การออกกำลังกายเป็นวิธีการบำบัดโรคข้อเข่าเสื่อมที่มีประสิทธิผลหรือไม่

ใจความสำคัญ

การออกกำลังกายอาจช่วยปรับปรุงความเจ็บปวดและการทำงานของร่างกายได้เมื่อเทียบกับ ‘attention' control (เช่น การโต้ตอบกับบุคลากรที่ศึกษาหรือผู้ให้บริการดูแลมากกว่า 1 ครั้ง) หรือยาหลอก และช่วยปรับปรุงความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตเมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา การดูแลตามปกติ (เช่น การรักษาตามปกติที่ให้โดยแพทย์ประจำครอบครัว) หรือการให้ความรู้ที่จำกัด (เช่น การจัดทำเอกสารข้อมูลพื้นฐานหรือลิงก์ไปยังข้อมูลออนไลน์) การออกกำลังกายยังอาจนำไปสู่การดีขึ้นของความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตเมื่อรวมเข้ากับการรักษาอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษานั้น ๆ เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญทางคลินิกที่ไม่เชื่อมั่น หมายความว่าประโยชน์ดังกล่าวอาจไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอาการที่ส่งผลต่อผู้ป่วยอย่างเห็นได้ชัด

- แม้ว่าจะมีการศึกษาจำนวนมาก แต่หลายกรณีมีผู้เข้าร่วมเพียงจำนวนน้อย และมีคุณภาพไม่ดี (เช่น ผู้เข้าร่วมรู้ว่าตนอยู่ในกลุ่มการรักษาใด) ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นในข้อสรุปน้อยลง

การออกกำลังกายช่วยผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร

โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดเรื้อรังและความพิการ การออกกำลังกายมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและปรับปรุงการทำงานของข้อต่อและขอบเขตการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวดข้อเข่าเสื่อมและอาการผิดปกติของข้อ และช่วยให้ผู้คนกลับมาทำกิจกรรมประจำวันตามปกติได้ โปรแกรมการออกกำลังกายมีประเภทการออกกำลังกายที่หลากหลาย ระยะเวลาการออกกำลังกายต่างกัน และวิธีการให้ก็หลากหลายเช่นกัน

เราต้องการค้นหาอะไร

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งล่าสุดในปี 2015 เราอยากทราบว่าการออกกำลังกายช่วยปรับปรุงความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการศึกษาในผู้ใหญ่ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมที่ประเมินผลของการออกกำลังกายบนทำบนพื้นดินต่อความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิต การศึกษาจะต้องเปรียบเทียบกลุ่มคนที่ออกกำลังกายกับกลุ่มที่ได้รับความสนใจหรือ วิธีการหลอก หรือกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด นอกจากนี้เรายังรวมการศึกษาที่เปรียบเทียบการออกกำลังกายร่วมกับวิธีการอื่นกับวิธีการนั้น ๆเพียงอย่างเดียว

เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและจัดอันดับตามความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น วิธีการศึกษาและผลการศึกษาที่ตรงกัน

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 139 ฉบับ โดยมีจำนวนคนทั้งสิ้น 12,468 คน ผู้เข้าร่วมการศึกษามีอายุเฉลี่ยระหว่าง 41 ถึง 81 ปี โปรแกรมการออกกำลังกายมีระยะเวลาตั้งแต่ 2 ถึง 104 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะถูกวัดทันทีหลังจากโปรแกรมการออกกำลังกายสิ้นสุดลง โดยมีบางการศึกษาที่เก็บรวมผลลัพธ์ในช่วงสัปดาห์และเดือนหลังจากโปรแกรมสิ้นสุดลงด้วย

การทดลอง 30 ฉบับ (22%) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับการควบคุมความสนใจหรือการหลอก การทดลอง 60 ฉบับ (43%) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับการไม่รักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด การทดลอง 49 ฉบับ (35%) ได้เพิ่มการออกกำลังกายเข้ากับการรักษาประเภทอื่น และเปรียบเทียบกับการรักษาประเภทอื่นเพียงอย่างเดียว เพื่อพิจารณาว่าผลประโยชน์ดังกล่าวจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ เราได้นำผลการค้นพบของเราไปเปรียบเทียบกับคะแนน "ความแตกต่างที่สำคัญขั้นต่ำ" ที่กำหนดไว้สำหรับความเจ็บปวด (12 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน) การทำงานของร่างกาย (13 คะแนน) และคุณภาพชีวิต (15 คะแนน)

การออกกำลังกายเทียบกับการควบคุมความสนใจหรือการหลอก

- การออกกำลังกายอาจช่วยลดอาการปวดได้เล็กน้อย (ดีขึ้น 8.7 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้น 11.3 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย (ดีขึ้น 6.1 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการติดตามผลครั้งสุดท้าย เราพบว่าการออกกำลังกายอาจไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เพิ่มมากขึ้น

การออกกำลังกายเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด

- การออกกำลังกายอาจช่วยลดอาการปวดได้ (ดีขึ้น 13.1 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้น 12.5 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้น 5.4 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการติดตามผลครั้งสุดท้าย เราพบว่าการออกกำลังกายอาจเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้

การออกกำลังกายที่เพิ่มเข้าไปกับการรักษาอื่น ๆ เมื่อเทียบกับการรักษาอื่นเพียงอย่างเดียว

- การออกกำลังกายอาจช่วยลดความเจ็บปวดได้ (ดีขึ้น 10.4 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้น 9.7 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้น 4.2 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการติดตามครั้งสุดท้าย เราพบว่าการออกกำลังกายมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เล็กน้อย

หลักฐานมีข้อจำกัดอะไรบ้าง

เรามีความเชื่อมั่นในผลลัพธ์ของเราในระดับต่ำถึงปานกลาง การศึกษาจำนวนมากมีคุณภาพต่ำและมีขนาดตัวอย่างเล็ก ดังนั้นการศึกษาบางเรื่องอาจแสดงให้เห็นว่าประโยชน์ของการออกกำลังกายมีมากกว่าที่เป็นจริง

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

เราค้นหาการศึกษาจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2024

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราพบหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำถึงปานกลางที่บอกว่าการออกกำลังกายน่าจะส่งผลให้ความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตดีขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์ความแตกต่างสำคัญขั้นต่ำที่เราใช้ ประโยชน์เหล่านี้มีความสำคัญทางคลินิกที่ไม่เชื่อมั่น ผู้เข้าร่วมในการทดลองส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกปิดบังข้อมูล และจึงรับรู้ถึงวิธีการรักษาของตน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้มีการรายงานผลการปรับปรุง

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคข้อเข่าเสื่อม (knee osteoarthritis; OA) เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง การทำงานของร่างกายลดลง และคุณภาพชีวิตลดลง เนื่องจากยังไม่มีวิธีรักษา การจัดการอาการด้วยตนเองโดยการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีที่แนะนำตามแนวทางปฏิบัติทางคลินิกระหว่างประเทศปัจจุบัน การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงฉบับที่เผยแพร่ในปี 2015

วัตถุประสงค์: 

เรามุ่งหวังที่จะประเมินผลของการออกกำลังกายบนพื้นดินสำหรับผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อม (knee osteoarthritis; OA) โดยการเปรียบเทียบ:

1) การออกกำลังกายเทียบกับ attention control หรือ placebo

2) การออกกำลังกายกับการไม่รักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด

3) เพิ่มการออกกำลังกายให้กับวิธีการร่วมอื่น ๆ เทียบกับวิธีการร่วมเพียงอย่างเดียว

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE, Embase และทะเบียนการทดลอง 2 แหล่ง (ClinicalTrials.gov และ World Health Organisation International Clinical Trials Registry Platform) พร้อมทั้งรายการอ้างอิง ตั้งแต่วันที่ค้นหาครั้งสุดท้าย (1 พฤษภาคม 2013) จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2024 โดยไม่มีการจำกัดตามภาษา

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม (randomised controlled trials; RCT) ที่ประเมินการออกกำลังกายสำหรับโรคข้อเข่าเสื่อมเทียบกับตัวเปรียบเทียบที่ระบุไว้ข้างต้น ผลลัพธ์ที่เราสนใจคือความรุนแรงของอาการปวด การทำงานของร่างกาย คุณภาพชีวิต ความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และการถอนตัวจากการศึกษา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ขั้นตอนวิธีการมาตรฐานที่อธิบายไว้ใน Cochrane for Systematic Reviews of Interventions

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการทดลอง 139 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 12,468 ราย): การทดลอง 30 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 3065 ราย) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับ attention control หรือ placebo; การทดลอง 60 ฉบับ (4834 ราย) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับการดูแลปกติ ไม่มีวิธีการ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด และการทดลอง 49 ฉบับ (4569 ราย) ประเมินการออกกำลังกายที่เพิ่มเข้ากับวิธีการอื่น ๆ (เช่น การรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก การกายภาพบำบัด การให้ความรู้โดยละเอียด) เทียบกับ วิธีการนั้นเพียงอย่างเดียว วิธีการมีระยะเวลาแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ 2 ถึง 104 สัปดาห์ การทดลองส่วนใหญ่มีความไม่ชัดเจนหรือ ความเสี่ยงสูงของการมีอคติ โดยเฉพาะ performance bias (94% ของการทดลอง) detection bias (94%) selective reporting bias (68%) selection bias (57%) และ attrition bias (48%)

การออกกำลังกายเทียบกับการควบคุมความสนใจ/ยาหลอก

เมื่อเปรียบเทียบกับ attention control/placebo หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายอาจส่งผลให้ความเจ็บปวดดีขึ้นเล็กน้อยทันทีหลังการทดลอง (ดีขึ้นเฉลี่ย 8.70 คะแนน (บนมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 95% 5.70 ถึง 11.70; การศึกษา 28 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2873 ราย) หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 11.27 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง 7.64 ถึง 15.09; การศึกษา 24 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2536 ราย) แต่คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (ดีขึ้นเฉลี่ย 6.06 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง −0.13 ถึง 12.26; การศึกษา 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 454 ราย) มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยเพิ่มความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (risk ratio (RR) 1.46, 95% CI 1.11 ถึง 1.92; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 364 คน) และไม่น่าจะเพิ่มการถอนตัวจากการศึกษา (RR 1.08, 95% CI 0.92 ถึง 1.26; การศึกษา 29 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2907 คน) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าการออกกำลังกายอาจไม่เพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 2.02, 95% CI 0.62 ถึง 6.58; การศึกษา 11 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1684 ราย)

การออกกำลังกายกับการไม่รักษา/การดูแลตามปกติ/การให้ความรู้ที่จำกัด

เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา/การดูแลตามปกติ/การให้ความรู้ที่จำกัด หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายอาจส่งผลให้ความเจ็บปวดดีขึ้นทันทีหลังการออกกำลังกาย (ดีขึ้นเฉลี่ย 13.14 คะแนน (บนมาตราส่วน 0 ถึง 100) 95% CI 10.36 ถึง 15.91; การศึกษา 56 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4184 ราย) หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 12.53 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง 9.74 ถึง 15.31; การศึกษา 54 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4352 คน) และคุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้นเฉลี่ย 5.37 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง 3.19 ถึง 7.54; การศึกษา 28 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2328 คน) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าการออกกำลังกายอาจส่งผลให้ไม่มีความแตกต่างกันในความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (RR 1.33, 95% CI 0.71 ถึง 2.49; การศึกษา 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 405 คน) มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางว่าการออกกำลังกายน่าจะไม่ส่งผลให้มีความแตกต่างกันในการถอนตัวจากการศึกษา (RR 1.03, 95% CI 0.88 ถึง 1.20; การศึกษา 53 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4408 ราย) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าการออกกำลังกายอาจเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 3.17, 95% CI 1.17 ถึง 8.57; การศึกษา 18 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1557 คน)

การออกกำลังกายที่เพิ่มให้กับวิธีการร่วมอื่น ๆ เทียบกับวิธีการร่วมเพียงอย่างเดียว

หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายเมื่อเพิ่มเข้ากับวิธีการร่วมมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ความเจ็บปวดดีขึ้นทันทีหลังดำเนินการ (post-intervention) เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการร่วมเพียงอย่างเดียว (ดีขึ้นเฉลี่ย 10.43 คะแนน (บนมาตราส่วน 0 ถึง 100) 95% CI 8.06 ถึง 12.79; การศึกษา 47 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4441 คน) นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าการทำงานของร่างกายจะดีขึ้นเล็กน้อย (ค่าเฉลี่ยดีขึ้น 9.66 คะแนน, 95% CI 7.48 ถึง 11.97 (ในระดับ 0 ถึง 100); การศึกษา 44 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4381 คน) และคุณภาพชีวิต (ค่าเฉลี่ยดีขึ้น 4.22 คะแนน (ในระดับ 0 ถึง 100), 95% CI 1.36 ถึง 7.07; การศึกษา 12 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1660 คน) ทันทีหลังดำเนินการ (post-intervention) มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยเพิ่มความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (RR 1.63, 95% CI 1.18 ถึง 2.24; การศึกษา 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1139 คน), ลดการถอนตัวจากการศึกษาลงเล็กน้อย (RR 0.82, 95% CI 0.70 ถึง 0.97; การศึกษา 41 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 3502 คน) และเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เล็กน้อย (RR 1.72, 95% CI 1.07 ถึง 2.76; การศึกษา 19 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2187 คน)

การวิเคราะห์กลุ่มย่อยและ meta-regression

เราไม่พบความแตกต่างระหว่างการออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ และไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของความเจ็บปวดหรือการทำงานของร่างกายกับจำนวนครั้งของการออกกำลังกายทั้งหมดที่กำหนดไว้หรืออัตราส่วน (ระหว่างกลุ่มออกกำลังกายและกลุ่มเปรียบเทียบ) ของการปรึกษาแบบเรียลไทม์กับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ

ความสำคัญทางคลินิกของการค้นพบ

เพื่อพิจารณาว่าผลลัพธ์ที่พบจะสร้างความแตกต่างที่มีความหมายทางคลินิกต่อผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ เราจึงเปรียบเทียบผลลัพธ์ของเรากับคะแนน "ความแตกต่างที่สำคัญขั้นต่ำ" (MID) ที่กำหนดไว้สำหรับความเจ็บปวด (12 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100) การทำงานของร่างกาย (13 คะแนน) และคุณภาพชีวิต (15 คะแนน) เราพบว่าช่วงความเชื่อมั่นของความแตกต่างเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์เหล่านี้หรือมีผลรวมทั้งการปรับปรุงที่สำคัญทางคลินิกและไม่สำคัญทางคลินิก

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ นพ ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 4 มกราคม 2025 Edit โดย ศ.พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 20 มกราคม 2025

Tools
Information