ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การจำกัดปริมาณสารน้ำที่ให้ทางการกินหรือทางหลอดเลือดดำในทารกแรกเกิดที่มีอาการหายใจลำบาก (ภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิด)

มีในภาษาอื่นด้วย

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

การจำกัดปริมาณสารน้ำ (เช่น สารน้ำที่ให้ทางการกินหรือทางหลอดเลือดดำ) ในทารกที่หายใจเร็วตั้งแต่แรกเกิดเนื่องจากกลไกการระบายของเหลวในปอดล่าช้า (ภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิด หรือ "transient tachypnea of the newborn") สามารถลดระยะเวลาที่ต้องใช้ออกซิเจนหรือไม่

ความเป็นมา

ภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิด (transient tachypnea of the newborn; TTN) จะมีอาการหายใจเร็ว (มากกว่า 60 ครั้งต่อนาที) ร่วมกับอาการแสดงของการหายใจลำบาก ซึ่งมักพบภายในสองชั่วโมงแรกหลังคลอดของทารกที่คลอดเมื่ออายุครรภ์ 34 สัปดาห์ขึ้นไป แม้ว่าภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิดมักจะดีขึ้นโดยไม่ต้องได้รับการรักษา แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มอาการหลอดลมตีบ (wheezing syndromes) ในวัยเด็กตอนปลาย ที่มาของการจำกัดปริมาณสารน้ำในภาวะนี้เพื่อให้ลดของเหลวในถุงลมปอดและช่วยให้การหายใจดีขึ้น ซึ่งในวันแรกๆ หลังคลอด ทารกกลุ่มนี้อาจได้รับสารน้ำทางการกิน (น้ำนม colostrum หรือนมชง), ทางสายให้อาหาร (นมหรือสารน้ำที่มีน้ำตาล), หรือทางหลอดเลือดดำ (สารน้ำที่มีน้ำตาล) การทบทวนนี้จึงได้รายงานและวิเคราะห์อย่างละเอียดถึงหลักฐานที่เกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของการจำกัดปริมาณสารน้ำในการดูแลภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิด

ลักษณะของการศึกษา

ผู้วิจัยได้ค้นหาและรวบรวมการศึกษาได้ 4 รายการ (รวมทารก 317 คน) ที่เปรียบเทียบการจำกัดสารน้ำกับการให้สารน้ำตามปกติ ผู้วิจัยไม่พบการศึกษาที่กำลังดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ดีมีการศึกษาหนึ่งที่กำลังรอการจำแนกประเภท หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2019

ผลลัพธ์ที่สำคัญ

หลักฐานที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยยังไม่สามารถตอบคำถามของผู้วิจัยได้ มีการศึกษาขนาดเล็ก 2 ฉบับ (ทารก 172 คน) ที่รายงานระยะเวลาการให้ออกซิเจนซึ่งเป็นผลลัพธ์หลักของการทบทวนนี้ แต่ผู้วิจัยยังไม่มั่นใจว่าการจำกัดสารน้ำจะลดหรือเพิ่มระยะเวลาในการรักษาหรือไม่, มีการศึกษา 3 ฉบับที่รายงานอุบัติการณ์ของการใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ผู้วิจัยยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการจำกัดสารน้ำและการให้สารน้ำตามปกติ, มีรายงานว่าระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสั้นลง 22 ชั่วโมงในทารกที่มีการจำกัดสารน้ำ อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้มาจากการศึกษาเพียงฉบับเดียว (ทารก 80 คน) ที่มีคุณภาพของระเบียบวิธีวิจัยต่ำและผู้วิจัยยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับข้อมูลนี้

ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน

ความน่าเชื่อถือของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำมากสำหรับการวิเคราะห์ทั้งหมด เนื่องจากมีการศึกษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ศึกษาวิธีการรักษานี้, มีจำนวนทารกเพียงไม่กี่คนที่รวมอยู่ในการศึกษา, และรูปแบบการศึกษาทั้งหมดสามารถวางแผนให้ดีกว่านี้ได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึงยังไม่มั่นใจว่าการจำกัดปริมาณสารน้ำจะมีผลดีต่อทารกที่มีภาวะ TTN หรือไม่

บทนำ

ภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิด (transient tachypnea of the newborn; TTN) เกิดจากการระบายของเหลวในปอดที่ล่าช้าหลังคลอด โดยทั่วไปมักมีอาการหายใจเร็วร่วมกับหายใจลำบาก และเกิดขึ้นภายในสองชั่วโมงแรกหลังคลอดในทารกคลอดครบกำหนดหรือก่อนกำหนดเล็กน้อย (late preterm) แม้ว่าภาวะนี้มักดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องการการรักษา แต่การย้ายทารกเข้าไปดูแลในหน่วยทารกแรกเกิดมักจำเป็นสำหรับการติดตามและให้การช่วยเหลือการหายใจอย่างใกล้ชิด การจำกัดปริมาณสารน้ำที่ให้กับทารกกลุ่มนี้ในวันแรกๆ อาจช่วยให้การระบายของเหลวในปอดดีขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยลดการออกแรงในการหายใจ, ลดอาการหายใจลำบาก, และอาจลดระยะเวลาที่หายใจเร็วได้

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการจำกัดปริมาณสารน้ำเมื่อเทียบกับการให้สารน้ำตามปกติ ในการลดระยะเวลาการให้ออกซิเจนและความจำเป็นที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบ noninvasive หรือ invasive ในทารกแรกเกิดที่มี TTN

วิธีการสืบค้น

ผู้วิจัยใช้วิธีการสืบค้นตามมาตรฐานของ Cochrane Neonatal เพื่อค้นหาใน Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL; 2019, Issue 12), ใน Cochrane Library; Ovid MEDLINE และการศึกษาที่เผยแพร่ออนไลน์, In-Process & Other Non-Indexed Citations, Daily and Versions(R); และ the Cumulative Index to Nursing and Allied Health Literatue (CINAHL) ในวันที่ 6 ธันวาคม 2019 นอกจากนี้ยังสืบค้นฐานข้อมูลการทดลองทางคลินิก และรายการอ้างอิงของบทความที่คัดเลือกเพื่อหาการทดลองแบบ randomized controlled trials และ quasi-randomized trials

เกณฑ์การคัดเลือก

ผู้วิจัยรวบรวมการทดลองแบบ randomized controlled trials (RCTs), quasi-RCTs, และ cluster trials ที่ศึกษาเกี่ยวกับการจำกัดสารน้ำในทารกแรกเกิดที่คลอดครบกำหนดหรือก่อนกำหนดที่มีภาวะ TTN หรือการปรับตัวช้าในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ในแต่ละการศึกษาที่ถูกคัดเลือก ผู้วิจัยสองคนได้ทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกันในการดึงข้อมูล (เช่น จำนวนผู้เข้าร่วม, น้ำหนักแรกเกิด, อายุครรภ์, ระยะเวลาที่ให้ออกซิเจน, ความต้องการที่ต้องใช้ความดันทางเดินหายใจเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง [continuous positive airway pressure; CPAP], ความจำเป็นที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ, ระยะเวลาในการใช้เครื่องช่วยหายใจ) และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ (เช่น ความเพียงพอในการสุ่มตัวอย่าง, การอำพราง, ความสมบูรณ์ของการติดตามผล) ผลลัพธ์หลักที่พิจารณาในการทบทวนนี้คือ ระยะเวลาในการให้ออกซิเจนเสริมในหน่วยชั่วโมงหรือวัน และประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานโดยวิธี GRADE

ผลการวิจัย

มีการศึกษา 4 ฉบับซึ่งมีทารก 317 คนที่เข้าเกณฑ์การคัดเลือก มี 3 การศึกษาที่รวมเอาทารกคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อยและทารกคลอดครบกำหนดที่มี TTN และอีกหนึ่งการศึกษาที่รวมเอาเฉพาะทารกคลอดครบกำหนดที่มี TTN, การศึกษาเหล่านี้มีความหลากหลายของวิธีการช่วยหายใจทารกในช่วงเริ่มคัดเข้าสู่การศึกษา เช่น หายใจอากาศปกติ, ให้ออกซิเจน หรือให้ CPAP ทางจมูก, ทารกในกลุ่มจำกัดสารน้ำจะได้รับสารน้ำน้อยกว่ากลุ่มควบคุม 15-20 มล./กก./วัน แต่ด้วยระยะเวลาที่แตกต่างกันไปตามแต่ละการศึกษา มีการศึกษา 2 ฉบับที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมี selection bias และ 3 ใน 4 มีความเสี่ยงสูงที่จะมี performance bias มีเพียงการศึกษาเดียวเท่านั้นที่มีความเสี่ยงต่ำใน detection bias ส่วนอีก 2 ฉบับมีความเสี่ยงสูงและอีกหนึ่งฉบับมีความเสี่ยงที่ไม่ชัดเจน

ความน่าเชื่อถือของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำมากเนื่องจากความไม่แม่นยำของผลลัพธ์และความเสี่ยงในการเกิดอคติที่ยังไม่ชัดเจน มีเพียง 2 การศึกษาที่รายงานผลลัพธ์หลักเกี่ยวกับระยะเวลาที่ให้ออกซิเจนเสริม ผู้วิจัยจึงยังไม่แน่ใจว่าการจำกัดสารน้ำจะลดหรือเพิ่มระยะเวลาที่ให้ออกซิเจนเสริม (mean difference [MD] -12.95 ชั่วโมง, 95% confidence interval [CI] -32.82 ถึง 6.92; I² = 98%; ทารก 172 คน) ในทำนองเดียวกัน ยังมีความไม่แน่นอนสำหรับผลลัพธ์รองต่างๆ ได้แก่ ภาวะโซเดียมในเลือดสูง (โซเดียมในเลือด > 145 mEq/L, risk ratio [RR] 4.0, 95% CI 0.46 ถึง 34.54; ไม่สามารถทดสอบ heterogeneity ได้; 1 การศึกษา, ทารก 100 คน), ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (ระดับน้ำตาลในเลือด < 40 mg/dL, RR 1.0, 95% CI 0.15 ถึง 6.82; ไม่สามารถทดสอบ heterogeneity ได้; 2 การศึกษา, ทารก 164 คน), การช่วยหายใจทางท่อช่วยหายใจ (RR 0.73, 95% CI 0.24 ถึง 2.23; I² = 0%; 3 การศึกษา,ทารก 242 คน), ความจำเป็นที่ต้องช่วยหายใจแบบ noninvasive (RR 0.40, 95% CI 0.14 ถึง 1.17; ไม่สามารถทดสอบ heterogeneity ได้; 2 การศึกษา, ทารก 150 คน), ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล (MD -0.92 วัน, 95% CI -1.53 ถึง -0.31; ไม่สามารถทดสอบ heterogeneity ได้; 1 การศึกษา, ทารก 80 คน), และน้ำหนักที่ลดลงสะสมที่อายุ 72 ชั่วโมง (%) (MD 0.24, 95% CI -1.60 ถึง 2.08; I² = 89%; 2 การศึกษา,ทารก 156 คน) ผู้วิจัยไม่พบการทดลองที่กำลังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ตามยังมีหนึ่งการศึกษาที่กำลังรอการจำแนกประเภท

ข้อสรุปของผู้วิจัย

ผู้วิจัยพบหลักฐานจำนวนน้อยที่ศึกษาข้อดีข้อเสียของการจำกัดปริมาณสารน้ำในภาวะ TTN และจากหลักฐานเท่าที่มี่ซึ่งมีความน่าเชื่อถือต่ำมาก ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการจำกัดสารน้ำนั้นปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพในภาวะ TTN หรือไม่ อย่างไรก็ดี ด้วยความเรียบง่ายของวิธีการรักษา จึงควรมีการทดลองที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อศึกษาผลลัพธ์นี้

บันทึกการแปล

ผู้แปล นพ.จักรพงศ์ รู้ปิติวิริยะ แปลเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2021

การอ้างอิง
Gupta N, Bruschettini M, Chawla D. Fluid restriction in the management of transient tachypnea of the newborn. Cochrane Database of Systematic Reviews 2021, Issue 2. Art. No.: CD011466. DOI: 10.1002/14651858.CD011466.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า