ประโยชน์และความเสี่ยงของ methylxanthines (ยากระตุ้นอย่างอ่อน) สำหรับทารกคลอดก่อนกำหนดที่หยุดหายใจขณะหลับ (หยุดหายใจ) มีอะไรบ้าง

ใจความสำคัญ

- เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่รักษาหรือการใช้ยาหลอก (ไม่มีผล) methylxanthines อาจนำไปสู่การหยุดหายใจน้อยลง (หยุดหายใจชั่วคราว) อาจลดความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจ และลดการบาดเจ็บของปอดในทารกที่คลอดก่อนกำหนด
- Methylxanthines อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความเสี่ยงที่ทารกคลอดก่อนกำหนดจะเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาล มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของ methylxanthines
- จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของยาเหล่านี้

ภาวะหยุดหายใจในทารกคลอดก่อนกำหนดคืออะไร
ภาวะหยุดหายใจในทารกคลอดก่อนกำหนดคือเมื่อ ทารกที่คลอดก่อนเวลาที่กำหนด (ทารกคลอดก่อนกำหนด) หยุดหายใจเป็นเวลา 20 วินาทีหรือนานกว่านั้นระหว่างการนอนหลับ ทารกคลอดก่อนกำหนดมากกว่าครึ่งหนึ่งมีภาวะหยุดหายใจ ภาวะหยุดหายใจอาจส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจต่ำและออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลให้จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือด้วยเครื่องช่วยหายใจ (เครื่องช่วยหายใจ) ทารกคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ (ขณะตั้งครรภ์) มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตหรือเป็นโรคปอด ความบกพร่องทางสติปัญญา ตาบอด หรือหูหนวก มากกว่าทารกที่เกิดในหรือใกล้ถึงวันครบกำหนด

การหยุดหายใจในทารกคลอดก่อนกำหนดได้รับการรักษาอย่างไร
โดยทั่วไปจะรักษาด้วย methylxanthines ซึ่งเป็นสารที่พบในชา กาแฟ และช็อกโกแลต methylxanthines มี 3 ประเภท ได้แก่ caffeine, aminophylline และ theophylline สารพวกนี้ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นเล็กน้อยเพื่อเร่งระบบของร่างกายและทำให้หายใจง่ายขึ้น แพทย์ให้ methylxanthines แก่ทารกด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ: (1) เพื่อป้องกันภาวะหยุดหายใจ; (2) เพื่อรักษา/ลดอาการหยุดหายใจ และหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจ และ (3) เพื่อเพิ่มโอกาสที่ทารกที่สวมเครื่องช่วยหายใจสามารถ 'ลดลง' หรือถอดเครื่องเหล่านั้นออกได้สำเร็จ (การเอาท่อช่วยหายใจออก) และหายใจได้เอง ในทุกกรณี จุดมุ่งหมายคือเพื่อลดโอกาสที่ทารกจะเกิดปัญหาตามที่อธิบายไว้ข้างต้น

เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่าการให้ methylxanthines แก่ทารกคลอดก่อนกำหนดด้วยเหตุผลใดก็ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นช่วยลดภาวะหยุดหายใจ และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และปรับปรุงพัฒนาการในระยะยาวของทารกคลอดก่อนกำหนดหรือไม่

เราทำอะไร
เราค้นหาการศึกษาที่ให้ methylxanthines ในทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนดที่มีความเสี่ยงหรือหยุดหายใจในทารกคลอดก่อนกำหนด เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดการศึกษา

เราพบอะไร
เราพบการศึกษา 18 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับทารกคลอดก่อนกำหนดจำนวน 2705 รายที่มีหรือมีความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจ การศึกษาที่ใหญ่ที่สุดและดำเนินการมายาวนานที่สุดประกอบด้วยทารก 2006 คน จาก 9 ประเทศในช่วง 5 ปี และรายงานผลลัพธ์สำหรับทารกบางคนจนกระทั่งพวกเขาเป็นวัยรุ่น การศึกษาที่เหลือ 17 ฉบับ มีขนาดเล็กกว่ามาก มีทารกตั้งแต่ 18 ถึง 86 คน; การศึกษาเหล่านี้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา (การศึกษา 6 ฉบับ) สหราชอาณาจักร (การศึกษา 3 ฉบับ) แคนาดา อิหร่าน (การศึกษา 2 ฉบับ ในแต่ละประเทศ) ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ (การศึกษา 1 ฉบับ ในแต่ละประเทศ) การศึกษาเหล่านี้ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ในทันทีและในระยะสั้น และไม่ได้พิจารณาที่พัฒนาการในระยะยาวของทารก จากการศึกษา 18 ฉบับ มีการศึกษา 14 ฉบับ ที่ดำเนินการในช่วงปี 1980 และ 1990

Methylxanthine ที่การศึกษาใช้แตกต่างกันไป: การศึกษา 6 ฉบับ สำรวจการป้องกันภาวะหยุดหายใจ การศึกษา 5 ฉบับสำรวจการรักษาภาวะหยุดหายใจ การศึกษา 6 ฉบับ ตรวจสอบ methylxanthine สำหรับการหยุดเครื่องช่วยหายใจ (การเอาท่อช่วยหายใจออก); และการศึกษา 1 ฉบับ (การศึกษาที่ใหญ่ที่สุด) ตรวจสอบ methylxanthine ที่ให้ด้วยเหตุผลทั้ง 3 ประการ

ผลการศึกษาหลัก
เปรียบเทียบกับการให้ยา methylxanthine แก่ทารกคลอดก่อนกำหนดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม:

- อาจนำไปสู่การลดความเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจ
- อาจเพิ่มจำนวนทารกที่มีภาวะหยุดหายใจน้อยลงหลังจาก 2 ถึง 7 วัน
- อาจลดความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจหลังจากเริ่มการรักษาแล้ว
- ลด bronchopulmonary dysplasia ซึ่งเป็นรูปแบบของการบาดเจ็บที่ปอด

การศึกษาขนาดใหญ่ฉบับเดียวแสดงให้เห็นว่าการให้ methylxanthines (โดยเฉพาะ caffeine) ช่วยเพิ่มพัฒนาการของเด็กเมื่ออายุ 18 ถึง 24 เดือน

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
ความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐานแตกต่างกันไป การศึกษาขนาดใหญ่ใช้วิธีการที่เข้มงวด โดยสุ่มสุ่มให้ทารกเข้ากลุ่มการรักษา และปกปิดนักวิจัยที่รวบรวมข้อมูลผลลัพธ์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ทราบถึงกลุ่มของทารก วิธีการเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะให้หลักฐานคุณภาพสูง การศึกษาครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการทบทวนและเป็นหลักฐานเดียวเกี่ยวกับการพัฒนาสมองของทารกในวัยทารกและวัยเด็ก วิธีการศึกษาที่เหลือมีคุณภาพแตกต่างกัน หลายการศึกษาไม่ได้ปกปิดนักวิจัย และส่วนใหญ่รายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ไม่มีความสำคัญต่อพัฒนาการในระยะยาวของทารก อย่างไรก็ตาม เราไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่าการศึกษาเหล่านี้ปกปิดข้อมูลใดๆ อย่างไม่ถูกต้องหรือรายงานเฉพาะผลลัพธ์ที่ดี แม้ว่าจะไม่รายงานผลลัพธ์ในระยะยาว เช่น การเสียชีวิตก็ตาม

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนพฤศจิกายน 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

Caffeine อาจลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต ความบกพร่องทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญที่ 18 ถึง 24 เดือน และผลลัพธ์รวม DMND ที่ 18 ถึง 24 เดือน การให้ methylxanthine กับทารกที่คลอดก่อนกำหนดสำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ อาจนำไปสู่การลดความเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจ การลดภาวะหยุดหายใจล้มเหลวหลังจาก 2 ถึง 7 วัน สมองพิการ พัฒนาการล่าช้า และอาจลดการได้รับการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกหลังการให้การรักษา methylxanthine ที่ใช้สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ ช่วยลดโรคปอดเรื้อรัง (หมายถึงการใช้ออกซิเจนเสริมในอายุ 36 สัปดาห์ หลังมีประจำเดือน )

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมากมักต้องการการช่วยหายใจ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อภาวะหลอดลมและปอดผิดปกติ (โรคปอดเรื้อรัง) และความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทในภายหลัง แม้ว่า methylxanthines จะใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันและรักษาภาวะหยุดหายใจที่เกี่ยวข้องกับการคลอดก่อนกำหนดและเพื่อทำให้การเอาท่อช่วยหายใจออกง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของ methylxanthines ประเภทต่างๆ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของ methylxanthines ต่ออุบัติการณ์ของการหยุดหายใจ การเสียชีวิต ความบกพร่องทางพัฒนาการทางระบบประสาท และผลลัพธ์ระยะยาวอื่นๆ ในทารกคลอดก่อนกำหนด (1) ที่มีความเสี่ยงหรือมีการหยุดหายใจ หรือ (2) อยู่ระหว่างการเอาท่อช่วยหายใจออก

วิธีการสืบค้น: 

เราสืบค้นใน CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นอีก 2 แหล่ง และทะเบียนการทดลอง 3 แหล่ง (พฤศจิกายน 2022)

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มในทารกคลอดก่อนกำหนด โดยเปรียบเทียบ methylxanthines (aminophylline, caffeine, or theophylline) กับยาหลอกหรือไม่ให้การรักษาใดๆ สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ (เช่น การป้องกันภาวะหยุดหายใจ การรักษาภาวะหยุดหายใจ หรือการป้องกันการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ)

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane และ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการศึกษา 18 ฉบับ (ทารก 2705 คน) ที่ประเมินการใช้ methylxanthine ในทารกคลอดก่อนกำหนดสำหรับ: ข้อบ่งชี้ใดๆ (การศึกษา 1 ฉบับ); การป้องกันภาวะหยุดหายใจ (การศึกษา 6 ฉบับ); การรักษาภาวะหยุดหายใจ (การศึกษา 5 ฉบับ); และเพื่อป้องกันการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ (การศึกษา 6 ฉบับ)

การเสียชีวิตหรือความพิการทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญ (DMND) ที่อายุ 18 ถึง 24 เดือน มีเพียงการศึกษา Caffeine for Apnea of ​​Prematurity (CAP) (ที่ลงทะเบียนทารก 2006 คน) เท่านั้นที่รายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้ โดยรวมแล้ว caffeine อาจลดความเสี่ยงของ DMND ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับ caffeine สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ (risk ratio (RR) 0.87, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.78 ถึง 0.97; risk difference (RD) -0.06, 95% CI -0.10 ถึง -0.02; จำนวนที่ต้องรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม (NNTB) 16, 95% CI 10 ถึง 50; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 1869 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) ไม่มีการทดลองอื่นรายงาน DMND

ผลลัพธ์จากการทดลอง CAP เกี่ยวกับ DMND ที่อายุ 18 ถึง 24 เดือนจะมีความแม่นยำน้อยกว่าเมื่อวิเคราะห์ตามข้อบ่งชี้ในการรักษา Caffeine อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยใน DMND ในทารกที่ได้รับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะหยุดหายใจ (RR 1.00, 95% CI 0.80 ถึง 1.24; RD -0.00, 95% CI -0.10 ถึง 0.09; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 423 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง ) และอาจส่งผลให้ DMND ลดลงเล็กน้อยในทารกที่รักษาภาวะหยุดหายใจจากการคลอดก่อนกำหนด (RR 0.85, 95% CI 0.71 ถึง 1.01; RD -0.06, 95% CI -0.13 ถึง 0.00; NNTB 16, 95% CI 7 ถึง > 1000; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 767 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) หรือเพื่อป้องกันการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ (RR 0.85, 95% CI 0.73 ถึง 0.99; RD -0.08, 95% CI -0.15 ถึง -0.00; NNTB 12, 95% CI 6 ถึง >1000; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 676 คน หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง)

การเสียชีวิต ในการวิเคราะห์โดยรวมของการรักษาด้วย methylxanthine สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ methylxanthine ที่ใช้สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการเสียชีวิตเมื่อออกจากโรงพยาบาล (RR 0.99, 95% CI 0.71 ถึง 1.37; I 2 = 0%; RD -0.00, 95% CI -0.02 ถึง 0.02; I 2 = 5%; การศึกษา 7 ฉบับ ทารก 2289 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง)

ความบกพร่องทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญในช่วง 18 ถึง 24 เดือน ในการทดลอง CAP caffeine อาจลดความเสี่ยงของความบกพร่องทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่สำคัญได้ที่ 18 ถึง 24 เดือน (RR 0.85, 95% CI 0.76 ถึง 0.96; RD -0.06, 95% CI -0.10 ถึง -0.02; NNTB 16, 95% CI 10 ถึง 50; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 1869 คน หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) รวมถึงการลดความเสี่ยงของภาวะสมองพิการหรือความพิการทางการเคลื่อนไหวขั้นต้น (RR 0.60, 95% CI 0.41 ถึง 0.88; RD -0.03, 95% CI -0.05 ถึง - 0.01; NNTB 33, 95% CI 20 ถึง 100; การศึกษา 1 ฉบับ, ทารก 1810 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และการลดความเสี่ยงของพัฒนาการล่าช้าลงเล็กน้อย (RR 0.88, 95% CI 0.78 ถึง 1.00; RD -0.05, 95% CI -0.09 ถึง -0.00; NNTB 20, 95% CI 11 ถึง > 1000; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 1725 ​​คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง)

การหยุดหายใจใดๆ การลดภาวะหยุดหายใจล้มเหลวหลังจากสองถึงเจ็ดวัน (การหยุดหายใจลดลง < 50%) (สำหรับทารกที่รักษาด้วยภาวะหยุดหายใจ) และความจำเป็นในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกหลังการรักษา Methylxanthine ที่ใช้สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ อาจช่วยลดการเกิดภาวะหยุดหายใจได้ (RR 0.31, 95% CI 0.18 ถึง 0.52; I 2 = 47%; RD -0.38, 95% CI -0.51 ถึง -0.25; I 2 = 49%; NNTB 3, 95% CI 2 ถึง 4; การศึกษา 4 ฉบับ ทารก 167 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง), การลดภาวะหยุดหายใจล้มเหลวหลังจากสองถึงเจ็ดวัน (RR 0.48, 95% CI 0.33 ถึง 0.70; I 2 = 0%; RD -0.31, 95% CI -0.44 ถึง -0.17; I 2 = 53%; NNTB 3, 95% CI 2 ถึง 6; การศึกษา 4 ฉบับ ทารก 174 คน หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจลดการได้รับการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกหลังจากได้รับการรักษา (RR 0.61, 95% CI 0.39 ถึง 0.96; I 2 = 0%; RD -0.06, 95% CI -0.11 ถึง -0.01; I 2 = 49%; NNTB 16, 95% CI 9 ถึง 100; การศึกษา 9 ฉบับ, 373 ทารก; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

โรคปอดเรื้อรัง Methylxanthine ที่ใช้สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆ ช่วยลดโรคปอดเรื้อรัง (หมายถึงการใช้ออกซิเจนเสริมที่อายุ 36 สัปดาห์หลังมีประจำเดือน ) (RR 0.77, 95% CI 0.69 ถึง 0.85; I 2 = 0%; RD -0.10, 95% CI -0.14 ถึง -0.06; I 2 = 18%; NNTB 10, 95% CI 7 ถึง 16; การศึกษา 4 ฉบับ ทารก 2142 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง)

ความล้มเหลวในการถอดท่อช่วยหายใจหรือจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำภายใน 1 สัปดาห์หลังจากเริ่มการรักษา Methylxanthine ที่ใช้ในการป้องกันการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำอาจส่งผลให้การเอาท่อช่วยหายใจออกล้มเหลวลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการไม่รักษา (RR 0.48, 95% CI 0.32 ถึง 0.71; I 2 = 0%; RD -0.27, 95% CI -0.39 ถึง - 0.15; I 2 = 69%; NNTB 4, 95% CI 2 ถึง 6; การศึกษา 6 ฉบับ ทารก 197 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 11 ธันวาคม 2023

Tools
Information