คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
เพื่อประเมินความปลอดภัยและประโยชน์ของการทำการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกเกี่ยวกับผลลัพธ์ทางการเจริญพันธ์ในสตรีที่พยายามตั้งครรภ์เองและสตรีที่ทำเด็กหลอดแก้ว
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ในสตรีที่มีปัญหาที่ยังไม่มีคำอธิบายในการตั้งครรภ์หรือที่มารับการรักษาการเจริญพันธ์ขั้นสูง เช่น การฉีดน้ำเชื้อหรือการทำเด็กหลอดแก้ว นั้นมีคำแนะนำว่าการทำการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูก (การส่องดูภายในโพรงมดลูกโดยใช้กล้องโทรทรรศน์) นั้นอาจช่วยให้ความสำเร็จดีขึ้น การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเป็นประจำที่ทำระหว่างการตรวจประเมินอาจพลาดความผิดปกติเล็กๆภายในโพรงมดลูก ซึ่งอาจตรวจพบและได้รับการรักษาไปพร้อมกันโดยการส่องกล้องในโพรงมดลูก การทำเช่นนี้อาจเพิ่มความสำเร็จโดยอำนวยความสะดวกในการฉีดน้ำหรือการย้ายตัวอ่อนหลังจากนั้น โดยช่วยขยายช่องทางของโพรงมดลูก (ขยายปากมดลูก) หรือ เพราะผลจากการขูดเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งอาจช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ดีขึ้น (ยึดเกาะกับเยื่อบุโพรงมดลูก)
ลักษณะของการศึกษา
สำหรับสตรีที่ต้องการตั้งครรภ์เอง เราพบหนึ่งการทดลอง (สตรี 200 คน) สำหรับสตรีทีทำเด็กหลอดแก้ว เรารวบรวมสิบการทดลอง (สตรี 3750 คน) ทุกการทดลองประเมินผลของการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกเปรียบเทียบกับการไม่ได้ส่องกล้องในโพรงมดลูก หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงกันยายน 2018
ผลการศึกษาที่สำคัญ
ในสตรีที่ต้องการจะตั้งครรภ์เอง การส่องกล้องในโพรงมดลูกนั้นสัมพันธ์กับการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ต่อเนื่องและตั้งครรภ์ทางคลินิกในหนึ่งการศึกษาที่มีความเสี่ยงของการมีอคติสูง การทดลองรายงานว่าไม่มีเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ภายหลังการส่องกล้องในโพรงมดลูก อัตราการแท้งนั้นสูงกว่าภายหลังการส่องกล้องในโพรงมดลูก
ในสตรีที่ทำเด็กหลอดแก้ว การศึกษารวบรวมบ่งบอกว่าการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนช่วยเพิ่มโอกาสการได้ลูกมีชีพหรือการตั้งครรภ์ทางคลินิก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ภายหลังการส่องกล้องในโพรงมดลูกถูกรายงานอย่างไม่ถูกต้องนัก ดังนั้น เราไม่สามารถประเมินความปลอดภัยของวิธีการนี้ได้ สำหรับสตรีที่คลินิกทั่วไปที่มีอัตราการเกิดมีชีพที่ 22% นั้น การทำการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกจะคาดหวังอัตราการเกิดมีชีพที่ระหว่าง 25% และ 32% ไม่พบการเพิ่มของความเสี่ยงการแท้งภายหลังการส่องกล้องในโพรงมดลูก
เราไม่พบการทดลองในสตรีที่ทำการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก
คุณภาพของหลักฐาน
หลักฐานคุณภาพต่ำมากจากหนึ่งการศึกษาในสตรีที่พยายามตั้งครรภ์เอง
หลักฐานคุณภาพต่ำที่การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนหน้าการทำเด็กหลอดแก้วอาจช่วยเพิ่มโอกาสของการเกิดมีชีพหรือตั้งครรภ์ทางคลินิกและหลักฐานคุณภาพต่ำมากเกี่ยวกับเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์หลังการส่องกล้องในโพรงมดลูก คุณภาพของหลักฐานถูกลดเพราะความเสี่ยงของการมีอคติและความไม่เป็นเอกพันธ์เชิงสถิติ
Read the full abstract
การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกในสตรีที่มีบุตรยากที่ไม่พบสาเหตุของการมีบุตรยาก หรือก่อนการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) อาจทำให้พบพยาธิสภาพภายในโพรงมดลูกที่อาจตรวจไม่พบจากการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงตามปกติ การส่องกล้องในโพรงมดลูก ไม่ว่าจะเพียงเพื่อการวินิจฉัยหรือมีการผ่าตัดอาจช่วยผลลัพธ์ทางการเจริญพันธ์ดีขึ้น
วัตถุประสงค์
ในการประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยของการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่ได้รับการประเมินสำหรับสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากและภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่รับการทำ IUI หรือ IVF
วิธีการสืบค้น
เราทำการสืบค้นใน Cochrane Gynaecology and Fertility Group Specialised Register, CENTRAL CRSO, MEDLINE, Embase, ClinicalTrials.gov และ the World Health Organization International Clinical Trials Registry Platform (กันยายน 2018) เราทำการสืบค้นรายชื่อเอกสารอ้างอิงของบทความที่เกี่ยวข้องและทำการสืบค้นด้วยมือในหนังสือที่รวบรวมบทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เกณฑ์การคัดเลือก
การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกกับการไม่ใช้วิธีการใดในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่ต้องการตั้งครรภ์เองหรือก่อนการทำ IUI หรือ IVF
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
เราคัดกรองการศึกษา คัดลอกข้อมูลและประเมินความเสี่ยงของการเกิดอคติอย่างอิสระ ตัววัดปฐมภูมิคืออัตราการเกิดมีชีพและภาวะแทรกซ้อนภายหลังการส่องกล้องในโพรงมดลูก เราวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สัดส่วนความเสี่ยง (RR) และ fixed-effect model เราประเมินคุณภาพของหลักฐานโดยวิธี GRADE
ผลการวิจัย
เรารวบรวมการศึกษา 11 ฉบับ เรารวบรวมหนึ่งการทดลองที่ประเมินการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกเทียบกับไม่ใช้การส่องกล้องในโพรงมดลูกในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่ไม่มีสาเหตุที่ต้องการตั้งครรภ์เอง เราไม่แน่ใจว่าอัตราการตั้งครรภ์ต่อเนื่องดีขึ้นภายหลังการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่ไม่พบสาเหตุเพียงสองปี (RR 4.30, 95% CI 2.29 ถึง 8.07; RCT 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 200 คน; คุณภาพหลักฐานต่ำมาก) สำหรับคลินิกทั่วไปที่มี อัตราการตั้งครรภ์ต่อเนื่อง 10% โดยไม่มีการส่องกล้องในโพรงมดลูก การทำการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกอาจจะคาดหวังผลของอัตราการตั้งครรภ์ต่อเนื่องระหว่าง 23% และ 81% การศึกษาที่รวบรวมนำเข้ารายงานว่าไม่มีเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ในทุกกลุ่มการรักษา เราไม่แน่ใจเกี่ยวกับอัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิกว่าดีขึ้นหรือไม่ (RR 3.80, 95% CI 2.31 ถึง 6.24; RCT 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 200 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) หรืออัตราการแท้งเพิ่มขึ้น (RR 2.80, 95% CI 1.05 ถึง 7.48; RCT 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 200 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) ภายหลังการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่ไม่พบสาเหตุอย่างน้อยสองปี
เรารวบรวมสิบการทดลองที่รวบรวมสตรี 1836 คน ที่ทำการส่องกล้องในโพรงมดลูกและสตรี 1914 คนที่ไม่ได้ทำการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้ว ข้อจำกัดหลักในคุณภาพของหลักฐานคือการรายงานที่ไม่เพียงพอของวิธีการของการศึกษาและความแตกต่างเชิงสถิติที่สูง การทดลองแปดในสิบฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติที่ไม่ชัดเจนของการปกปิดการสุ่ม
การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้วอาจเพิ่มอัตราการเกิดมีชีพ (RR 1.26, 95% CI 1.11 ถึง 1.43; RCT 6 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 2745 คน; I² = 69 %; หลักฐานคุณภาพต่ำ) สำหรับสตรีที่คลินิกทั่วไปที่มีอัตราการเกิดมีชีพที่ 22% นั้น การทำการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกจะคาดหวังอัตราการเกิดมีชีพที่ระหว่าง 25% และ 32% อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ความไวที่ทำโดยการรวมผลลัพธ์จากการทดลองที่มีความเสี่ยงของการเกิดอคติต่ำพบว่าไม่มีการเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดมีชีพภายหลังการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูก (RR 0.99, 95% CI 0.82 ถึง 1.18; RCT 2 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 1452 คน; I² = 0%)
เพียงสี่การทดลองที่รายงานภาวะแทรกซ้อนหลังการส่องกล้องในโพรงมดลูก ซึ่งสามจากสี่การทดลองดังกล่าวบันทึกว่าไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในทั้งสองกลุ่ม เราไม่แน่ใจว่าการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกมีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ที่มากขึ้น (Peto odds ratio 7.47, 95% CI 0.15 ถึง 376.42; RCT 4 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 1872; I² = not applicable; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก)
การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้วอาจเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก (RR 1.32, 95% CI 1.20 ถึง 1.45; RCT 10 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 3750 คน; I² = 49%; หลักฐานคุณภาพต่ำ) สำหรับคลินิกทั่วไปที่มี อัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก 28% การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกอาจคาดหวังผลของอัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิกระหว่าง 33% ถึง 40%
อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในอัตราการแท้งภายหลังการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูก (RR 1.01, 95% CI 0.67 ถึง 1.50; RCT 3 ฉบับ; ผู้เข้าร่วมโครงการ = 1669 คน; I² = 0%; หลักฐานคุณภาพต่ำ)
เราไม่พบการทดลองที่เปรียบเทียบการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกกับไม่ส่องกล้องในโพรงมดลูกก่อนการทำ IUI
ข้อสรุปของผู้วิจัย
ในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานคุณภาพสูงที่สนับสนุนการส่องกล้องในโพรงมดลูกเป็นประจำในฐานะเครื่องมือคัดกรองในประชากรทั่วไปที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่ผลการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงปกติหรือการถ่ายภาพรังสีมดลูกและท่อนำไข่ในการตรวจประเมินพื้นฐานเพิ่มการปรับปรุงอัตราความสำเร็จทางการเจริญพันธ์
ในสตรีที่ทำเด็กหลอดแก้ว หลักฐานคุณภาพต่ำจากการศึกษาทั้งหมดที่รายงานผลลัพธ์เหล่านี้ บ่งบอกว่าการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้วอาจเพิ่มอัตราการเกิดมีชีพและอัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก อย่างไรก็ตาม ผลรวมจากเพียงสองการทดลองที่มีความเสี่ยงของการเกิดอคติต่ำไม่แสดงประโยชน์ของการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้ว
เพราะการศึกษาที่แสดงผลมีการปกปิดการสุ่มที่ไม่ชัดเจน เราจึงไม่แน่ใจว่าการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกเป็นประจำจะช่วยเพิ่มการเกิดมีชีพและตั้งครรภ์ทางคลินิกในสตรีทุกรายหรือสตรีที่ทำเด็กหลอดแก้วล้มเหลวมาแล้วอย่างน้อยสองครั้ง ยังมีข้อมูลที่ไม่เพียงพอที่จะสรุปเกี่ยวกับความปลอดภัยของการผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูก
ผู้แปล นพ.เจน โสธรวิทย์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 19 พฤษภาคม 2562