ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การเริ่มให้ความดันทางเดินหายใจบวกต่อเนื่อง (CPAP) ในช่วงต้นเปรียบเทียบกับภายหลังสำหรับภาวะหายใจลำบากในทารกคลอดก่อนกำหนด

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

เราต้องการทราบว่าสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่มีภาวะหายใจลำบาก การใช้ความดันทางเดินหายใจบวกอย่างต่อเนื่อง (CPAP) ในช่วงต้นจะส่งผลให้ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นและเป็นอันตรายน้อยกว่าหากใช้ในภายหลัง

ความเป็นมา

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักขาดสารลดแรงตึงผิวซึ่งเป็นสารคล้ายผงซักฟอกที่ผลิตโดยปอด การขาดสารลดแรงตึงผิวทำให้ปอดไม่สามารถขยายได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกเกิดและส่งผลให้ต้องออกแรงมากขึ้นในการหายใจ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ความยากลำบากในการหายใจจะแย่ลงเรื่อย ๆ และอาจนำไปสู่ความเสียหายของปอด CPAP ช่วยเพิ่มการขยายตัวของปอด ทำให้ทารกหายใจได้ง่ายขึ้นและอาจลดความจำเป็นในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นระยะ ๆ (IPPV) ซึ่งเป็นรูปแบบของการช่วยหายใจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายของปอดชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า bronchopulmonary dysplasia (BDP) CPAP อาจลดความเสี่ยงที่ทารกจะเสียชีวิตจากภาวะหายใจลำบาก CPAP ใช้ผ่านหน้ากากปิดจมูก หรือใส่เข้าไปในรูจมูก

ลักษณะของการศึกษา

การสืบค้นล่าสุดถึงเดือนมิถุนายน 2020 เราพบการศึกษาเล็ก ๆ 4 รายการรวมทารก 119 คน การศึกษาทั้ง 4 รายการดำเนินการในทศวรรษ 1970 หรือต้นทศวรรษที่ 1980 เมื่อการใช้สเตียรอยด์ก่อนคลอด (ให้กับมารดาเพื่อช่วยให้ปอดของทารกคลอดก่อนกำหนดสมบูรณ์ขึ้น) ยังไม่ค่อยมี

ผลลัพธ์หลัก

จากการศึกษาเล็ก ๆ ทั้ง 4 รายการนี้เราไม่แน่ใจอย่างมากว่า CPAP ในช่วงต้นให้ประโยชน์หรือไม่หรือก่อให้เกิดอันตราย

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

การศึกษาทั้ง 4 รายการมีจุดอ่อนในวิธีการดำเนินการและทั้งหมดมีขนาดเล็กมาก นอกจากนี้เนื่องจากเป็นการศึกษาเก่า ผลการศึกษาอาจใช้ไม่ได้กับการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดในปัจจุบัน ดังนั้น เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน อยู่ในระดับต่ำมาก

บทนำ

การใช้ความดันทางเดินหายใจเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง (CPAP) แสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์บางประการในการรักษาทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอาการหายใจลำบาก CPAP มีศักยภาพในการลดความเสียหายของปอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ในช่วงต้นก่อนที่จะเกิดภาวะปอดแฟบ (atelectasis) การใช้ในช่วงแรกอาจช่วยรักษาสารลดแรงตึงผิวของทารกเองได้ดีกว่าและอาจมีประสิทธิผลมากกว่าการใช้ในภายหลัง

วัตถุประสงค์

• เพื่อตรวจสอบว่าการเริ่มต้น CPAP ตั้งแต่ช่วงต้นเมื่อเทียบกับภายหลัง ส่งผลให้อัตราการตายลดลงและลดความจำเป็นในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกเป็นระยะ ๆ ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีภาวะหายใจลำบาก

○ มีการวางแผนการวิเคราะห์กลุ่มย่อยไว้ล่วงหน้า โดยพิจารณาจากน้ำหนัก (โดยแบ่งส่วนย่อยที่ 1,000 กรัมและ 1,500 กรัม) อายุครรภ์ (โดยแบ่งย่อยที่ 28 และ 32 สัปดาห์) และขึ้นอยู่กับว่ามีการใช้สารลดแรงตึงผิวหรือไม่

○ มีการวางแผนการทำ sensitivity analysis ตามคุณภาพการศึกษาด้วย

○ สำหรับการอัปเดตนี้เราได้ยกเว้นการทดลองโดยใช้แรงดันลบอย่างต่อเนื่อง

วิธีการสืบค้น

เราใช้กลยุทธ์การสืบค้นมาตรฐานของ Cochrane Neonatal เพื่อค้นหา Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL; 2020, Issue 6) ใน Cochrane Library; Ovid MEDLINE (R) และ Epub Ahead of Print, In-Process & Other Non-Indexed Citations Daily and Versions(R); and the Cumulative Index to Nursing and Allied Health Literatue (CINAHL) ในวันที่ 30 มิถุนายน 2020 เรายังสืบค้นฐานข้อมูลการทดลองทางคลินิก และรายการอ้างอิงของบทความที่ได้มา สำหรับการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม และการทดลองแบบกึ่งสุ่ม

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวมการทดลองที่ใช้การจัดสรรแบบสุ่มหรือแบบกึ่งสุ่มให้กับ CPAP ในช่วงต้นหรือภายหลังสำหรับทารกคลอดก่อนกำหนดที่หายใจได้เองที่มีภาวะหายใจลำบาก

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้วิธีการมาตรฐานของ Cochrane และ Cochrane Neonatal รวมถึงการประเมินคุณภาพการทดลองโดยอิสระและการคัดลอกข้อมูลโดยผู้เขียนทบทวนวรรณกรรม 2 คน ผู้วิจัยประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานที่ได้โดยวิธี GRADE

ผลการวิจัย

เราพบการศึกษา 4 รายการที่รวบรวมทารกทั้งหมด 119 คน การทดลอง 2 รายการเป็นแบบกึ่งสุ่มและอีก 2 รายการไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสุ่มหรือการจัดสรรที่ใช้ ไม่มีการศึกษาใดที่ดำเนินการปกปิดวิธีการที่ใช้ CPAP หรือปกปิดผู้ประเมินผลลัพธ์ หลักฐานแสดงให้เห็นความไม่เชื่อมั่นว่า CPAP ในช่วงต้นมีผลต่อการใช้การระบายอากาศด้วยแรงดันบวกเป็นระยะ ๆ (IPPV) ในภายหลังหรือไม่ (อัตราส่วนความเสี่ยงโดยทั่วไป (RR) 0.77, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.43 ถึง 1.38; ความแตกต่างของความเสี่ยงทั่วไป (RD) -0.08 , 95% CI -0.23 ถึง 0.08; I² = 0%, 4 การศึกษา, ทารก 119 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรืออัตราการตาย (RR 0.93 ทั่วไป, 95% CI 0.43 ถึง 2.03; RD ทั่วไป -0.02, 95% CI -0.15 ถึง 0.12; I² = 33%, 4 การศึกษา, ทารก 119 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีรายงานผลลัพธ์ 'การรักษาที่ล้มเหลว' ในการศึกษาเหล่านี้ มีผลที่ไม่แน่นอนต่อการรั่วของอากาศ (pneumothorax) (Typical RR 1.09, 95% CI 0.39 ถึง 3.04, I² = 0%, 3 การศึกษา, ทารก 98 คน; หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการทดลองที่รายงานว่ามี intraventricular haemorrhage or necrotising enterocolitis การศึกษาหนึ่งที่นำเสนอผลลัพธ์ retinophathy of prematurity พบว่าไม่มีทารกเกิดภาวะดังกล่าว (จากทารก 21 คน) มีรายงานการเกิด bronchopulmonary dysplasia ในแต่ละกลุ่มในการศึกษา 1 รายการที่เกี่ยวข้องกับทารก 29 คน ไม่มีการรายงานผลลัพธ์ระยะยาว

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การทดลองเล็ก ๆ 4 รายการที่รวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ดำเนินการในทศวรรษที่ 1970 หรือต้นทศวรรษที่ 1980 และเราไม่แน่ใจมากว่าการใช้ CPAP ในช่วงต้นจะให้ประโยชน์ทางคลินิกในการรักษาอาการหายใจลำบากหรือไม่หรือเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงใด ๆ

ควรมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อกำหนดระดับ CPAP ที่เหมาะสมและระยะเวลาและวิธีการบริหารสารลดแรงตึงผิวเมื่อใช้ร่วมกับ CPAP

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 26 ตุลาคม 2020

Citation
Ho JJ, Subramaniam P, Sivakaanthan A, Davis PG. Early versus delayed continuous positive airway pressure (CPAP) for respiratory distress in preterm infants. Cochrane Database of Systematic Reviews 2020, Issue 10. Art. No.: CD002975. DOI: 10.1002/14651858.CD002975.pub2.