corticosteroids มีผลอย่างไรต่อการป้องกัน postherpetic neuralgia

ใจความสำคัญ

• เราไม่ทราบว่า corticosteroids ที่ให้โดยการรับประทานในระยะเฉียบพลันของการติดเชื้อ herpes zoster (โรคงูสวัด) มีผลต่อการป้องกัน postherpetic neuralgia หรือไม่
• Corticosteroids ที่ให้โดยการรับประทานหรือโดยการฉีดเข้าไปในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้ออาจส่งผลให้ความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในผู้ที่เป็นโรคงูสวัดเฉียบพลันมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

โรค postherpetic neuralgia คืออะไร

Postherpetic neuralgia (PHN) เป็นอาการเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเกิดงูสวัดในบริเวณที่เกิดผื่นขึ้น postherpetic neuralgia อาจคงอยู่ได้จนกว่าบุคคลนั้นจะเสียชีวิต และมีผลกระทบที่สำคัญต่อคุณภาพชีวิตและการใช้ทรัพยากรด้านการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยโรค postherpetic neuralgia จำนวนมากพบว่าการรักษามีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ดังนั้นความสนใจจึงหันไปหยุดการเกิดโรค postherpetic neuralgia นักวิจัยบางคนเสนอว่าหากบุคคลหนึ่งเกิดภาวะ PHN ก็อาจหมายความว่าพวกเขามีไวรัส varicella-zoster ในกระแสเลือดมากกว่าปริมาณที่ต่ำซึ่งปกติจะพบเมื่อไวรัสอยู่เฉยๆ สิ่งนี้นำไปสู่การอักเสบอย่างต่อเนื่อง corticosteroids ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบที่มีศักยภาพ ซึ่งอาจลดความเสียหายของเส้นประสาท และด้วยเหตุนี้จึงบรรเทาอาการปวดงูสวัด และป้องกัน postherpetic neuralgia

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่าการให้ corticosteroids แบบเฉียบพลัน (ภายใน 1 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีผื่น) ในระหว่างการติดเชื้อ herpes zoster จะมีประสิทธิผลในการป้องกัน postherpetic neuralgia หรือไม่ เรารวมการศึกษาที่เปรียบเทียบ corticosteroids กับการไม่มีการรักษาหรือยาหลอก แต่ไม่ใช่กับการรักษาอื่นๆ นอกจากนี้เรายังรวมการทดลองที่เปรียบเทียบ corticosteroids ร่วมกับการรักษาตามปกติกับยาหลอกร่วมกับการรักษาตามปกติ

เราทำอะไร

เราค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่บรรยายผลของ corticosteroids ต่อการป้องกัน postherpetic neuralgia ภายหลังการติดเชื้องูสวัดแบบเฉียบพลัน นอกจากนี้เรายังประเมินว่าหลักฐานมีความเชื่อมั่นเพียงใดโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดการศึกษาและวิธีการศึกษา เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และให้คะแนนความเชื่อมั่นในหลักฐาน

เราพบอะไร

เรารวมการศึกษา 5 ฉบับ ที่ตรวจสอบผลของ corticosteroids ต่อผู้เข้าร่วมทั้งหมด 787 คนในการวิเคราะห์ของเรา หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ corticosteroids ที่ให้โดยการรับประทานในการติดเชื้องูสวัดระยะเฉียบพลัน ในการป้องกัน postherpetic neuralgia 6 เดือนหลังจากเริ่มมีผื่น herpetic เฉียบพลัน Corticosteroids ที่ให้โดยการรับประทานหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจส่งผลให้ความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในผู้ที่เป็นโรคงูสวัดเฉียบพลันมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย จากการศึกษาที่มีอยู่ หลักฐานที่มีความน่าเชื่อมั่นต่ำมากไม่ได้สนับสนุนหรือปฏิเสธการใช้ corticosteroids ในการติดเชื้องูสวัดชนิดเฉียบพลันในการป้องกัน postherpetic neuralgia

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ความเชื่อมั่นของเรามีจำกัดมากเนื่องจากผลลัพธ์จากการศึกษาเกี่ยวข้องกับคนจำนวนจำกัด การศึกษาบางฉบับไม่ได้รายงานอย่างชัดเจนถึงวิธีการสุ่ม การปกปิดการจัดกลุ่ม หรือการขาดการปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพหรือผลข้างเคียง ซึ่งอาจส่งผลต่อผลการศึกษาหรือไม่ โดยรวมแล้ว เรามีความเชื่อมั่นน้อยมากในหลักฐาน และจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบผลของ corticosteroids ในการป้องกัน postherpetic neuralgia

การทบทวนวรรณกรรมนี้ทันสมัยแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

จากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลของ corticosteroids ที่ให้โดยการรับประทานระหว่างการติดเชื้องูสวัดเฉียบพลันต่อการป้องกัน postherpetic neuralgia

Corticosteroids ที่ให้โดยการรับประทานหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจส่งผลให้ความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในผู้ที่เป็นโรคงูสวัดเฉียบพลันมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

นักวิจัยบางคนแนะนำให้ใช้ corticosteroids เพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับงูสวัดในระยะเฉียบพลันของโรค หากการวิจัยเพิ่มเติมได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ corticosteroids สำหรับโรคงูสวัด ควรมีการติดตามผลระยะยาวเพื่อสังเกตผลที่มีต่อการเปลี่ยนจากอาการปวดเฉียบพลันไปเป็น postherpetic neuralgia การทดลองในอนาคตควรรวมถึงการวัดการทำงานและคุณภาพชีวิต รวมถึงการวัดความเจ็บปวดที่ได้รับการปรับปรุง

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

Postherpetic neuralgia (PHN) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย ร้ายแรง และเจ็บปวดจากงูสวัด Corticosteroids มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอาจเป็นประโยชน์ นี่เป็นการปรับปรุง การทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2008 และ ปรับปรุงก่อนหน้านี้ในปี 2013

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผล (ประโยชน์และอันตราย) ของ corticosteroids ในการป้องกัน postherpetic neuralgia

วิธีการสืบค้น: 

เราปรับปรุงการค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) ของ corticosteroids เพื่อป้องกัน postherpetic neuralgia ใน Cochrane Neuromuscular Specialized Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นอีก 2 แห่ง และทะเบียนการทดลอง 2 แหล่ง (มิถุนายน 2022) นอกจากนี้เรายังตรวจสอบบรรณานุกรมของการศึกษาวิจัยที่พบ ติดต่อผู้ประพันธ์ และติดต่อบริษัทยาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ตีพิมพ์หรือไม่ได้ตีพิมพ์

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวม RCTs ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ corticosteroids ที่ให้โดยวิธีรับประทาน ฉีดเข้ากล้าม หรือฉีดเข้าเส้นเลือดดำสำหรับคนทุกวัย ที่เป็นงูสวัดทุกระดับความรุนแรงภายใน 7 วันหลังจากเริ่มมีอาการ เปรียบเทียบกับการไม่รักษาหรือยาหลอก แต่ไม่ใช่การรักษาอื่นๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรมสองคนคัดเลือกบทความที่อาจเป็นไปได้ คัดลอกข้อมูล ประเมินความเสี่ยงของอคติของแต่ละการทดลอง และความเชื่อมั่นของหลักฐานอย่างเป็นอิสระต่อกัน ความขัดแย้งได้รับการแก้ไขโดยการอภิปรายระหว่างผู้ประพันธ์ร่วม เราปฏิบัติตามวิธีมาตรฐานของ Cochrane

ผลการวิจัย: 

เราพบการทดลอง 5 ฉบับ มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 787 คนที่ตรงตามเกณฑ์การคัดเลือกของเรา ไม่พบการศึกษาใหม่สำหรับการปรับปรุงนี้ ทั้งหมดเป็นการศึกษาแบบสุ่ม ปกปิดทั้งสองด้าน แบบคู่ขนาน มีกลุ่มควบคุมด้วยยาหลอก

หลักฐานไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ corticosteroids ที่ให้โโยวิธีรับประทานในระหว่างการติดเชื้องูสวัดแบบเฉียบพลันในการป้องกัน postherpetic neuralgia ภายหลังการติดเชื้อหกเดือนหลังจากเริ่มมีอาการ (risk ratio (RR) 0.95, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.45 ถึง 1.99; การทดลอง 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 114 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก (ลดระดับเนื่องจากความเสี่ยงร้ายแรงของอคติและความไม่แม่นยำที่ร้ายแรงมาก) การทดลองอีก 3 ฉบับที่ตรงตามเกณฑ์การคัดเลือกของเราไม่รวมอยู่ใน meta-analysis เนื่องจากไม่ได้ให้ข้อมูลแยกต่างหากเกี่ยวกับจำนวนผู้เข้าร่วมที่มี PHN ในเวลา 6 เดือน

มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในระหว่างหรือภายใน 2 สัปดาห์หลังจากหยุดการรักษาในการทดลองที่นำเข้าทั้ง 5 ฉบับ ไม่มีความแตกต่างที่สังเกตได้ในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับร้ายแรง (RR 1.65, 95% CI 0.51 ถึง 5.29; การทดลอง 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 755 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก (ปรับลดระดับเนื่องจากความเสี่ยงร้ายแรงของอคติและความไม่แม่นยำที่ร้ายแรงมาก)) หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ไม่ร้ายแรง ( RR 1.30, 95% CI 0.90 ถึง 1.87; การทดลอง 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 755 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ (ปรับลดระดับเนื่องจากความเสี่ยงร้ายแรงของการเกิดอคติและความไม่แม่นยำอย่างรุนแรง)) ระหว่างกลุ่ม corticosteroid และยาหลอก

1 ในการทดลองเหล่านี้มีความเสี่ยงของการมีอคติสูงเนื่องจากข้อมูลผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ การศึกษา 2 ฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติไม่ชัดเจน และการศึกษาอีก 1 ฉบับ มีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ การทบทวนวรรณกรรมนี้เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2008 ไม่พบ RCT ใหม่เพื่อรวมไว้ในการปรับปรุงครั้งต่อมาในปี 2010, 2013 และ 2023

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น17 ธันวาคม 2023

Tools
Information