ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ความปลอดภัยและประโยชน์ของ proton pump inhibitors สำหรับทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีโรคกรดไหลย้อน

ใจความสำคัญ

- กรดไหลย้อนพบได้บ่อยในทารกคลอดก่อนกำหนด

หลักฐานปัจจุบันไม่ได้สนับสนุนหรือหักล้างความปลอดภัยและประสิทธิผล (ความเป็นประโยชน์) ของยา proton pump inhibitors (PPI) สำหรับการรักษาอาการกรดไหลย้อนในทารกคลอดก่อนกำหนด

กรดไหลย้อนคืออะไร และแตกต่างจากโรคกรดไหลย้อนอย่างไร

การไหลย้อนจากหลอดอาหารเกิดขึ้นเมื่อสารในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหาร (ช่องที่เชื่อมคอกับกระเพาะอาหาร) พบได้บ่อยในเด็กแรกเกิด ทารกคลอดก่อนกำหนดมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะกรดไหลย้อนได้มากกว่า เนื่องจากมีจุดเชื่อมต่อที่หลวมบริเวณจุดที่กระเพาะอาหารเชื่อมต่อกับหลอดอาหาร ทารกเหล่านี้มักจะมีท่อส่งอาหารซึ่งไปจากปากหรือจมูกเข้าไปในกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถเปิดจุดต่อนี้ให้กว้างขึ้นได้

โรคกรดไหลย้อน (GERD) ถือเป็นโรคเมื่อกรดไหลย้อนทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น น้ำหนักขึ้นน้อย ทนต่ออาหารไม่ได้ และมีอาการปวด

โรคกรดไหลย้อนอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ในทารกคลอดก่อนกำหนด เช่น อาการหยุดหายใจ (หยุดหายใจชั่วขณะ), หัวใจเต้นช้า (อัตราการเต้นของหัวใจช้า) หรือภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ (ปริมาณออกซิเจนในเลือดลดลง) ทางเดินอาหารส่วนบนมีเซ็นเซอร์ที่สามารถทำให้หัวใจเต้นลดลงหรือได้รับออกซิเจนลดลงเมื่อถูกกระตุ้น สิ่งเหล่านี้มีความอ่อนไหวมากขึ้นในทารกคลอดก่อนกำหนด และการไหลย้อนอาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้

โรคกรดไหลย้อนรักษาอย่างไร

วิธีการรักษาโรคกรดไหลย้อน (GERD) ที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การปรับเปลี่ยนท่าทางของทารกในระหว่างหรือหลังการให้นม, การปรับเปลี่ยนชนิดหรือความข้นของนมผง หรือการใช้ยาเพื่อลดกรดในกระเพาะอาหาร PPI เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประชากรกลุ่มนี้ แต่ก็มีผลข้างเคียง เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ลำไส้อักเสบ ความหนาแน่นของกระดูกเปลี่ยนแปลง และโรคอ้วนในเด็ก ไม่มีการศึกษามากนักที่ประเมินว่า PPI มีประโยชน์และปลอดภัยเพียงใดในการรักษา GERD ในทารกคลอดก่อนกำหนด

เราต้องการค้นหาอะไร

PPI ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น GERD มีความปลอดภัยและมีประโยชน์เพียงใด

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการศึกษาในเอกสารทางการแพทย์ที่ประเมินการใช้ PPI ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและมีกรดไหลย้อน

เราพบอะไร

หลังจากคัดกรอง 1217 บทความ มีการศึกษา 2 ฉบับที่ตรงตามเกณฑ์ของเรา มีทารกคลอดก่อนกำหนดทั้งหมด 62 ราย ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 31 สัปดาห์ถึง 36 สัปดาห์ การศึกษา 1 ฉบับได้สุ่มให้ทารกทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการได้รับการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยให้ได้รับ PPI หรือยาหลอก (ยาปลอม) เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจึงเปลี่ยนการรักษาเป็นอีกแบบเป็นเวลาอีก 7 วัน การศึกษาอีกฉบับหนึ่งสุ่มทารกให้ได้รับ PPI หรือยาหลอกเป็นเวลา 14 วัน การศึกษาไม่ได้รายงานผลลัพธ์ที่เราสนใจหลายประการ และเราไม่สามารถนำข้อมูลจากผลลัพธ์ที่มีการรายงานไว้มารวมกันเพื่อวิเคราะห์ได้

ผลลัพธ์หลัก

การศึกษาทั้ง 2 ฉบับแสดงให้เห็นว่า การใช้ยากลุ่ม PPI ช่วยลดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคกรดไหลย้อน (เช่น ภาวะหยุดหายใจ, ภาวะหัวใจเต้นช้า และภาวะความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดลง) ได้เพียงเล็กน้อยหรือไม่ลดลงเลย อย่างไรก็ตาม เรายังมีความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลลัพธ์ดังกล่าว

คุณภาพและข้อจำกัดของหลักฐาน:

การศึกษา 1 ฉบับได้รับการสนับสนุนและดำเนินการโดยบริษัทผลิตยาที่ผลิต PPI การศึกษาอีกฉบับหนึ่งเป็นการศึกษาแบบไขว้ ซึ่งไม่ได้ให้เวลาเพียงพอระหว่างการรักษาเพื่อให้ยาสามารถออกจากระบบของทารกได้ มีข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ต่างๆ ไม่เพียงพอ

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานนี้อัปเดตล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2023

บทนำ

แม้ว่าอาการกรดไหลย้อนจะเกิดขึ้นในเด็กแรกเกิดเกือบทั้งหมดในระดับที่แตกต่างกัน แต่ก็อาจมีอาการรุนแรงและทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน (GERD) ได้ ในทารกคลอดก่อนกำหนด อาการหนึ่งที่มักเกิดจากกรดไหลย้อนคือ อาการหยุดหายใจและภาวะทางหัวใจและทางเดินหายใจที่เกี่ยวข้อง เช่น หัวใจเต้นช้าและภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง GERD กับภาวะหยุดหายใจ หัวใจเต้นช้า และภาวะขาดออกซิเจน ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีการดำเนินการทดลองใช้ยาที่ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร เช่น proton pump inhibitors (PPI) เพื่อประเมินผลของยาเหล่านี้ต่อ GERD

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของยา PPI ในการรักษาทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับการวินิจฉัยหรือสงสัยว่าเป็น GERD

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, ทะเบียนการทดลองสองแห่ง และ Epistemonikos ในเดือนตุลาคม 2023 เราได้ตรวจสอบรายการอ้างอิงของการศึกษาที่คัดเลือกมา รวมทั้งการศึกษาและการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ (systematic reviews) อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการแทรกแซง (intervention) หรือกลุ่มประชากรที่ทำการศึกษาในการทบทวนวรรณกรรมครั้งนี้

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวบรวมการศึกษาประเภท randomized controlled trials, quasi-randomized controlled trials, cross-over trials, และ cluster-randomized trials ที่ประเมินการใช้ PPI (รวมทั้ง esomeprazole, lansoprazole, omeprazole, pantoprazole หรือ rabeprazole) ทั้งในรูปแบบยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยาอื่น ทารกจะต้องได้รับการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน เราพิจารณาการเปรียบเทียบต่อไปนี้: (1) การใช้ยากลุ่ม PPIs เปรียบเทียบกับการไม่ให้การรักษา, (2) การใช้ยากลุ่ม PPIs เปรียบเทียบกับการปรับเปลี่ยนท่าทาง (การจัดท่านอนศีรษะสูง หรือการจัดท่านอนคว่ำ), (3) การใช้ยากลุ่ม PPIs เปรียบเทียบกับการปรับเปลี่ยนอาหาร (การทำให้อาหารเหลวข้นขึ้น) เราไม่รวมการศึกษาที่ตรวจสอบ alginates และ histamine receptor blockers การศึกษาที่ใช้มาตรการรักษาโรคกรดไหลย้อนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยา จะถูกนำมารวมด้วย ก็ต่อเมื่อทารกในทุกกลุ่มการศึกษาได้รับการรักษาดังกล่าวเหมือนกันทั้งหมด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คนได้ดำเนินการคัดเลือกการศึกษาที่เข้าเกณฑ์, ประเมินคุณภาพด้านระเบียบวิธีวิจัยของการศึกษาแต่ละฉบับ, และดึงข้อมูลตามผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยแต่ละคนทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน มีการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบและแก้ไขข้อแตกต่างให้ตรงกัน เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane Neonatal ในการสังเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ relative risk (RR), risk difference (RD) และ mean difference (MD)

ผลการวิจัย

จากการคัดกรองบทความ 1217 ฉบับ พบว่ามีการศึกษาเพียง 2 ฉบับเท่านั้นที่เข้าเกณฑ์ โดยมีจำนวนทารกที่เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด 62 คน

การศึกษาทั้ง 2 ฉบับเปรียบเทียบกลุ่มที่ใช้ยา PPIs กับกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา (กลุ่มที่ได้รับยาหลอก) การศึกษา 1 ฉบับ ศึกษาในทารก 10 ราย โดยมีอายุครรภ์เฉลี่ย 36.1 ± 0.7 สัปดาห์ ซึ่งได้รับการรักษาด้วย PPI หรือยาหลอกเป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจึงเปลี่ยนสลับมาอยู่ในอีกกลุ่มเป็นเวลา 7 วัน โดยมีการติดตามค่า pH ในกระเพาะอาหารในตอนท้ายของแต่ละสัปดาห์ ส่วนการศึกษาอีกฉบับหนึ่งทำการศึกษาในทารก 52 คน ซึ่งมีอายุครรภ์เฉลี่ย 31 สัปดาห์ โดยทำการสุ่มให้ทารกได้รับยากลุ่ม PPI หรือยาหลอกเป็นเวลา 14 วัน พร้อมทั้งมีการวัดผลลัพธ์ต่างๆ ณ จุดเริ่มต้นของการศึกษาและหลังจากครบ 14 วัน การศึกษาทั้ง 2 ฉบับได้รับการตัดสินว่ามีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ

มีการศึกษาเพียง 1 ฉบับ (N = 52) ที่รายงานผลลัพธ์หลัก ซึ่งก็คือเหตุการณ์เกี่ยวกับระบบหัวใจและทางเดินหายใจ ข้อมูลเกี่ยวกับผลของยา PPI ต่ออาการทางหัวใจและการหายใจยังมีความไม่แน่นอนสูงมาก (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) ลดลง 6.14, ช่วงความเชื่อมั่น 95% มีค่าตั้งแต่ลดลง 44.51 ถึงเพิ่มขึ้น 32.23) สำหรับผลลัพธ์รองที่มีรายงานนั้น หลักฐานยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งประกอบด้วย ภาวะหยุดหายใจเมื่อสิ้นสุดการรักษา (MD ลดลง 0.30, 95% CI อยู่ระหว่างลดลง 0.93 ถึงเพิ่มขึ้น 0.33), ภาวะหัวใจเต้นช้าเมื่อสิ้นสุดการรักษา (MD เพิ่มขึ้น 1.89, 95% CI อยู่ระหว่างลดลง 1.11 ถึงเพิ่มขึ้น 4.89), ภาวะความอิ่มตัวของออกซิเจนลดลงเมื่อสิ้นสุดการรักษา (MD ลดลง 7.72, 95% CI อยู่ระหว่างลดลง 45.86 ถึงเพิ่มขึ้น 30.42), การสำลักเมื่อสิ้นสุดการรักษา (MD เพิ่มขึ้น 0.96, 95% CI อยู่ระหว่างลดลง 1.88 ถึงเพิ่มขึ้น 3.80), ภาวะหงุดหงิดง่ายเมื่อสิ้นสุดการรักษา (MD เพิ่มขึ้น 0.02, 95% CI อยู่ระหว่างลดลง 11 ถึงเพิ่มขึ้น 10.96), และการอาเจียนเมื่อสิ้นสุดการรักษา (MD เพิ่มขึ้น 0.34, 95% CI อยู่ระหว่างลดลง 3.15 ถึงเพิ่มขึ้น 3.83) การศึกษานี้ยุติก่อนกำหนดเนื่องจากมีผู้เข้าร่วมไม่เพียงพอ

การศึกษา 1 ฉบับ (N = 10) รายงานว่ามีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเปอร์เซ็นต์ของระยะเวลาที่สัมผัสกับกรดในหลอดอาหาร โดยที่ pH < 4 อย่างไรก็ตามไม่มีผลต่อความถี่ของอาการ เนื่องจากข้อจำกัดของกลุ่มตัวอย่าง ทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปขยายผลได้

การศึกษาทั้ง 2 ฉบับไม่ได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาในการอยู่โรงพยาบาลหรือความพึงพอใจของผู้ปกครอง

มีข้อมูลไม่เพียงพอในการทำ meta-analysis

ไม่พบการศึกษาที่กล่าวถึงประเด็นการเปรียบเทียบระหว่างยา PPI กับการปรับเปลี่ยนท่าทาง หรือการเปรียบเทียบระหว่างยา PPI กับการปรับเปลี่ยนอาหาร (เช่น การทำให้อาหารข้นขึ้น)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

แม้ว่าจะมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับประโยชน์และอันตรายของยา proton pump inhibitors ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีโรคกรดไหลย้อน

ปัจจัยที่จำกัดที่สุดคือการศึกษาเกี่ยวกับทารกคลอดก่อนกำหนดมีน้อย แม้แต่การศึกษาที่รวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ก็ไม่จำกัดอยู่แค่กับทารกคลอดก่อนกำหนดเท่านั้น ดังนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ proton pump inhibitors ในการรักษาโรคกรดไหลย้อนที่ได้รับการวินิจฉัยหรือสงสัยว่าเป็นโรคนี้ในทารกแรกเกิดคลอดก่อนกำหนด

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ สาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 6 เมษายน 2025 Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 18 มิถุนายน 2025

การอ้างอิง
King E, Horn D, Gluchowski N, O'Reilly D, Bruschettini M, Cooper C, Soll RF. Safety and efficacy of proton pump inhibitors in preterm infants with gastroesophageal reflux disease. Cochrane Database of Systematic Reviews 2025, Issue 3. Art. No.: CD015127. DOI: 10.1002/14651858.CD015127.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า