ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การออกกำลังกายเป็นวิธีการบำบัดโรคข้อเข่าเสื่อมที่มีประสิทธิผลหรือไม่

ใจความสำคัญ

การออกกำลังกายอาจช่วยปรับปรุงความเจ็บปวดและการทำงานของร่างกายได้เมื่อเทียบกับ ‘attention' control (เช่น การโต้ตอบกับบุคลากรที่ศึกษาหรือผู้ให้บริการดูแลมากกว่า 1 ครั้ง) หรือยาหลอก และช่วยปรับปรุงความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตเมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา การดูแลตามปกติ (เช่น การรักษาตามปกติที่ให้โดยแพทย์ประจำครอบครัว) หรือการให้ความรู้ที่จำกัด (เช่น การจัดทำเอกสารข้อมูลพื้นฐานหรือลิงก์ไปยังข้อมูลออนไลน์) การออกกำลังกายยังอาจนำไปสู่การดีขึ้นของความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตเมื่อรวมเข้ากับการรักษาอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษานั้น ๆ เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญทางคลินิกที่ไม่เชื่อมั่น หมายความว่าประโยชน์ดังกล่าวอาจไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอาการที่ส่งผลต่อผู้ป่วยอย่างเห็นได้ชัด

- แม้ว่าจะมีการศึกษาจำนวนมาก แต่หลายกรณีมีผู้เข้าร่วมเพียงจำนวนน้อย และมีคุณภาพไม่ดี (เช่น ผู้เข้าร่วมรู้ว่าตนอยู่ในกลุ่มการรักษาใด) ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นในข้อสรุปน้อยลง

การออกกำลังกายช่วยผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร

โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดเรื้อรังและความพิการ การออกกำลังกายมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและปรับปรุงการทำงานของข้อต่อและขอบเขตการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวดข้อเข่าเสื่อมและอาการผิดปกติของข้อ และช่วยให้ผู้คนกลับมาทำกิจกรรมประจำวันตามปกติได้ โปรแกรมการออกกำลังกายมีประเภทการออกกำลังกายที่หลากหลาย ระยะเวลาการออกกำลังกายต่างกัน และวิธีการให้ก็หลากหลายเช่นกัน

เราต้องการค้นหาอะไร

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งล่าสุดในปี 2015 เราอยากทราบว่าการออกกำลังกายช่วยปรับปรุงความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการศึกษาในผู้ใหญ่ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมที่ประเมินผลของการออกกำลังกายบนทำบนพื้นดินต่อความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิต การศึกษาจะต้องเปรียบเทียบกลุ่มคนที่ออกกำลังกายกับกลุ่มที่ได้รับความสนใจหรือ วิธีการหลอก หรือกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด นอกจากนี้เรายังรวมการศึกษาที่เปรียบเทียบการออกกำลังกายร่วมกับวิธีการอื่นกับวิธีการนั้น ๆเพียงอย่างเดียว

เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและจัดอันดับตามความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น วิธีการศึกษาและผลการศึกษาที่ตรงกัน

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 139 ฉบับ โดยมีจำนวนคนทั้งสิ้น 12,468 คน ผู้เข้าร่วมการศึกษามีอายุเฉลี่ยระหว่าง 41 ถึง 81 ปี โปรแกรมการออกกำลังกายมีระยะเวลาตั้งแต่ 2 ถึง 104 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะถูกวัดทันทีหลังจากโปรแกรมการออกกำลังกายสิ้นสุดลง โดยมีบางการศึกษาที่เก็บรวมผลลัพธ์ในช่วงสัปดาห์และเดือนหลังจากโปรแกรมสิ้นสุดลงด้วย

การทดลอง 30 ฉบับ (22%) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับการควบคุมความสนใจหรือการหลอก การทดลอง 60 ฉบับ (43%) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับการไม่รักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด การทดลอง 49 ฉบับ (35%) ได้เพิ่มการออกกำลังกายเข้ากับการรักษาประเภทอื่น และเปรียบเทียบกับการรักษาประเภทอื่นเพียงอย่างเดียว เพื่อพิจารณาว่าผลประโยชน์ดังกล่าวจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ เราได้นำผลการค้นพบของเราไปเปรียบเทียบกับคะแนน "ความแตกต่างที่สำคัญขั้นต่ำ" ที่กำหนดไว้สำหรับความเจ็บปวด (12 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน) การทำงานของร่างกาย (13 คะแนน) และคุณภาพชีวิต (15 คะแนน)

การออกกำลังกายเทียบกับการควบคุมความสนใจหรือการหลอก

- การออกกำลังกายอาจช่วยลดอาการปวดได้เล็กน้อย (ดีขึ้น 8.7 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้น 11.3 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย (ดีขึ้น 6.1 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการติดตามผลครั้งสุดท้าย เราพบว่าการออกกำลังกายอาจไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เพิ่มมากขึ้น

การออกกำลังกายเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด

- การออกกำลังกายอาจช่วยลดอาการปวดได้ (ดีขึ้น 13.1 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้น 12.5 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้น 5.4 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการติดตามผลครั้งสุดท้าย เราพบว่าการออกกำลังกายอาจเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้

การออกกำลังกายที่เพิ่มเข้าไปกับการรักษาอื่น ๆ เมื่อเทียบกับการรักษาอื่นเพียงอย่างเดียว

- การออกกำลังกายอาจช่วยลดความเจ็บปวดได้ (ดีขึ้น 10.4 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้น 9.7 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

- การออกกำลังกายอาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้น 4.2 คะแนน จากระดับ 0 ถึง 100 คะแนน)

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการติดตามครั้งสุดท้าย เราพบว่าการออกกำลังกายมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เล็กน้อย

หลักฐานมีข้อจำกัดอะไรบ้าง

เรามีความเชื่อมั่นในผลลัพธ์ของเราในระดับต่ำถึงปานกลาง การศึกษาจำนวนมากมีคุณภาพต่ำและมีขนาดตัวอย่างเล็ก ดังนั้นการศึกษาบางเรื่องอาจแสดงให้เห็นว่าประโยชน์ของการออกกำลังกายมีมากกว่าที่เป็นจริง

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

เราค้นหาการศึกษาจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2024

บทนำ

โรคข้อเข่าเสื่อม (knee osteoarthritis; OA) เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง การทำงานของร่างกายลดลง และคุณภาพชีวิตลดลง เนื่องจากยังไม่มีวิธีรักษา การจัดการอาการด้วยตนเองโดยการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีที่แนะนำตามแนวทางปฏิบัติทางคลินิกระหว่างประเทศปัจจุบัน การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงฉบับที่เผยแพร่ในปี 2015

วัตถุประสงค์

เรามุ่งหวังที่จะประเมินผลของการออกกำลังกายบนพื้นดินสำหรับผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อม (knee osteoarthritis; OA) โดยการเปรียบเทียบ:

1) การออกกำลังกายเทียบกับ attention control หรือ placebo

2) การออกกำลังกายกับการไม่รักษา การดูแลตามปกติ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด

3) เพิ่มการออกกำลังกายให้กับวิธีการร่วมอื่น ๆ เทียบกับวิธีการร่วมเพียงอย่างเดียว

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE, Embase และทะเบียนการทดลอง 2 แหล่ง (ClinicalTrials.gov และ World Health Organisation International Clinical Trials Registry Platform) พร้อมทั้งรายการอ้างอิง ตั้งแต่วันที่ค้นหาครั้งสุดท้าย (1 พฤษภาคม 2013) จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2024 โดยไม่มีการจำกัดตามภาษา

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม (randomised controlled trials; RCT) ที่ประเมินการออกกำลังกายสำหรับโรคข้อเข่าเสื่อมเทียบกับตัวเปรียบเทียบที่ระบุไว้ข้างต้น ผลลัพธ์ที่เราสนใจคือความรุนแรงของอาการปวด การทำงานของร่างกาย คุณภาพชีวิต ความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และการถอนตัวจากการศึกษา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้ขั้นตอนวิธีการมาตรฐานที่อธิบายไว้ใน Cochrane for Systematic Reviews of Interventions

ผลการวิจัย

เรารวบรวมการทดลอง 139 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 12,468 ราย): การทดลอง 30 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 3065 ราย) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับ attention control หรือ placebo; การทดลอง 60 ฉบับ (4834 ราย) เปรียบเทียบการออกกำลังกายกับการดูแลปกติ ไม่มีวิธีการ หรือการให้ความรู้ที่จำกัด และการทดลอง 49 ฉบับ (4569 ราย) ประเมินการออกกำลังกายที่เพิ่มเข้ากับวิธีการอื่น ๆ (เช่น การรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก การกายภาพบำบัด การให้ความรู้โดยละเอียด) เทียบกับ วิธีการนั้นเพียงอย่างเดียว วิธีการมีระยะเวลาแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ 2 ถึง 104 สัปดาห์ การทดลองส่วนใหญ่มีความไม่ชัดเจนหรือ ความเสี่ยงสูงของการมีอคติ โดยเฉพาะ performance bias (94% ของการทดลอง) detection bias (94%) selective reporting bias (68%) selection bias (57%) และ attrition bias (48%)

การออกกำลังกายเทียบกับการควบคุมความสนใจ/ยาหลอก

เมื่อเปรียบเทียบกับ attention control/placebo หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายอาจส่งผลให้ความเจ็บปวดดีขึ้นเล็กน้อยทันทีหลังการทดลอง (ดีขึ้นเฉลี่ย 8.70 คะแนน (บนมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 95% 5.70 ถึง 11.70; การศึกษา 28 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2873 ราย) หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 11.27 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง 7.64 ถึง 15.09; การศึกษา 24 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2536 ราย) แต่คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (ดีขึ้นเฉลี่ย 6.06 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง −0.13 ถึง 12.26; การศึกษา 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 454 ราย) มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยเพิ่มความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (risk ratio (RR) 1.46, 95% CI 1.11 ถึง 1.92; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 364 คน) และไม่น่าจะเพิ่มการถอนตัวจากการศึกษา (RR 1.08, 95% CI 0.92 ถึง 1.26; การศึกษา 29 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2907 คน) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าการออกกำลังกายอาจไม่เพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 2.02, 95% CI 0.62 ถึง 6.58; การศึกษา 11 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1684 ราย)

การออกกำลังกายกับการไม่รักษา/การดูแลตามปกติ/การให้ความรู้ที่จำกัด

เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา/การดูแลตามปกติ/การให้ความรู้ที่จำกัด หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายอาจส่งผลให้ความเจ็บปวดดีขึ้นทันทีหลังการออกกำลังกาย (ดีขึ้นเฉลี่ย 13.14 คะแนน (บนมาตราส่วน 0 ถึง 100) 95% CI 10.36 ถึง 15.91; การศึกษา 56 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4184 ราย) หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 12.53 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง 9.74 ถึง 15.31; การศึกษา 54 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4352 คน) และคุณภาพชีวิตดีขึ้นเล็กน้อย (ดีขึ้นเฉลี่ย 5.37 คะแนน (จากมาตราส่วน 0 ถึง 100) ช่วง CI 95% อยู่ระหว่าง 3.19 ถึง 7.54; การศึกษา 28 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2328 คน) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าการออกกำลังกายอาจส่งผลให้ไม่มีความแตกต่างกันในความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (RR 1.33, 95% CI 0.71 ถึง 2.49; การศึกษา 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 405 คน) มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางว่าการออกกำลังกายน่าจะไม่ส่งผลให้มีความแตกต่างกันในการถอนตัวจากการศึกษา (RR 1.03, 95% CI 0.88 ถึง 1.20; การศึกษา 53 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4408 ราย) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าการออกกำลังกายอาจเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 3.17, 95% CI 1.17 ถึง 8.57; การศึกษา 18 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1557 คน)

การออกกำลังกายที่เพิ่มให้กับวิธีการร่วมอื่น ๆ เทียบกับวิธีการร่วมเพียงอย่างเดียว

หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายเมื่อเพิ่มเข้ากับวิธีการร่วมมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ความเจ็บปวดดีขึ้นทันทีหลังดำเนินการ (post-intervention) เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการร่วมเพียงอย่างเดียว (ดีขึ้นเฉลี่ย 10.43 คะแนน (บนมาตราส่วน 0 ถึง 100) 95% CI 8.06 ถึง 12.79; การศึกษา 47 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4441 คน) นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าการทำงานของร่างกายจะดีขึ้นเล็กน้อย (ค่าเฉลี่ยดีขึ้น 9.66 คะแนน, 95% CI 7.48 ถึง 11.97 (ในระดับ 0 ถึง 100); การศึกษา 44 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 4381 คน) และคุณภาพชีวิต (ค่าเฉลี่ยดีขึ้น 4.22 คะแนน (ในระดับ 0 ถึง 100), 95% CI 1.36 ถึง 7.07; การศึกษา 12 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1660 คน) ทันทีหลังดำเนินการ (post-intervention) มีหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยเพิ่มความสำเร็จของการรักษาที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (RR 1.63, 95% CI 1.18 ถึง 2.24; การศึกษา 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1139 คน), ลดการถอนตัวจากการศึกษาลงเล็กน้อย (RR 0.82, 95% CI 0.70 ถึง 0.97; การศึกษา 41 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 3502 คน) และเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เล็กน้อย (RR 1.72, 95% CI 1.07 ถึง 2.76; การศึกษา 19 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2187 คน)

การวิเคราะห์กลุ่มย่อยและ meta-regression

เราไม่พบความแตกต่างระหว่างการออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ และไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของความเจ็บปวดหรือการทำงานของร่างกายกับจำนวนครั้งของการออกกำลังกายทั้งหมดที่กำหนดไว้หรืออัตราส่วน (ระหว่างกลุ่มออกกำลังกายและกลุ่มเปรียบเทียบ) ของการปรึกษาแบบเรียลไทม์กับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ

ความสำคัญทางคลินิกของการค้นพบ

เพื่อพิจารณาว่าผลลัพธ์ที่พบจะสร้างความแตกต่างที่มีความหมายทางคลินิกต่อผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่ เราจึงเปรียบเทียบผลลัพธ์ของเรากับคะแนน "ความแตกต่างที่สำคัญขั้นต่ำ" (MID) ที่กำหนดไว้สำหรับความเจ็บปวด (12 คะแนนจากระดับ 0 ถึง 100) การทำงานของร่างกาย (13 คะแนน) และคุณภาพชีวิต (15 คะแนน) เราพบว่าช่วงความเชื่อมั่นของความแตกต่างเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์เหล่านี้หรือมีผลรวมทั้งการปรับปรุงที่สำคัญทางคลินิกและไม่สำคัญทางคลินิก

ข้อสรุปของผู้วิจัย

เราพบหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำถึงปานกลางที่บอกว่าการออกกำลังกายน่าจะส่งผลให้ความเจ็บปวด การทำงานของร่างกาย และคุณภาพชีวิตดีขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์ความแตกต่างสำคัญขั้นต่ำที่เราใช้ ประโยชน์เหล่านี้มีความสำคัญทางคลินิกที่ไม่เชื่อมั่น ผู้เข้าร่วมในการทดลองส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกปิดบังข้อมูล และจึงรับรู้ถึงวิธีการรักษาของตน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้มีการรายงานผลการปรับปรุง

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ นพ ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 4 มกราคม 2025 Edit โดย ศ.พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 20 มกราคม 2025

การอ้างอิง
Lawford BJ, Hall M, Hinman RS, Van der Esch M, Harmer AR, Spiers L, Kimp A, Dell'Isola A, Bennell KL. Exercise for osteoarthritis of the knee. Cochrane Database of Systematic Reviews 2024, Issue 12. Art. No.: CD004376. DOI: 10.1002/14651858.CD004376.pub4.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า