วิธีการที่ใช้อยู่ทั่วไปในระหว่างการการมีประจำเดือนออกมาก : ภาพรวมของการทบทวนวรรณกรรม

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

ประสิทธิผลและความปลอดภัยของการรักษาในระหว่างการมีประจำเดือนออกมากเป็นอย่างไร

ความเป็นมา

ประจำเดือนออกมาก เป็นภาวะที่พบได้บ่อยทางนรีเวช การรักษาที่สามารถดำเนินต่อไปได้ในระหว่างการระบาด ได้แก่

1. ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น mefenamic acid หรือ naproxen: ออกฤทธิ์โดยการลดระดับโพรสตาแกรนดินซึ่งช่วยลดเลือดออกจากเยื่อบุโพรงมดลูก สามารถใช้ NSAID ชนิดเม็ดได้

2. ยาต้านการสลายลิ่มเลือด(Antifibrinolytics) ตัวอย่างเช่น tranexamic acid : ออกฤทธิ์โดยการลดเลือดออกโดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ละลายลิ่มเลือดในเยื่อบุโพรงของมดลูก สามารถใช้ Antifibrinolytics ชนิดเม็ดได้

3. ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน: ทำงานโดยการทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางและมีการหลุดลอกในช่วงมีประจำเดือน ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม สามารถใช้เป็นแบบชนิดเม็ดหรือใช้ยาทางช่องคลอดโดย ใช้แบบวงแหวนในช่องคลอด

4. Progestogens เช่น norethisterone: ออกฤทธิ์โดยการทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางและหลุดลอกในช่วงมีประจำเดือน Progestogens ชนิดเม็ดใช้เป็นเวลา 10 วันต่อรอบประจำเดือน (รอบสั้น) หรือสามถึงสี่สัปดาห์ของรอบประจำเดือน (รอบยาว)

เรามีจุดประสงค์เพื่อสรุปหลักฐานที่ดีที่สุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัย

ลักษณะของการศึกษา

เรารวบรวมการทบทวนวรรณกรรมของ Cochrane ได้สี่รายการ (การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ 44 รายการ, สตรี 3196 คน) ถึงเดือนมิถุนายน 2020 เราระบุการเปรียบเทียบได้ 11 แบบที่แตกต่างกันรวมถึงยากลุ่ม NSAID เทียบกับยาหลอก (ยาเม็ดในกลุ่มควบคุมที่ไม่มีผลกระทบ), ยาต้านการละลายลิ่มเลือดเทียบกับยาหลอก และยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมเทียบกับยาหลอก การทบทวนทั้งหมดรายงานเรื่องประจำเดือน คุณภาพชีวิต ความพึงพอใจของผู้ป่วย ผลข้างเคียงและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง เราให้คะแนนการทบทวนวรรณกรรมทั้งหมดว่ามีคุณภาพสูง

ผลการศึกษาที่สำคัญ

ยาต้านการสลายลิ่มเลือดและยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมอาจมีประสิทธิภาพในการลดเลือดออกมากเมื่อเทียบกับยาหลอก จากสตรี 1000 คนที่มีประจำเดือนออกมาก มี 109 คน จะรายงานการดีขึ้นด้วยยาหลอก และ 363 คน (ช่วง 200 ถึง 662) ดีขึ้นด้วยยาต้านการสลายลิ่มเลือด จากสตรี 1000 คนที่มีประจำเดือนมาก 29 คนจะรับรู้ว่าประจำเดือนของพวกเขากลับมาเป็นปกติเมื่อได้รับยาหลอกและ 401 คน (ช่วง 118 ถึง 771) รู้สึกได้เมื่อได้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม NSAIDs อาจมีประสิทธิภาพในการลดเลือดประจำเดือนออกหนัก ๆ เมื่อเทียบกับยาหลอก จากสตรี 1000 คนที่มีประจำเดือนออกมาก มี 200 คน จะรายงานการดีขึ้นด้วยยาหลอก และ 766 คน (ช่วง 578 ถึง 887) ดีขึ้นด้วย NSAIDs ยาต้านการสลายลิ่มเลือดอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าในการลดการมีเลือดออกมากเมื่อเทียบกับ NSAIDs และ short-cycle progestogens แต่เราไม่สามารถสรุปผลเกี่ยวกับผลของ ยาต้านการสลายลิ่มเลือด ได้เมื่อเปรียบเทียบกับ long-cycle progestogens

มีการรายงานผลลัพธ์รองที่ไม่ค่อยดี รวมถึงคุณภาพชีวิตและความพึงพอใจของสตรีที่มีต่อการรักษา การศึกษาเหล่านี้มีจำนวนสตรีไม่เพียงพอที่จะเข้าร่วมในการตรวจสอบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง มีหลักฐานที่รู้จักกันดีว่าแม้ว่าความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในคนทั่วไปนั้นต่ำมาก แต่ก็เพิ่มขึ้นเมื่อมีการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

การจัดอันดับสำหรับความเชื่อมั่นโดยรวมของหลักฐานการวิจัยที่เปรียบเทียบประสิทธิภาพของการรรักษาอยู่ในระดับต่ำมากถึงปานกลาง มีข้อจำกัดอย่างมีนัยสำคัญในการศึกษาวิจัยหลัก คือ ความไม่สอดคล้องกันในผลลัพธ์ระหว่างการศึกษาวิจัยหลักและความไม่ชัดเจนในการค้นพบจากการทบทวนวรรณกรรม

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า antifibrinolytics และยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมลดการมีเลือดออกมากได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับยาหลอก มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่ายากลุ่ม NSAIDs จะช่วยลดการมีเลือดออกมากได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับยาหลอก มีหลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำแสดงว่า antifibrinolytics มีประสิทธิภาพมากกว่าในการลดการมีเลือดออกมากเมื่อเทียบกับ NSAIDs และ short-cycle progestogens แต่เราไม่สามารถสรุปข้อสรุปเกี่ยวกับผลของ antifibrinolytics เมื่อเทียบกับ long-cycle progestogens หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ในบริบทของการมีเลือดประจำเดือนออกมาก โรคมีผลต่อการประเมินและการรักษาของสตรีโดยผู้ให้บริการด้านสุขภาพ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อสรุปหลักฐานจากการทบทวนวรรณกรรม เพื่อประเมินการวิธีการที่นำมาใช้จัดการการในระหว่างที่มีเลือดประจำเดือนออกมาก

วิธีการ: 

เราค้นหาการทบทวนวรรณกรรมที่ตีพิมพ์ประเมินวิธีกาารที่สามารถดำเนินการได้ในระหว่างการมีเลือดประจำเดือนออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เราค้นหาการทบทวนวรรณกรรมของ Cochrane โดยค้นหาจากฐานข้อมูล Cochrane Database of Systematic Reviews ในเดือนมิถุนายน 2020 ผลลัพธ์หลักคือเลือดประจำเดือน ผลลัพธ์รอง ได้แก่ คุณภาพชีวิต ความพึงพอใจของผู้ป่วย ผลข้างเคียงและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง

การดำเนินการเลือกการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ, การจัดการข้อมูลและประเมินคุณภาพงานวิจัย เราแก้ไขความขัดแย้งใด ๆ ผ่านการอภิปราย เราประเมินคุณภาพการโดยใช้เครื่องมือประเมินคุณภาพตามระเบียบวิธีของการทบทวนอย่างเป็นระบบ (AMSTAR) 2 และความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์แต่ละรายการโดยใช้วิธี GRADE

ผลการวิจัย: 

เรารวมบทวิจารณ์ได้ทั้งหมดสี่รายการ โดยเปรียบเทียบ 11 รายการ ข้อมูลจากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ 44 การศึกษา (RCTs) และมีสตรีเข้าร่วม 3196 คน เราประเมินการทบทวนวรรณกรรมทั้งหมดว่ามีคุณภาพสูง

ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)

NSAIDs อาจมีประสิทธิภาพในการลดการมีเลือดประจำเดือนออกมากได้มากกว่ายาหลอก (mean difference (MD) -124 mL per cycle, 95% confidence interval (CI) -186 ถึง -62 mL per cycle; 1 การศึกษา, สตรี 11 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) Mefenamic acid อาจคล้ายคลึงกับ naproxen (MD 21 mL per cycle, 95% CI -6 to 48 mL per cycle; 2 การศึกษา, สตรี 61 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ), และ NSAIDs อาจคล้ายกับยาเม็ดตุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมในเรื่องการมีเลือดประจำเดือนออกมาก (MD 25 mL per cycle, 95% CI -22 to 73 mL per cycle; 1 การศึกษา, สตรี 26 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) NSAIDs อาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าในการลดการมีเลือดประจำเดือน เมื่อเทียบกับ antifibrinolytics (relative risk (RR) 0.70, 95% CI 0.58 to 0.85; 2 การศึกษา, สตรี 161 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่แน่ใจว่ายากลุ่ม NSAIDs จะช่วยลดการสูญเสียเลือดประจำเดือนได้มากกว่าฮอร์โมนโปรเจสโตเจนหรือไม่ (RR 0.80, 95% CI 0.49 ถึง 1.32; 1 การศึกษา; สตรี 32 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

Antifibrinolytics

NSAIDs อาจมีประสิทธิภาพในการลดการมีเลือดประจำเดือนออกมากได้มากกว่ายาหลอก (MD -53 mL per cycle, 95% CI -63 to -44 mL per cycle; 4 การศึกษา, สตรี 565 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) Antifibrinolytics อาจคล้ายกับยาหลอกในการเกิดผลข้างเคียง (RR 1.05, 95% CI 0.93 ถึง 1.18; 1 การศึกษา, สตรี 297 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) และผลอาจคล้ายกับอุบัติการณ์ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง; RR 0.10, 95% CI 0.00 ถึง 2.46; 2 การศึกษา, สตรี 468 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

Antifibrinolytics อาจมีประสิทธิภาพดีกว่าในการลดการมีเลือดประจำเดือนออกมากเมื่อเทียบกับ short-cycle progestogen (MD -111 mL per cycle, 95% CI -178 mL to -44 mL per cycle; 1 การศึกษา, สตรี 46 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่แน่ใจว่า antifibrinolytics คล้ายกับ short-cycle progestogens ในเรื่องของคุณภาพชีวิตหรือไม่ (RR 1.67, 95% CI 0.76 ถึง 3.64, 1 การศึกษา, สตรี 44 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก), ความพึงพอใจของผู้ป่วย (RR 0.91, 95% CI 0.59 ถึง 1.39; 1 การศึกษา, สตรี 42 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ), หรือผลข้างเคียง (RR 0.85, 95% CI 0.65 ถึง 1.12; 3 การศึกษา, สตรี 211 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เราไม่แน่ใจว่า antifibrinolytics มีประสิทธิภาพในการลดเลือดออกมากได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับ progestogen ระยะยาวlong-cycle progestogen หรือไม่ (MD -9 points per cycle, 95% CI -30 to 12 points per cycle; 2 การศึกษา, สตรี 184 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) Antifibrinolytics อาจเพิ่มการรายงานด้วยตนเองในการมีเลือดประจำเดือนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับ long-cycle medroxyprogesterone acetate (RR 1.32, 95% CI 1.08 ถึง 1.61; 1 การศึกษา, สตรี 94 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) Antifibrinolytics อาจคล้ายกับ long-cycle progestogens ต่อคุณภาพชีวิต (MD 5, 95% CI -2.49 ถึง 12.49; 1 การศึกษา, สตรี 90 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่แน่ใจว่า antifibrinolytics คล้ายกับ long-cycle progestogens ต่อผลข้างเคียงหรือไม่ (RR 0.58, 95% CI 0.33 ถึง 1.00; 2 การศึกษา, สตรี 184 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

ไม่มีการศึกษาที่เปรียบเทียบ antifibrinolytics กับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับเรื่องเลือดประจำเดือนออกมากเมื่อเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับการรักษา (RR 13.25, 95% CI 2.94 ถึง 59.64; 2 การศึกษา, สตรี 363 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจคล้ายกับยาหลอกในเรื่องการเกิดผลข้างเคียง (RR 1.53, 95% CI 0.90 ถึง 2.60; 2 การศึกษา, สตรี 411 คน, หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

โปรเจสโตเจน

ไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบ โปรเจสโตเจน กับยาหลอก

ข้อจำกัดในเรื่องหลักฐาน รวมถึงความเสี่ยงของการมีอคติในการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ ความไม่สอดคล้องกันระหว่างการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบและความไม่แน่นอนในการประมาณการผลกระทบ

บันทึกการแปล: 

Translation notes CD013651.pub2

Tools
Information