ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ยาต้านอาการซึมเศร้าช่วยผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจงและอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังได้หรือไม่

ใจความสำคัญ

• เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (ยาที่ไม่มีตัวยาออกฤทธิ์), ยาในกลุ่ม Serotonin and Norepinephrine Reuptake Inhibitors หรือ SNRIs (ซึ่งเป็นยาต้านเศร้ากลุ่มหนึ่ง) น่าจะช่วยลดระดับความรุนแรงของอาการปวดได้เพียงเล็กน้อย และช่วยให้การทำงานของร่างกายดีขึ้นในระดับที่น้อยมากจนแทบไม่มีนัยสำคัญ (trivial improvements) ในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง บางคนอาจประสบกับผลข้างเคียงเมื่อรับประทานยาเหล่านี้

• เมื่อเปรียบเทียบกับยาเม็ดหลอก ยาต้านอาการซึมเศร้าแบบไตรไซคลิก (กลุ่มหนึ่งของยาต้านอาการซึมเศร้า) น่าจะช่วยปรับปรุงการทำงานของผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างได้เล็กน้อย แต่คงไม่มีผลต่อความรุนแรงของอาการปวดมากนักหรือแทบไม่มีผลเลย

• เราไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลของยาต้านอาการซึมเศร้าใดๆ ต่อการรักษาอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง

อาการปวดหลังส่วนล่าง และอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง คืออะไร

อาการปวดหลังส่วนล่างเป็นสาเหตุสำคัญของความพิการทั่วโลก อาการปวดหลังส่วนล่างส่วนใหญ่มักเรียกว่า "ไม่เฉพาะเจาะจง" เนื่องจากไม่ได้เกิดจากความเสียหายที่ชัดเจนของกระดูกสันหลัง ผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างจำนวนมากมักจะมีอาการปวดร้าวไปที่ขาด้วย

ยาต้านอาการซึมเศร้ารักษา อาการปวดหลังส่วนล่างและอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังได้อย่างไร

ยาต้านอาการซึมเศร้าเป็นกลุ่มยาที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อใช้รักษาอาการซึมเศร้าโดยเฉพาะ กลุ่มที่พบมากที่สุด ได้แก่ ยากลุ่ม serotonin and norepinephrine reuptake inhibitors, ยากลุ่ม selective serotonin reuptake inhibitors และยาต้านซึมเศร้าแบบไตรไซคลิก ยาต้านอาการซึมเศร้าเชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการปวดได้โดยการปิดกั้นสัญญาณความเจ็บปวดในระบบประสาท คนที่รับประทานยาต้านอาการซึมเศร้าอาจพบผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ปากแห้งและคลื่นไส้

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการค้นหาว่ายาต้านอาการซึมเศร้ามีประสิทธิภาพมากกว่ายาเม็ดหลอก การดูแลแบบมาตรฐาน หรือการไม่รักษาใดๆ ในการบรรเทาอาการปวดและเพิ่มการทำงานในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างหรืออาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังหรือไม่ นอกจากนี้ เรายังดูว่ายาต้านอาการซึมเศร้าเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบยาต้านอาการซึมเศร้ากับยาเม็ดหลอก การดูแลมาตรฐาน หรือการไม่รักษาใดๆ ในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างหรืออาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และประเมินความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา

เราพบอะไร
นี่เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมของ Cochrane ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2008 เราพบการศึกษา 26 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับคน 2932 คน: การศึกษา 18 ฉบับ มีคนจำนวน 2535 คนที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง มีการศึกษา 7 ฉบับมีคนจำนวน 329 คนที่มีอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง และการศึกษา 1 ฉบับ มีคนจำนวน 68 คนที่มีภาวะดังกล่าว อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 27 ถึง 59 ปี ผู้เข้าร่วมมีอาการ 'เรื้อรัง' (กินเวลานานกว่า 3 เดือน) ใน 62% ของการศึกษา ระยะเวลาการศึกษาใช้ตั้งแต่ 1 วันถึง 6 เดือน งานวิจัยเหล่านี้ได้ทำการศึกษายาต้านเศร้ากลุ่มต่างๆ ได้แก่ ยาในกลุ่มยับยั้งการดูดกลับของเซโรโทนินและนอร์อิพิเนฟริน (SNRIs), ยาในกลุ่มยับยั้งการดูดกลับของเซโรโทนินแบบจำเพาะ (SSRIs), ยาต้านเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic antidepressants), ยาต้านเศร้ากลุ่มเตตราไซคลิก (Tetracyclic antidepressants) หรือยาต้านเศร้าชนิดอื่นๆ (ซึ่งถูกจัดรวมเป็นกลุ่ม 'ยาต้านเศร้าอื่นๆ') โดยยาทุกกลุ่มถูกนำมาเปรียบเทียบกับยาหลอก (dummy pill) การศึกษาดังกล่าวดำเนินการทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่มีรายได้สูง เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เกือบครึ่งหนึ่งของการศึกษาที่รวมอยู่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัทเภสัชกรรม

ผลลัพธ์หลัก

เราพบว่า ยาในกลุ่มยับยั้งการดูดกลับของเซโรโทนินและนอร์อิพิเนฟริน (SNRIs) น่าจะช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดได้เล็กน้อย และช่วยให้การใช้งานร่างกายดีขึ้นเพียงเล็กน้อยมาก (trivial) ในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง

เรายังพบอีกว่า ยาต้านเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic antidepressants) น่าจะช่วยให้การใช้งานร่างกายดีขึ้นได้เล็กน้อย แต่ไม่น่าจะช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง

เรายังไม่ทราบว่า ยาในกลุ่มยับยั้งการดูดกลับของเซโรโทนินอย่างจำเพาะ (SSRIs), ยาต้านเศร้ากลุ่มเตตราไซคลิก หรือยาต้านเศร้ากลุ่มอื่นๆ จะช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดและปรับปรุงการใช้งานร่างกายในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างได้หรือไม่

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดขาที่มีสาเหตุจากกระดูกสันหลัง เรายังไม่ทราบว่ายาต้านเศร้าชนิดใดๆ จะช่วยลดอาการปวดและเพิ่มการใช้งานร่างกายได้หรือไม่

สารยับยั้งการดูดซึมกลับของเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟรินอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ยังไม่ชัดเจนว่ายาต้านอาการซึมเศร้ากลุ่มอื่น ๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐานเกี่ยวกับสารยับยั้งการดูดซึมเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟรินและยาต้านอาการซึมเศร้าแบบไตรไซคลิกมีเพียงปานกลางเท่านั้น เพราะไม่ใช่ว่าการศึกษาทั้งหมดจะให้ข้อมูลในทุกสิ่งที่เราสนใจ

เราแทบไม่มีความเชื่อมั่นในหลักฐานส่วนที่เหลือในการทบทวนวรรณกรรมครั้งนี้เลย เนื่องจากไม่ใช่ว่าการศึกษาทั้งหมดจะให้ข้อมูลในทุกสิ่งที่เราสนใจ การศึกษามีขนาดเล็กมาก และไม่มีการศึกษาเพียงพอที่จะให้เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เราสนใจ

ผลการวิจัยเพิ่มเติมอาจแตกต่างจากผลการทบทวนวรรณกรรมนี้

หลักฐานเป็นปัจจุบันแค่ไหน

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมก่อนหน้า หลักฐานมีอยู่จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2024

บทนำ

โดยทั่วไปแล้วยาต้านอาการซึมเศร้าจะใช้ในการรักษาอาการปวดหลังส่วนล่างและอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง อย่างไรก็ตาม ประโยชน์และโทษของมันยังคงไม่ชัดเจน

นี่คือการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรม Cochrane ปี 2008 เกี่ยวกับยาต้านอาการซึมเศร้าสำหรับอาการปวดหลังส่วนล่างที่ไม่เฉพาะเจาะจง

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของยาต้านอาการซึมเศร้าสำหรับอาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจงและอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE, Embase, ClinicalTrials.gov , World Health Organization International Clinical Trials Registry Platform และ EU Clinical Trials Register ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึง 14 พฤศจิกายน 2024

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวบรวมการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (randomised controlled trials) ที่เปรียบเทียบการใช้ยาต้านเศร้ากับยาหลอก, การรักษาตามปกติ หรือกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา/กลุ่มรอรับการรักษา ผู้เข้าร่วมต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีอาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจงหรือปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังไม่ว่าจะเป็นระยะเวลานานเท่าใด เราไม่รวมผู้เข้าร่วมที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างอันเนื่องมาจากกระดูกสันหลังหัก โรคอักเสบ หลอดเลือดใหญ่ฉีกขาด มะเร็ง หรือการติดเชื้อ ผลลัพธ์หลักคือความรุนแรงของอาการปวดและความพิการ วัดจากการติดตามผลในระยะสั้น (> 4 ถึง 14 สัปดาห์หลังการสุ่ม) และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด ผลลัพธ์รอง ได้แก่ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง การถอนตัวเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อาการซึมเศร้า และคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทบทวนวรรณกรรมสองคนได้ทำการคัดกรองระเบียนข้อมูลเพื่อคัดเลือกงานวิจัย, ดึงข้อมูล, และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติอย่างอิสระต่อกัน โดยใช้เครื่องมือ RoB 1 เราทำ meta-analysis เมื่อเป็นไปได้ เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย

เราได้รวบรวมการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมจำนวน 26 ฉบับ การศึกษา 18 ฉบับเป็นการศึกษาในผู้เข้าร่วมการวิจัย 2535 คนที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างชนิดไม่เฉพาะเจาะจง, การศึกษา 7 ฉบับเป็นการศึกษาในผู้เข้าร่วม 329 คนที่มีอาการปวดขาที่มีสาเหตุจากกระดูกสันหลัง, และอีก 1 ฉบับเป็นการศึกษาในผู้เข้าร่วม 68 คนที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มีอาการปวดต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยระหว่าง 18 เดือนถึง 20 ปี อายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 27 ถึง 59 ปี การศึกษาเหล่านี้ได้ประเมินยาต้านเศร้ากลุ่ม Serotonin and Norepinephrine Reuptake Inhibitors (SNRIs; จำนวน 8 ฉบับ), กลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs; จำนวน 2 ฉบับ), กลุ่ม Tricyclic Antidepressants (TCAs; จำนวน 14 ฉบับ), กลุ่ม Tetracyclic Antidepressants (TeCAs; จำนวน 2 ฉบับ) และกลุ่ม 'ยาต้านเศร้าอื่น ๆ' (2 ฉบับ) การศึกษาทั้งหมดมีการควบคุมด้วยยาหลอก มีการวัดผลลัพธ์ในช่วงการติดตามผลระยะสั้นในการศึกษา 73% การศึกษาทุกฉบับที่นำมาพิจารณา มีอย่างน้อย 1 ด้านที่ถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงของการมีอคติในระดับสูง โดย 69% มีความเสี่ยงสูงในด้านอคติจากการขาดหายไปของกลุ่มตัวอย่าง (attrition bias)

อาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจง (ประโยชน์)

หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า SNRI อาจมีผลเล็กน้อยต่อความรุนแรงของอาการปวด (mean difference (MD) (มาตราส่วน 0 ถึง 100) -5.25, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) -7.17 ถึง -3.34; I 2 = 0; การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1415 คน) และมีผลเล็กน้อยต่อความพิการ (MD (มาตราส่วน 0 ถึง 24) -0.91, ช่วงความเชื่อมั่น 95% -1.30 ถึง -0.51; I 2 = 0; การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1348 คน) ในการติดตามผลระยะสั้น

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่า SSRI อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความรุนแรงของอาการปวด (MD 1.20, 95% CI -4.90 ถึง 7.30; I 2 = 0; การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 199 คน) และความพิการ (MD -2.20 (ระดับ 0 ถึง 100), 95% CI -8.11 ถึง 3.71; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 92 คน) ในการติดตามผลระยะสั้น

หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า TCA อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความรุนแรงของอาการปวด (MD -2.00, 95% CI -7.25 ถึง 3.24; I² = 31%; การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 417 คน) แต่น่าจะมีผลเล็กน้อยต่อความพิการ (MD (ระดับ 0 ถึง 24) -1.76, 95% CI -2.70 ถึง -0.82; I 2 = 0; การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 330 คน) ในการติดตามผลในระยะสั้น

ผลของ TeCAs (MD -4.50, 95% CI -17.59 ถึง 8.59; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 52 คน) และยาต้านอาการซึมเศร้าชนิดอื่น (MD -5.40, 95% CI -23.08 ถึง 12.28; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 39 คน) ต่อความรุนแรงของอาการปวดเมื่อติดตามผลในระยะสั้นยังไม่ชัดเจน (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการศึกษาใดที่ประเมินผลของ TeCAs หรือยาต้านอาการซึมเศร้าชนิดอื่นต่อความพิการ

อาการปวดขาที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง (ประโยชน์)

ผลของ SNRIs ต่อความรุนแรงของอาการปวด (MD -46.10, 95% CI -89.29 ถึง -2.91; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 11 คน) และความพิการ (MD (ระดับ 0 ถึง 100) -4.40, 95% CI -20.25 ถึง 11.45; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 11 คน) ในการติดตามระยะสั้นนั้นมีความไม่แน่นอนอย่างมาก (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่า TCA อาจส่งผลอย่างมากต่อความรุนแรงของอาการปวดในช่วงการติดตามผลระยะสั้น (MD -23.00, 95% CI -32.12 ถึง -13.88; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 60 คน) และส่งผลปานกลางต่อความพิการ (MD (ระดับ 0 ถึง 100) -13.00, 95% CI -19.42 ถึง -6.58; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 60 คน)

ไม่มีการศึกษาใดที่ประเมินผลของ SSRIs, TeCAs หรือยาต้านอาการซึมเศร้าชนิดอื่นในผู้ที่มีอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง

อาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจงและอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง (อันตราย)

หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า SNRI อาจเพิ่มความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (risk ratio (RR) 1.17, 95% CI 1.07 ถึง 1.27; I 2 = 0%; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1510 คน) แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเพิ่มความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงหรือไม่ (Peto odds ratio (OR) 1.75, 95% CI 0.79 ถึง 3.89; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1510 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

ยังไม่ชัดเจนว่า TCAs เพิ่มความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.76, 95% CI 0.79 ถึง 3.90; การศึกษา 7 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 474 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง (Peto OR 6.64, 95% CI 0.41 ถึง 106.72; I² = 0%; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 142 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

ยังไม่ชัดเจนว่า SSRIs (RR 1.83, 95% CI 0.14 ถึง 24.19; I² = 95%; การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 107 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือ TeCAs เพิ่มความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 0.93, 95% CI 0.79 ถึง 1.09; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 52 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการศึกษาใดที่ประเมินความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงสำหรับกลุ่มยาเหล่านี้

ไม่มีการศึกษาใดที่วัดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยรวมของยาต้านอาการซึมเศร้าชนิดอื่น ยังไม่ชัดเจนว่ายาต้านอาการซึมเศร้าอื่น ๆ เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงหรือไม่ (Peto OR 0.90, 95% CI 0.16 ถึง 4.96; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 42 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

เราพบว่าในกลุ่มผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่จำเพาะเจาะจง ยาในกลุ่ม SNRIs น่าจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อระดับความรุนแรงของอาการปวด มีผลน้อยมากจนแทบไม่มีนัยสำคัญ (trivial effects) ต่อความบกพร่องในการใช้งานร่างกาย และน่าจะมีความสัมพันธ์กับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ TCA อาจไม่สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดหลังส่วนล่างได้ แต่สามารถส่งผลเล็กน้อยต่อความพิการได้ ผลของยาต้านอาการซึมเศร้าต่ออาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังยังคงไม่ชัดเจน แม้ว่า SNRIs และ TCAs อาจได้รับความสำคัญเหนือกลุ่มอื่นๆ สำหรับการศึกษาในอนาคต หลักฐานความปลอดภัยของ SSRIs, TCAs, TeCAs และยาต้านอาการซึมเศร้าอื่นๆ ในอาการปวดหลังส่วนล่างที่ไม่เฉพาะเจาะจงและอาการปวดขาที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังยังคงไม่ชัดเจน

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1 เมษายน 2025

การอ้างอิง
Ferraro MC, Urquhart DM, Ferreira GE, Wewege MA, Abdel Shaheed C, Traeger AC, Hoving JL, Visser EJ, McAuley JH, Cashin AG. Antidepressants for low back pain and spine-related leg pain. Cochrane Database of Systematic Reviews 2025, Issue 3. Art. No.: CD001703. DOI: 10.1002/14651858.CD001703.pub4.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า