าอีกชนิดหนึ่งหรือไม่ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบแน่ชัด

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เรามีความเชื่อมั่นน้อยในหลักฐานสำหรับ apixaban และ edoxaban เนื่องจากการศึกษาที่นำเข้ามามีขนาดเล็ก เรามีความมั่นใจปานกลางในหลักฐานบางส่วนเกี่ยวกับ rivaroxaban เนื่องจากขนาดของการศึกษายังมีขนาดเล็กด้วย

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนตุลาคม 2023

บทนำ

การรักษาสมดุลของความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเลือดออกหลังการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ตาผ่านสายสวน (transcatheter aortic valve replacement; TAVR) ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายทางคลินิก คำถามเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานที่ไม่ใช่กลุ่มต้านวิตามินเค (non‐vitamin K oral anticoagulants; NOACs) หลังการทำ TAVR ยังคงต้องการคำตอบที่ชัดเจน

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยของยา NOACs หลังการทำ TAVR ในผู้ป่วยที่มีและไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

วิธีการสืบค้น

เราได้สืบค้นฐานข้อมูล CENTRAL, MEDLINE, Embase, Web of Science, ClinicalTrials.gov และ WHO ICTRP เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2023 ร่วมกับการตรวจสอบรายการอ้างอิงและการสืบค้นการอ้างอิง เพื่อค้นหางานวิจัยเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้สืบค้นการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม ( randomised controlled trials; RCTs) ที่เปรียบเทียบยา NOACs กับยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาต้านวิตามินเค (VKAs) หลังการทำ TAVR ในผู้ใหญ่ที่มีหรือไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้วิธีการมาตรฐานของ Cochrane และทำการวิเคราะห์แบบ random-effects pair-wise analyses และการวิเคราะห์อภิมานแบบเครือข่าย (network meta-analyses; NMAs) ผลลัพธ์หลักของเราคือ การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ, การเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะเลือดออกรุนแรง เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย

เรารวบรวมการศึกษา RCTs จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 4808 คน สำหรับการวิเคราะห์ NMA จากการศึกษาเหล่านี้ มีการศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ rivaroxaban กับยาต้านเกล็ดเลือด ในผู้ป่วยที่ ไม่มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาละลายลิ่มเลือดภายหลังการทำ TAVR; การศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ apixaban กับยาต้านเกล็ดเลือด ในผู้ป่วยที่ ไม่มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือ เปรียบเทียบกับ VKA (ยาต้านวิตามินเค) ในผู้ป่วยที่ มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาละลายลิ่มเลือดภายหลังการทำ TAVR; การศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ edoxaban กับ VKA ในผู้ป่วยที่ มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาละลายลิ่มเลือดภายหลังการทำ TAVR; และการศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ edoxaban กับยาต้านเกล็ดเลือด ในผู้ป่วยที่ ไม่มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาละลายลิ่มเลือดภายหลังการทำ TAVR อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมการทดลองคือ 81 ปี ระยะเวลาติดตามผลมีตั้งแต่ 6 ถึง 18 เดือน โดยรวม เราประเมินว่าความเสี่ยงของการมีอคติในการทดลองที่นำเข้ามาอยู่ในระดับต่ำในทุกด้าน ยกเว้นด้านการปกปิด (blinding) ซึ่งถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงในการศึกษาทั้ง 4 ฉบับ ไม่มีการศึกษาใดประเมินยา dabigatran

สำหรับผู้ที่ ไม่มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด rivaroxaban และยา apixaban อาจเพิ่ม อัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ  หลังการทำ TAVR เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาต้านเกล็ดเลือด (สำหรับยา rivaroxaban: risk ratio (RR) 1.67, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 1.13 ถึง 2.46; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1644 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; สำหรับยา apixaban: RR 1.71, 95% CI 0.97 ถึง 3.02; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1049 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำ) ในขณะที่ยา edoxaban อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลย (RR 1.59, 95% CI 0.27 ถึง 9.36; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 229 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำ) หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำบ่งชี้ว่า อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยระหว่างยา rivaroxaban, ยา apixaban, หรือยา edoxaban กับการรักษาด้วยยาต้านเกล็ดเลือด ในด้าน อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด  (สำหรับยา rivaroxaban: RR 1.28, 95% CI 0.78 ถึง 2.10; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1644 คน; สำหรับยา apixaban: RR 1.30, 95% CI 0.64 ถึง 2.65; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1049 คน; สำหรับยา edoxaban: RR 7.44, 95% CI 0.39 ถึง 142.38; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 229 คน) และระหว่างยา rivaroxaban หรือ edoxaban กับยาต้านเกล็ดเลือดใน โรคหลอดเลือดสมอง (สำหรับยา rivaroxaban: RR 1.19, 95% CI 0.71 ถึง 2.00; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1644 คน; สำหรับยา edoxaban: RR 1.06, 95% CI 0.15 ถึง 7.42; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 229 คน) ในขณะที่ยา rivaroxaban เทียบกับยาต้านเกล็ดเลือด น่าจะเพิ่ม ภาวะเลือดออกรุนแรง หลังการทำ TAVR (RR 1.98, 95% CI 1.07 ถึง 3.65; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1644 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับปานกลาง) แต่อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยระหว่างยา apixaban กับการรักษาด้วยยาต้านเกล็ดเลือด (RR 1.07, 95% CI 0.70 ถึง 1.64; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1049 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำ) ยังไม่ชัดเจนว่ายา edoxaban มีผลต่อภาวะเลือดออกรุนแรงหรือไม่ แม้ว่าค่าประมาณจะบ่งชี้ว่ามีเลือดออกเพิ่มขึ้น (เทียบกับยาต้านเกล็ดเลือด: RR 2.13, 95% CI 0.54 ถึง 8.30; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 229 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำ)

ในผู้ที่ มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำบ่งชี้ว่ายา apixaban หรือ edoxaban อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยในผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพหลักที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (predefined primary efficacy outcomes) ของเราหลังการทำ TAVR เมื่อเปรียบเทียบกับ VKA (ยาต้านวิตามินเค) ( อัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ : apixaban: RR 1.02, 95% CI 0.59 ถึง 1.77; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 451 คน; ยา edoxaban: RR 0.91, 95% CI 0.69 ถึง 1.20; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1426 คน; อัตราการเสียชีวิตจากหลอดเลือดหัวใจ : ยา apixaban: RR 1.43, 95% CI 0.76 ถึง 2.70; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 451 คน; ยา edoxaban: RR 1.07, 95% CI 0.72 ถึง 1.57; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1426 คน; โรคหลอดเลือดสมอง : ยา apixaban: RR 1.28, 95% CI 0.35 ถึง 4.70; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 451 คน; ยา edoxaban: RR 0.83, 95% CI 0.51 ถึง 1.34; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1426 คน) ในขณะที่ยา apixaban อาจส่งผลให้อัตราการเกิดภาวะเลือดออกใกล้เคียงกับ VKA (ยาต้านวิตามินเค) ในประชากรกลุ่มนี้ แต่ edoxaban น่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกรุนแรง หลังการทำ TAVR ในผู้ที่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ยา apixaban: RR 0.90, 95% CI 0.53 ถึง 1.54; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 451 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำ; ยา edoxaban: RR 1.44, 95% CI 1.08 ถึง 1.93; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1426 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับปานกลาง)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

ในผู้ที่ ไม่มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทาน rivaroxaban และ apixaban อาจเพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ในขณะที่ยา edoxaban อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลย อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างการใช้ rivaroxaban, apixaban หรือ edoxaban กับการบำบัดด้วยยาต้านเกล็ดเลือดในอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ และระหว่างการใช้ rivaroxaban หรือ edoxaban กับยาต้านเกล็ดเลือดในโรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่ยา rivaroxaban น่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกรุนแรงหลังการทำ TAVR อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยระหว่างการใช้ยา apixaban กับการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด และผลของยา edoxaban ต่อภาวะเลือดออกรุนแรงยังคงไม่ชัดเจน

ในผู้ที่ มี ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยา apixaban และยา edoxaban อาจมีประสิทธิผลเทียบเท่ากับ VKA (ยาต้านวิตามินเค) ในการป้องกันการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ การเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ยา apixaban อาจส่งผลให้อัตราการเกิดภาวะเลือดออกรุนแรงใกล้เคียงกับ VKA ในประชากรกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม edoxaban อาจเพิ่มการมีเลือดออกรุนแรงหลังการทำ TAVR เมื่อเปรียบเทียบกับ VKA

การวิเคราะห์แบบ NMA ของเรา ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ายา NOAC ตัวใดตัวหนึ่งเหนือกว่ายาตัวอื่นสำหรับผลลัพธ์หลักใด ๆ จำเป็นต้องมีการศึกษาแบบเปรียบเทียบโดยตรง (head-to-head trials) ที่เปรียบเทียบยา NOACs แต่ละตัว เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของหลักฐาน

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 24 มีนาคม 2025

การอ้างอิง
Al Said S, Kaier K, Nury E, Alsaid D, Gibson CM, Bax J, Westermann D, Meerpohl JJ. Non-vitamin K antagonist oral anticoagulants (NOACs) after transcatheter aortic valve replacement (TAVR): a network meta-analysis. Cochrane Database of Systematic Reviews 2025, Issue 2. Art. No.: CD013745. DOI: 10.1002/14651858.CD013745.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า