ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กลยุทธ์ในการเพิ่มการปฏิบัติตามการรักษาในการขับธาตุเหล็กในผู้ที่เป็นโรค sickle cell disease หรือ thalassaemia

คำถามการทบทวนวรรณกรรม

เราต้องการทราบว่ามีวิธีการใด (ยา วิธีทางจิตวิทยา หรือการให้ความรู้) ที่จะช่วยให้คนปฏิบัติตามการรักษาด้วยการขับธาตุเหล็ก

ความเป็นมา

ผู้ที่เป็นโรค sickle cell disease หรือ thalassaemia ที่ได้รับการถ่ายเลือดเป็นประจำจะได้รับธาตุเหล็กเกินซึ่งอาจทำให้เป็นพิษต่ออวัยวะและเสียชีวิตได้ การรักษาด้วยการขับธาตุเหล็กใช้เพื่อป้องกันหรือรักษาภาวะธาตุเหล็กเกิน แต่อาจเป็นสูตรการรักษาที่มีความจำเป็นและมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ยาขับธาตุเหล็กที่ใช้รักษาภาวะเหล็กเกินมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ deferoxamine ที่ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (โดยการฉีดยาเข้าไปในชั้นเนื้อเยื่อระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ) และยา 2 ชนิดที่ใช้รับประทาน คือ deferiprone และ deferasirox

วันที่ค้นหา

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2022

ลักษณะการศึกษา

เราค้นหาวรรณกรรมสำหรับทั้งการทดลองแบบสุ่มและไม่สุ่ม และพบ 19 การทดลองแบบสุ่ม และ 1 การทดลองที่ไม่ได้สุ่ม รวมผู้เข้าร่วมทั้งหมด 1525 คน เผยแพร่ระหว่างปี 1997 ถึง 2021

ผลลัพธ์ที่สำคัญ

การทดลองทั้งหมด 18 ฉบับดูที่วิธีการทางยา หนึ่งเรื่องดูที่วิธีการจัดการยา และอีก 1 เรื่องประเมินการให้ความรู้ (การทดลองที่ไม่ได้สุ่มตัวอย่าง)

เราไม่แน่ใจว่าสารเดี่ยวหรือสารผสมทำให้เกิดความแตกต่างใดๆ ในอัตราการปฏิบัติตามการรักษา เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง หรือการเสียชีวิต คุณภาพชีวิตวัดโดยใช้แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว มีการรายงานในการทดลอง 3 ฉบับเท่านั้น แต่รายงานข้อมูลไม่เพียงพอที่จะระบุความแตกต่างระหว่างการรักษา

ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับวิธีการสำหรับกลุ่มอายุต่างๆ

เราพบว่ามีอัตราการปฏิบัติตามสูงผิดปกติ ของยาเดี่ยวและยาผสมทั้งหมดในการทดลองทั้งหมด อาจเป็นเพราะผู้เข้าร่วมอาจได้รับเลือกตามความสามารถในการปฏิบัติตามสูตรยา นอกจากนี้ การปฏิบัติตามในการรับประทานอาจเพิ่มขึ้นในผู้เข้าร่วมการทดลองเมื่อมีระดับการมีส่วนร่วมของแพทย์ในการดูแลที่สูงขึ้น

เราสรุปได้ว่าการทดลองแบบสุ่มและไม่สุ่มในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งดำเนินการทั้งในชุมชนและในคลินิก มีความจำเป็นเพื่อตรวจสอบวิธีการที่พิสูจน์แล้วและไม่ผ่านการพิสูจน์ที่หลากหลาย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการเพิ่มการปฏิบัติตามในการรักษาด้วยการขับธาตุเหล็ก

การทดลองประเมินวิธีการที่ไม่ใช้ยา 2 ฉบับ: การทดลองที่ใช้การจัดการยาเป็นเวลา 6 เดือน 1 ฉบับรายงานข้อมูลที่ใช้ได้น้อยมาก และเราไม่สามารถมั่นใจได้ถึงผลของวิธีการ การทดลองอีก 1 ฉบับประเมินวิธีการให้ความรู้มีความไม่สมดุล และข้อมูลไม่สามารถเปรียบเทียบได้ดี ดังนั้นเราจึงไม่สามารถใช้ข้อมูลได้

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

เราให้คะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐานในระดับต่ำมากถึงต่ำสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดที่พบในการทบทวนวรรณกรรมนี้ เนื่องจากการทดลองมีความเสี่ยงสูงหรือร้ายแรงต่อการเกิดอคติ และการประมาณการผลลัพธ์ไม่ชัดเจน (ช่วงความเชื่อมั่นกว้าง) และไม่สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวาง (บางการทดลองดำเนินการเฉพาะในเด็กช่วงอายุหนึ่งๆ และเป็นไปตามเกณฑ์เฉพาะ)

บทนำ

ผู้ที่ถ่ายเลือดเป็นประจำเนื่องจากโรค sickle cell disease (SCD) และโรค thalassaemia มีความเสี่ยงต่อภาวะธาตุเหล็กเกิน ภาวะธาตุเหล็กเกินสามารถนำไปสู่ภาวะธาตุเหล็กเป็นพิษในอวัยวะที่เปราะบาง เช่น หัวใจ ตับ และต่อมไร้ท่อ ซึ่งสามารถป้องกันและรักษาได้ด้วยสารขับเหล็ก ความต้องการที่เข้มข้นและผลข้างเคียงที่ไม่สุขสบายของการบำบัดอาจส่งผลเสียต่อกิจกรรมประจำวันและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งอาจส่งผลต่อการปฏิบัติตามของผู้ป่วย

วัตถุประสงค์

เพื่อหาและประเมินประสิทธิผลของวิธีการประเภทต่างๆ (วิธีการทางจิตวิทยาและจิตสังคม การให้ความรู้ การรักษาด้วยยา หรือวิธีการที่มีองค์ประกอบหลายอย่าง) และวิธีการที่เจาะจงสำหรับกลุ่มอายุต่างๆ เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติตามการรักษาด้วยยาขับธาตุเหล็กเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นที่ระบุไว้ หรือการดูแลมาตรฐานในผู้ป่วยโรค SCD หรือ thalassaemia

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา CENTRAL (Cochrane Library), MEDLINE, PubMed, Embase, CINAHL, PsycINFO, ProQuest Dissertations & Global Theses, Web of Science & Social Sciences Conference Proceedings Indexes และฐานข้อมูลการทดลองที่กำลังดำเนินอยู่ (13 ธันวาคม 2021) เราค้นหาทะเบียนการทดลอง Haemoglobinopathies ของ Cochrane Cystic Fibrosis และ Genetic Disorders Group (1 สิงหาคม 2022)

เกณฑ์การคัดเลือก

สำหรับการทดลองเปรียบเทียบยาหรือการเปลี่ยนแปลงยา เฉพาะการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม

สำหรับการศึกษาที่รวมถึงวิธีการทางจิตวิทยาและจิตสังคม วิธีการให้ความรู้ หรือวิธีการที่มีหลายองค์ประกอบ การศึกษาแบบไม่สุ่ม (NRSIs) before-after studies, and interrupted time series studies โดยยึดตามผลลัพธ์หลักคือการปฏิบัติตามวิธีการรักษาก็มีสิทธิ์เข้าร่วมเช่นกัน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

สำหรับการปรับปรุงให้ทันสมัยนี้ ผู้ประพันธ์ 2 คนประเมินคุณสมบัติการทดลองและความเสี่ยงของอคติโดยอิสระต่อกัน และคัดลอกข้อมูล เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้ GRADE

ผลการวิจัย

เรารวบรวม RCTs 19 ฉบับ และ NRSI 1 ฉบับ ที่เผยแพร่ระหว่างปี 1997 ถึง 2021 การทดลอง 1 ฉบับ ประเมินการจัดการยา 1 การทดลองประเมินวิธีการให้ความรู้ (NRSI) และ RCTs 18 ฉบับ เป็นวิธีการให้ยา ยาที่ประเมิน ได้แก่ deferoxamine ชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และสาร chelating ชนิดรับประทาน 2 ชนิด ได้แก่ deferiprone และ deferasirox

เราให้คะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐานในระดับต่ำมากถึงต่ำสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดที่พบในการทบทวนวรรณกรรมนี้

การทดลอง 4 ฉบับ วัดคุณภาพชีวิต (QoL) ด้วยเครื่องมือที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว แต่ไม่มีข้อมูลที่วิเคราะห์ได้และรายงานว่าไม่มีความแตกต่างกันใน QoL

เราพบการเปรียบเทียบที่สนใจ 9 รายการ

1. Deferiprone versus deferoxamine

เราไม่แน่ใจว่า deferiprone ส่งผลต่อการปฏิบัติตามการรักษาด้วย iron chelation หรือไม่ (RCTs 4 ฉบับ หลักฐานที่ไม่ได้รวมผลลัพธ์ (unpooled) ความเชื่อมั่นต่ำมาก), การตายจากทุกสาเหตุ (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.47, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.18 ถึง 1.21; RCTs 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 376 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (SAEs) (RR 1.43, 95% CI 0.83 ถึง 2.46; RCT 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 228 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

การทดลองทั้ง 7 ฉบับ รายงานการปฏิบัติตามเป็น "ดี" "สูง" หรือ "ดีเยี่ยม" แม้ว่าข้อมูลจะไม่สามารถวิเคราะห์อย่างเป็นทางการได้: การปฏิบัติตามนี้อยู่ระหว่าง 69% ถึง 95% (deferiprone เฉลี่ย 86.6%) และ 71% ถึง 93 % (deferoxamine เฉลี่ย 78.8%) จาก การทดลอง 5 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 474 คน) เท่านั้น

2. Deferasirox กับ deferoxamine

เราไม่แน่ใจว่ายา deferasirox ส่งผลต่อการปฏิบัติตามการรักษาด้วย iron chelation หรือไม่ (RCTs 3 ฉบับ ไม่ได้วิเคราะห์รวม ความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมาก) แม้ว่าความสม่ำเสมอในการใช้ยาจะอยู่ในระดับสูงในทุกการทดลอง

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างระหว่างการรักษาด้วยยาในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (SAEs) (SCD หรือธาลัสซีเมีย) หรือการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ (ธาลัสซีเมีย) หรือไม่

3. Deferiprone กับ deferasirox

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างระหว่าง oral deferiprone กับ deferasirox จาก 1 การทดลองในเด็ก (อายุเฉลี่ย 9 ถึง 10 ปี) ที่มีภาวะฮีโมโกลบินผิดปกติทางกรรมพันธุ์ในการปฏิบัติตามการรักษา SAE และการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุหรือไม่

4. ยาเม็ดเคลือบฟิล์ม deferasirox (FCT) กับยาเม็ด deferasirox แบบกระจายตัว (DT)

RCT 1 ฉบับ เปรียบเทียบยา deferasirox ในรูปแบบยาเม็ดที่ต่างกัน อาจมีความพึงพอใจสำหรับ FCT ซึ่งแสดงผ่านแนวโน้มของการรับประทานยาที่มากขึ้น (RR 1.10, 95% CI 0.99 ถึง 1.22; 1 RCT, ผู้เข้าร่วม 88 คน) แม้ว่าความสม่ำเสมอในการใช้ยาจะสูงในทั้งสองกลุ่ม (FCT 92.9%; DT 85.3%) เราไม่แน่ใจว่ามีประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับ AEs ในการ chelation ด้วย FCT หรือไม่

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างในอุบัติการณ์ของ SAE การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ หรือการปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่องหรือไม่

5. Deferiprone และ deferoxamine รวมกันเทียบกับ deferiprone เพียงอย่างเดียว

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างในการปฏิบัติตามการรักษาหรือไม่ แม้ว่าการรายงานมักจะเป็นแบบบรรยาย เนื่องจากผู้ทดลองรายงานว่า "ดีเยี่ยม" ในทั้งสองกลุ่ม (RCTs 3 ฉบับ ไม่ได้วิเคราะห์รวม)

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างในอุบัติการณ์ของ SAE และการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุหรือไม่

6. Deferiprone และ deferoxamine รวมกันเมื่อเทียบกับ deferoxamine เพียงอย่างเดียว

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างในการปฏิบัติตามหรือไม่ (RCTs 4 ฉบับ), SAE (ไม่มีรายงานในช่วงทดลอง) และการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ (ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในช่วงทดลอง) มีการปฏิบัติตามอย่างสูงในการทดลองทั้งหมด

7. Deferiprone และ deferoxamine รวมกันเทียบกับ deferiprone และ deferasirox รวมกัน

อาจมีความแตกต่างระหว่างการให้ deferiprone และ deferasirox (แบบรวม) ในอัตราการปฏิบัติตาม (RR 0.84, 95% CI 0.72 ถึง 0.99) (RCT 1 ฉบับ) แม้ว่าจะสูง (> 80%) ในทั้งสองกลุ่ม

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างใน SAE หรือไม่ และไม่มีรายงานการเสียชีวิตในการทดลอง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถสรุปจากข้อมูลเหล่านี้ได้ (RCT 1 ฉบับ)

8. การจัดการด้วยยากับการดูแลมาตรฐาน

เราไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างใน QoL หรือไม่ (RCT 1 ฉบับ) และเราไม่สามารถประเมินการปฏิบัติตามได้เนื่องจากขาดการรายงานในกลุ่มควบคุม

9. การให้ความรู้กับการดูแลมาตรฐาน

การศึกษากึ่งทดลอง (NRSI) 1 ฉบับไม่สามารถวิเคราะห์ได้เนื่องจากมี baseline confounding อย่างรุนแรง

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การเปรียบเทียบยาที่รวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมนี้มีอัตราการรับประทานยาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งไม่ได้คำนึงถึงความแตกต่างของการบริหารยาหรือผลข้างเคียง แม้ว่าการติดตามผลมักจะไม่ค่อยดีนัก (การออกกลางคันสูงในการทดลองที่นานกว่า) โดยการรับประทานยาเป็นการวิเคราะห์แบบ per protocol analysis

ผู้เข้าร่วมอาจได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาจากความสม่ำเสมอในการรับประทานยาที่ตรวจวัดพื้นฐานในระดับที่สูงกว่า นอกจากนี้ ภายในบริบทของการทดลองทางคลินิก ความสนใจและการมีส่วนร่วมของแพทย์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น อัตราการปฏิบัติตามการรักษาที่สูงอาจเป็นผลที่ได้จากการเข้าร่วมในการทดลอง

จำเป็นต้องมีการทดลองเชิงปฏิบัติในชุมชนและคลินิกในโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อตรวจสอบวิธการปฏิบัติตามทั้งที่ยืนยันหรือไม่ยืนยันซึ่งอาจเพิ่มการปฏิบัติตามการรักษาด้วยการขับธาตุเหล็ก

เนื่องจากขาดหลักฐาน การทบทวนวรรณกรรมนี้จึงไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการสำหรับกลุ่มอายุต่างๆ

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ 25 มีนาคม 2023 Edit โดย ผกากรอง 21 มิถุนายน 2023

การอ้างอิง
Geneen LJ, Dorée C, Estcourt LJ. Interventions for improving adherence to iron chelation therapy in people with sickle cell disease or thalassaemia. Cochrane Database of Systematic Reviews 2023, Issue 3. Art. No.: CD012349. DOI: 10.1002/14651858.CD012349.pub3.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า