การหายใจด้วยตัวเองในผู้ป่วยปอดล้มเหลวที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19

การหายใจด้วยตัวเองในระยะเริ่มแรก มีประโยชน์ในการรักษาภาวะปอดล้มเหลวในผู้ป่วย COVID-19 หรือไม่

ผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการรุนแรง อาจมีภาวะปอดล้มเหลว ซึ่งเรียกว่าอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) ต้องมีการใช้เครื่องช่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยสามารถหายใจได้ (เรียกว่าการหายใจด้วยตัวเอง) ขณะใช้เครื่องช่วยหายใจ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าวิธีนี้เป็นประโยชน์หรือไม่ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกของการช่วยหายใจ

ข้อความสำคัญ

เราไม่พบหลักฐานว่าการหายใจด้วยตัวเองมีประโยชน์ในการรักษาภาวะปอดล้มเหลวจาก COVID-19 หรือไม่

ข้อดีของการหายใจด้วยตัวเองในระยะแรกของ ARDS คืออะไร

ข้อดีของการหายใจด้วยตัวเองในขณะที่มีการใช้เครื่องช่วยหายใจ คือสามารถคงการเคลื่อนไหวของ diaphragm (กล้ามเนื้อหลักในการหายใจที่อยู่ใต้ปอด) นำไปสู่การกระจายตัวของอากาศที่หายใจเข้าไปได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถุงลมปอด (ถุงลมขนาดเล็กภายในปอด) ที่อยู่ใกล้กับ diaphragm โดยทั่วไป วิธีที่ทำให้มีการหายใจด้วยตัวเองขณะใช้เครื่องช่วยหายใจต้องมีการให้ยาระงับประสาทในปริมาณต่ำ (ทำให้สมองทำงานช้าลง) อาจทำให้ความดันโลหิตลดลงและยังสามารถลดการให้ยาเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

การหายใจด้วยตัวเองในระยะแรก เป็นอันตรายต่อการรักษา ARDS หรือไม่

ในการหายใจด้วยตัวเองที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ อาจทำให้ความดันในปอดไม่คงที่เพิ่มขึ้น ความแตกต่างของความดันในปอดที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุหลักของการบาดเจ็บที่ปอดที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องช่วยหายใจ

อะไรคือทางเลือกอื่นในการหายใจด้วยตัวเองในระยะแรก

การหายใจด้วยตัวเองอาจถูกกดจากการให้ยาระงับประสาทและกล้ามเนื้อที่ต้องใช้ในการหายใจ (เรีบกว่าสารสกัดกั้นประสาทกล้ามเนื้อ) ข้อดีของการหายใจโดยใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างสมบูรณ์ คือการใช้ออกซิเจนในกล้ามเนื้อน้อยลงและลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บที่ปอด

เราต้องการทราบอะไร

เพื่อประเมินประโยชน์และโทษของการหายใจด้วยตัวเองในระยะเริ่มแรกขณะใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มี ARDS เปรียบเทียบกับการช่วยหายใจวิธีอื่นที่ไม่ให้มีการหายใจด้วยตัวเอง

เราได้ทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบการหายใจด้วยตัวเองในระยะแรก ในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจกับการช่วยหายใจโดยใช้ยาระงับประสาทและกล้ามเนื้อในผู้ที่มี ARDS ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ผู้ป่วยอาจมีทุกอายุ เพศ หรือเชื้อชาติ

เราพบอะไร

หลังจากการค้นหาอย่างเป็นระบบ เราไม่พบการศึกษาที่ตรงตามเกณฑ์การคัดเข้า

ผลการศึกษาหลัก

เราไม่พบการศึกษาที่เข้าเกณฑ์ในการทบทวน

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ในปัจจุบัน ไม่พบการศึกษาที่เปรียบเทียบการหายใจด้วยตัวเองในระยะแรกในขณะที่ใช้เครื่องช่วยหายใจกับการใช้เครื่องช่วยหายใจโดยไม่ให้มีการหายใจด้วยตัวเองในผู้ที่มี ARDS ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 2 มีนาคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราไม่พบหลักฐานโดยตรงว่าการหายใจด้วยตัวเองในระยะเริ่มแรกของ ARDS ที่เกิดจาก SARS-CoV-2 นั้นมีประโยชน์หรือเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยกลุ่มนี้หรือไม่ RCTs ที่เปรียบเทียบการหายใจด้วยตัวเองในระยะแรก กับการช่วยหายใจวิธีอื่นที่ไม่ให้มีการหายใจด้วยตัวเองใน ARDS ที่เกิดจาก SARS-CoV-2 นั้นมีความจำเป็นในการพิจารณาประโยชน์ของการช่วยหายใจในการรักษาผู้ป่วยหนักจาก COVID-19 นอกจากนี้ ควรศึกษาผลการรักษาว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ระหว่างผู้ที่มี ARDS ที่เกิดจาก SARS-CoV-2 และไม่ใช่เกิดจาก SARS-CoV-2

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

อาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) เป็นอาการที่รุนแรงที่สุดของ COVID-19 (เกิดจากไวรัส SARS-CoV-2) ทำให้ผู้ป่วยมักต้องอยู่ในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) เป็นเวลานานและมีอัตราการเสียชีวิตสูง จากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (IMV) แต่หลักฐานเกี่ยวกับวิธีการช่วยหายใจเฉพาะสำหรับ ARDS จาก COVID-19 นั้นมีน้อย การหายใจด้วยตัวเองในขณะที่ใช้ IMV เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดในการรักษา ซึ่งประกอบด้วยการให้ระงับประสาทอย่างอ่อนกับการหลีกเลี่ยงการใช้สารที่ยับยั้งการทำงานระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (NMBA) วิธีการนี้อาจมีข้อดี (เช่น การคงไว้ของการเคลื่อนไหวของกะบังลมและมีอัตรา ventilation-perfusion ของปอดที่เหมาะสมที่สุด) แต่ก็มีความเสี่ยง (เช่น อัตราการบาดเจ็บที่ปอดจากการใช้เครื่องช่วยหายใจสูงขึ้นหรือมีการแย่ลงของภาวะน้ำเกินในปอดเนื่องจากความดันในปอดสูงขึ้น) ผลที่ตามมาก็คือ ผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 และมีภาวะ ARDS ที่หายใจเองและได้รับ IMV ด้วย ยังเป็นประเด็นที่บุคลากรผู้ดูแลผู้ป่วยระยะวิกฤตต้องมีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และโทษของการหายใจด้วยตัวเองในระยะเริ่มแรกในผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มี ARDS เปรียบเทียบกับการช่วยหายใจวิธีอื่นที่หลีกเลี่ยงการให้ผู้ป่วยหายใจด้วยตัวเอง

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา Cochrane COVID-19 Study Register (ซึ่งรวมถึง PubMed, Embase, CENTRAL, ClinicalTrials.gov, WHO ICTRP และ medRxiv) และข้อมูลในระดับโลกขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับโรคโคโรนาไวรัส (WHO COVID-19) เพื่อค้นหาการศึกษาที่เสร็จสิ้นและกำลังดำเนินการจนถึงวันที่ 2 มีนาคม 2022

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การศึกษาที่เข้าเกณฑ์เป็น randomised controlled trials (RCTs) ที่ประเมินการหายใจด้วยตนเองในผู้เข้าร่วมที่เป็น COVID-19 และมี ARDS เทียบกับวิธีการช่วยหายใจอื่นที่ไม่ใช้การหายใจด้วยตัวเอง (เช่น การใช้ NMBA หรือการให้ยาระงับความรู้สึกระดับลึก) นอกจากนี้ เราพิจารณาการศึกษาชนิดมีกลุ่มควบคุมแบบก่อน-หลัง การศึกษาชนิด interrupted time series โดยมีกลุ่มเปรียบเทียบ การศึกษาแบบ prospective cohort และการศึกษาแบบ retrospective cohort สำหรับการศึกษาที่ไม่ใช่ RCT เราพิจารณาเฉพาะการศึกษาที่มีผู้เข้าร่วมอย่างน้อย 50 คน ลำดับความสำคัญของผลการศึกษาคือการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ อาการดีขึ้นหรือแย่ลง คุณภาพชีวิต อัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (ร้ายแรง) และอัตราการเกิดปอดแตก ผลการศึกษาอื่นๆประกอบด้วย การที่ต้องเจาะคอ (tracheostomy) ระยะเวลาที่อยู่ใน ICU และระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาล

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราปฏิบัติตามตามวิธีที่เขียนไว้ใน Cochrane Handbook for Systematic Reviews of Interventions

ผู้ประพันธ์ 2 คนคัดเลือกการศึกษาอย่างเป็นอิสระต่อกัน โดยดูชื่อเรื่อง บทคัดย่อ และบทความฉบับเต็ม นอกจากนี้เรายังวางแผนที่จะดำเนินการดึงข้อมูลและประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ โดยการทำทั้ง 2 คน เราวางแผนดำเนินการทำ meta-analysis กับผลการศึกษาตามลำดับความสำคัญ เช่นเดียวกับการวิเคราะห์กลุ่มย่อยของการตายเกี่ยวกับความรุนแรงของการขาดออกซิเจนและระยะเวลาการเกิด ARDS นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะดำเนินการวิเคราะห์ sensitivity สำหรับการศึกษาที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติ การศึกษาโดยใช้ NMBA รวมทั้งการให้การระงับความรู้สึกระดับลึกเพื่อหลีกเลี่ยงการหายใจด้วยตัวเอง และการเปรียบเทียบบทความหรือเอกสารทางวิชาการก่อนตีพิมพ์กับบทความที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว เราวางแผนที่จะใช้แนวทาง GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

เราไม่พบการศึกษาที่เข้าเกณฑ์ในการทบทวน

บันทึกการแปล: 

แปลโดย เพียงจิตต์ ธารไพรสาณฑ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 5 กรกฎาคม 2022 edit 18 ตุลาคม 2022โดยผกากรอง

Tools
Information