คำเชิญ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและวิธีการให้ความรู้ช่วยเพิ่มการตรวจคัดกรองปากมดลูกหรือไม่

ประเด็นสำคัญ
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 4 ในสตรีทั่วโลก ปัจจุบัน มีการขอให้สตรีเข้ารับการตรวจคัดกรองปากมดลูก (หรือที่เรียกว่า 'smear' หรือ 'Pap test') เพื่อตรวจหาการติดเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงและ/หรือเซลล์ผิดปกติหรือก่อนเป็นมะเร็ง การตรวจคัดกรองปากมดลูกทั่วโลกมีน้อย โครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่า การตรวจคัดกรองสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ผ่านการตรวจหาและรักษาการเปลี่ยนแปลงก่อนเกิดมะเร็งก่อนที่มะเร็งจะพัฒนา อย่างไรก็ตาม มีความผันแปรระหว่างและภายในประเทศในด้านความพร้อมและการรับการตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างตามกลุ่มชาติพันธุ์ อายุ การศึกษา และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเมื่อพัฒนาการแทรกแซงเพื่อเพิ่มการตรวจคัดกรอง

วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรม
จุดมุ่งหมายของการทบทวนนี้คือการพิจารณาถึงวิธีการต่างๆ ที่ใช้ในการส่งเสริมให้สตรีเข้ารับการตรวจคัดกรองปากมดลูก ซึ่งรวมถึงคำเชิญ การเตือนความจำ การศึกษา การวางกรอบข้อความ การให้คำปรึกษา การประเมินปัจจัยเสี่ยง ขั้นตอน และวิธีการทางเศรษฐกิจ

ผลการค้นพบหลักคืออะไรบ้าง
การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบนี้รวบรวม 70 การศึกาษา โดยในจำนวนนี้ มี 69 การศึกษา (สตรี 257,899 คน) ที่นำมาวิเคราะห์เมตต้า การเชื้อเชิญและ สื่อการสอนอาจช่วยเพิ่มการตรวจคัดกรองปากมดลูก (หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเอง (HPV self-testing) เป็นทางเลือกแทนการตรวจ Pap smears อาจเพิ่มความครอบคลุมในการตรวจคัดกรอง อย่างไรก็ตาม HPV self-testing ไม่อยู่ในการทบทวนนี้ และจะได้รับการพิจารณาในการทบทวนครั้งหน้า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เคยส่งเสริมการตรวจคัดกรองแก่ชนกลุ่มน้อยอาจเพิ่มการรับการตรวจคัดกรอง (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

เป็นการยากที่จะสรุปได้อย่างมีความหมายสำหรับวิธีการอื่นๆ ที่มีการรายงานน้อย เช่น การให้คำปรึกษา การประเมินปัจจัยเสี่ยง การเข้าถึงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ หนังสือการ์ตูนภาพถ่าย การรับสมัครอย่างเข้มข้นและการกำหนดกรอบข้อความ เนื่องจากข้อมูลที่กระจัดกระจายและหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพและการพยายามสรรหาบุคลากรอย่างเข้มข้นอาจเพิ่มการรับคนเข้ามา

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ความเชื่อมั่น (คุณภาพ) ของหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง และการวิจัยเพิ่มเติมอาจเปลี่ยนแปลงการค้นพบนี้ สำหรับการทดลองส่วนใหญ่ ความเสี่ยงของการมีอคติไม่ชัดเจน ทำให้ยากต่อการยืนยันผลลัพธ์

ข้อสรุป
จดหมายเชิญอาจเพิ่มการตรวจคัดกรองปากมดลูก และการใช้การมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกลุ่มประชากรชนกลุ่มน้อยอาจทำเช่นนั้น วิธีการให้ความรู้อาจเพิ่มการคัดกรอง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ารูปแบบใดมีประสิทธิผลสูงสุด การค้นพบนี้นำไปใช้กับประเทศที่พัฒนาแล้ว และความเกี่ยวข้องกับประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางนั้นไม่ชัดเจน

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นระดับปานกลางสนับสนุนการใช้จดหมายเชิญเพื่อเพิ่มการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพในกลุ่มชนกลุ่มน้อยอาจเพิ่มความครอบคลุมในการตรวจคัดกรอง และยังได้รับการสนับสนุนวิธีการให้ความรู้ แต่ก็ไม่ชัดเจนว่ารูปแบบใดมีประสิทธิผลมากที่สุด การศึกษาส่วนใหญ่มาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นความเกี่ยวข้องของประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง (LMICs) จึงไม่ชัดเจน โดยรวมแล้ว หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำที่พบทำให้ยากต่อการอนุมานว่าวิธีการแบบใดดีที่สุด ยกเว้นวิธีการที่เป็นการเชิญ ซึ่งดูเหมือนจะมีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากกว่า

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

นี่เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ในฉบับที่ 5, 2011

มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดอันดับ 4 ในสตรีทั่วโลก การติดเชื้อไวรัส human papillomavirus (HPV) ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค 99.7% ของผู้ป่วยทั้งหมด ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ การสูบบุหรี่ คู่นอนหลายคน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ และภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลยุทธ์การป้องกันเบื้องต้นสำหรับมะเร็งปากมดลูกมุ่งเน้นไปที่การลดการติดเชื้อ HPV ผ่านการฉีดวัคซีนและมีข้อมูลแนะนำว่าสิ่งนี้มีศักยภาพที่จะป้องกันได้เกือบ 90% ในกรณีที่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนการติดเชื้อ HPV อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะสามารถซื้อแผนการฉีดวัคซีนได้ และที่น่าเป็นห่วงคือ ในหลายประเทศก็ยากจนมาก การป้องกันขั้นทุติยภูมิผ่านโปรแกรมการตรวจคัดกรองจะยังคงมีความสำคัญต่อการลดมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนในช่วงวัยรุ่นในภายหลัง ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหาเซลล์ก่อนมะเร็งและ HPV ที่มีความเสี่ยงสูง

ในสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปี 1988 อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกได้ลดลง อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างประเทศทั้งในด้านความครอบคลุมและการตรวจคัดกรอง ในบางประเทศมีโปรแกรมการคัดกรองระดับประเทศในขณะที่ประเทศอื่นๆ จัดให้มีการคัดกรองตามโอกาส นอกจากนี้ ในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดทางชาติพันธุ์ อายุ การศึกษา และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นการทำความเข้าใจและนำปัจจัยเหล่านี้มารวมไว้ในโปรแกรมการตรวจคัดกรองจึงสามารถเพิ่มการคัดกรองได้ ร่วมกับการฉีดวัคซีนอาจทำให้มะเร็งปากมดลูกกลายเป็นโรคที่หายากได้

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพของวิธีการที่มุ่งเป้าที่สตรี เพื่อเพิ่มการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), ฉบับที่ 6, 2020 ฐานข้อมูล MEDLINE, Embase และ LILACS จนถึงเดือนมิถุนายน 2020 นอกจากนี้เรายังค้นหาทะเบียนของการทดลองทางคลินิก บทคัดย่อของการประชุมทางวิทยาศาสตร์ รายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมไว้ และการติดต่อผู้เชี่ยวชาญในสาขา

เกณฑ์การคัดเลือก: 

Randomized controlled trials (RCTs) ของสิ่งแทรกแซงเพื่อเพิ่มการรับ/การรับข้อมูลของการตรวจคัดกรองปากมดลูก

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนสองคนดึงข้อมูลและประเมินความเสี่ยงของอคติอย่างอิสระต่อกัน มีการวิเคราะห์เมตต้า หากสามารถทำได้ โดยใช้ระเบียบวิธีตามมาตรฐานของ Cochrane

ผลการวิจัย: 

การสืบค้นที่ครอบคลุมพบ 2597 การศึกษา; ในจำนวนนี้ มี 70 การศึกษาตรงตามเกณฑ์การนำเข้า โดยมี 69 การศึกษา (ผู้เข้าร่วม 257,899 คน) ในการวิเคราะห์เมตต้า การศึกษาได้ประเมินประสิทธิผลของวิธีการเชิญชวน และให้ความรู้ การมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ การให้คำปรึกษาและการประเมินปัจจัยเสี่ยง ความแตกต่างทางคลินิกและทางสถิติระหว่างการศึกษา ทำให้จำกัดการวิเคราะห์รวมผลลัพธ์การศึกษา

โดยรวม มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางที่ชี้ให้เห็นว่าคำเชิญดูเหมือนจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิผลในการเพิ่มการเข้ารับการตรวจคัดกรองเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.71, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 1.49 ถึง 1.96; ผู้เข้าร่วม 141,391 คน; 24 การศึกษา) การวิเคราะห์เพิ่มเติม หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำถึงปานกลาง ชี้ให้เห็นว่าคำเชิญที่เป็นส่วนตัว เช่น คำเชิญส่วนตัว จดหมายเชิญ GP หรือจดหมายที่มีการนัดหมายตายตัว ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมากในการสนับสนุนการใช้จดหมายเชิญของ GP เมื่อเทียบกับจดหมายเชิญของผู้มีอำนาจอื่นๆ ภายในการศึกษาแบบ RCT 2 การศึกษา มี 1 การศึกษาประเมินผู้เข้าร่วม 86 คน (RR 1.69 95% CI 0.75 ถึง 3.82) และอีก 1 การศึกษา แสดงให้เห็นว่า ผลประโยชน์เล็กน้อย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 4000 คน (RR 1.13, 95 % CI 1.05 ถึง 1.21) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำสนับสนุนคำเชิญส่วนบุคคล (ทางโทรศัพท์ ตัวต่อตัว หรือจดหมายที่กำหนดเป้าหมาย) เมื่อเทียบกับจดหมายเชิญมาตรฐาน (RR 1.32, 95 % CI 1.11 ถึง 1.21; ผู้เข้าร่วม 27,663 คน; 5 การศึกษา) มีหลักฐานความความเชื่อมั่นปานกลางในการสนับสนุนจดหมายที่มีการนัดหมายที่แน่นอนเพื่อเข้าร่วม เมื่อเทียบกับจดหมายที่มีคำเชิญที่เปิดโอกาสให้ทำการนัดหมาย (RR 1.61, 95% CI 1.48 ถึง 1.75; ผู้เข้าร่วม 5742 คน; 5 การศึกษา)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำสนับสนุนการใช้สื่อการสอน (RR 1.35, 95% CI 1.18 ถึง 1.54; ผู้เข้าร่วม 63,415 คน; 13 การศึกษา) และการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ (RR 2.30, 95% CI 1.44 ถึง 3.65; ผู้เข้าร่วม 4330 คน; 11 การศึกษา) การแทรกแซงอื่น ๆ ที่มีการรายงานไม่แพร่หลายรวมถึงการให้คำปรึกษา การประเมินปัจจัยเสี่ยง การเข้าถึงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ หนังสือการ์ตูนภาพถ่าย การรับสมัครอย่างเข้มข้น และการวางกรอบข้อความ เป็นการยากที่จะสรุปข้อสรุปที่มีความหมายเกี่ยวกับวิธีการเหล่านี้เนื่องจากมีข้อมูลที่กระจัดกระจายและหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพและความพยายามในการสรรหาบุคลากรอย่างเข้มข้นอาจทำให้เพิ่มการตรวจคัดกรองมากขึ้น

1 การศึกษา รายงานผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสุ่มผู้เข้าร่วม 3124 คนในโครงการคัดกรองระดับประเทศเพื่อรับคำเชิญให้คัดกรองแบบมาตรฐาน ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียม หรือคำเชิญที่เสนอการคัดกรองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ไม่พบความแตกต่างในการเพิ่มการคัดกรองที่ 90 วัน (กลุ่มที่ได้รับวิธีการเพิ่มการคัดกรอง 574/1562 เทียบกับกลุ่มควบคุม 612/1562) (RR 0.94, 95% CI: 0.86 ถึง 1.03).

การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเอง (HPV self-testing) เป็นทางเลือกแทนการตรวจคัดกรองแบบเดิมอาจมีประสิทธิผลในการเพิ่มการตรวจคัดกรอง และสิ่งนี้จะกล่าวถึงในการทบทวนครั้งต่อไป ผลลัพธ์รอง ซึ่งรวมถึงข้อมูลต้นทุน ได้รับการจัดทำเป็นเอกสารอย่างไม่สมบูรณ์ Cluster-RCT ส่วนใหญ่ไม่ได้พิจารณาถึงการจัดกลุ่มหรือรายงานจำนวนคลัสเตอร์ในการทดลองอย่างเพียงพอเพื่อประเมินผลการออกแบบ ดังนั้นเราจึงไม่ได้เลือกปรับการทดลอง ไม่น่าเป็นไปได้ที่การรายงานของการทดลองเหล่านี้จะส่งผลต่อข้อสรุปโดยรวมและความสมบูรณ์ของผลลัพธ์ จากการวิเคราะห์เมตต้าที่สามารถทำได้ มีความต่างกันทางสถิติอย่างมาก และสิ่งนี้ควรคำนึงถึงเมื่อตีความสิ่งที่ค้นพบเหล่านี้ จากสิ่งนี้และหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นระดับต่ำถึงปานกลาง การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปลี่ยนแปลงการค้นพบนี้ ความเสี่ยงของการมีอคติในการทดลองส่วนใหญ่ไม่ชัดเจน และการทดลองจำนวนหนึ่งประสบปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัยและการรายงานที่ไม่เพียงพอ เราลดระดับความเชื่อมั่นของหลักฐานเนื่องจากความไม่ชัดเจนหรือมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงเกี่ยวกับการปกปิดการจัดสรร การปกปิด ข้อมูลผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ และอคติอื่นๆ

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว

Tools
Information