การใช้ clonidine กทาผิวหนังสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดประสาทเรื้อรัง

ใจความสำคัญ

เราไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดในการสนับสนุนการใช้ clonidine กับผิวหนังสำหรับอาการปวดประสาทจากโรคเบาหวาน เราไม่พบหลักฐานสำหรับอาการปวดเรื้อรังอื่นๆ

เราทำอะไร

เพื่อค้นหาว่า clonidine ใช้ทาผิวหนัง (clonidine เฉพาะที่) ได้ผลในผู้ที่มีอาการปวดประสาท เราได้ค้นหาฐานข้อมูลทางการแพทย์และข้อมูลอ้างอิงของเอกสารที่ดึงมาและการลงทะเบียนหรือการทดลองทางคลินิก เรายังติดต่อผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ด้วย ผู้ทบทวน 2 คนคัดกรองข้อมูลอ้างอิงสำหรับคุณสมบัติที่เหมาะสม ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของอคติอย่างอิสระ ในกรณีที่จำเป็น เราได้ติดต่อผู้ทำการทดลองเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 4 ฉบับ เพื่อนำเข้าในการทบทวนวรรณกรรม การศึกษากินเวลา 8 สัปดาห์ถึง 85 วัน และรวมผู้เข้าร่วมทั้งหมด 743 คนที่มีอาการปวดประสาทจากเบาหวาน ใช้ clonidine (0.1% หรือ 0.2%) ในรูปแบบเจลทาบริเวณที่เจ็บปวด 2-3 ครั้งต่อวัน เปรียบเทียบกับยาหลอก (การรักษาหลอก) ในการศึกษา 3 ฉบับและเปรียบเทียบกับ capsaicin ทาผิวหนังในการศึกษา 1 ฉบับ

ข้อจำกัดในการดำเนินการและการรายงานการศึกษาและหลักฐานจำนวนเล็กน้อยที่มีอยู่หมายความว่าความเชื่อมั่นในผลลัพธ์ของเรามีจำกัด หลักฐานแสดงให้เห็นว่าในผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดประสาทจากเบาหวาน ยาโคลนิดีนชนิดทาเฉพาะที่อาจช่วยบรรเทาอาการปวดในบางคนได้ อย่างไรก็ตาม ยาโคลนิดีนเฉพาะที่ไม่ได้ดีไปกว่ายาหลอกสำหรับผลลัพธ์อื่นๆ ของเรา เราไม่พบหลักฐานของความแตกต่างระหว่างการใช้โคลนิดีนเฉพาะที่และแคปไซซินทาผิวหนังในอาการปวดประสาทจากเบาหวาน ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกไม่เพียงพอที่จะตัดสินเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวของ clonidine ที่ใช้กับผิวหนัง อย่างไรก็ตาม เราพบว่าระหว่างการรักษา 8 ถึง 12 สัปดาห์ ไม่มีหลักฐานว่าจำนวนผลข้างเคียงระหว่างกลุ่มศึกษาแตกต่างกัน เรายังไม่ทราบจากการทดลองที่รวมว่า clonidine มีผลอย่างไรในภาวะปวดประสาทเรื้อรังอื่นๆ

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

การทบทวนนี้เป็นปัจจุบันจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2021

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

นี่เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ในปี 2015 ซึ่งข้อสรุปของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยาโคลนิดีน (Clonidine) เฉพาะที่อาจให้ประโยชน์บางอย่างกับผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดประสาทจากโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมาก จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประเมิน TC สำหรับอาการปวดประสาทจากสาเหตุอื่นๆ และเพื่อพิจารณาว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะคาดการณ์ว่าใครหรือกลุ่มคนที่จะได้รับประโยชน์จาก TC

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โคลนิดีนเป็นพรีไซแนปติกอัลฟ่า-2-อะดรีเนอร์จิก รีเซพเตอร์ อะโกนิสต์ที่มีการใช้เป็นเวลาหลายปีในการรักษาความดันโลหิตสูงและอาการอื่นๆ รวมถึงอาการปวดเรื้อรัง อาการไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาโดยการให้เข้าสู่ร่างกายทำให้มีข้อจำกัดในการใช้ การใช้ยาเฉพาะที่ได้รับความสนใจตั้งแต่ต้นศตวรรษ เนื่องจากอาจจำกัดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการระงับปวด สูตรยาเฉพาะที่ของ clonidine (TC) ได้รับการตรวจสอบมาเกือบ 20 ปีในการทดลองทางคลินิก นี่คือการปรับปรุงของ Cochrane Review ดั้งเดิมที่เผยแพร่ในฉบับที่ 8, ปี 2015

วัตถุประสงค์: 

วัตถุประสงค์ของการทบทวนนี้คือเพื่อประเมินประสิทธิภาพยาแก้ปวดและความปลอดภัยของ TC เปรียบเทียบกับยาหลอกหรือยาอื่นๆ ในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีอาการปวดประสาทเรื้อรัง

วิธีการสืบค้น: 

สำหรับการอัปเดตนี้ เราได้ค้นหาฐานข้อมูล Cochrane Register of Studies Online (CRSO), MEDLINE (Ovid) และ Embase (Ovid) และรายการอ้างอิงของเอกสารที่ดึงมาและทะเบียนการทดลอง เรายังติดต่อผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ด้วย การค้นหาครั้งล่าสุดดำเนินการเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2021

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการศึกษาแบบ double-blind แบบสุ่มที่มีระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์โดยเปรียบเทียบ TC กับยาหลอกหรือการรักษาด้วยยาอื่นๆ ในผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดประสาทเรื้อรัง

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนคัดกรองข้อมูลอ้างอิงสำหรับคุณสมบัติที่เหมาะสม ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของอคติอย่างอิสระ ความเห็นที่ไม่ตรงกันจะถูกแก้ไขโดยการสนทนาหรือโดยการปรึกษาผู้ประพันธ์การทบทวนคนที่สาม ในกรณีที่จำเป็น เราได้ติดต่อผู้เขียนการศึกษาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

เรานำเสนอค่าประมาณแบบรวมผลการศึกษา สำหรับผลลัพธ์แบบมี 2 ทางเลือก ด้วยอัตราส่วนความเสี่ยง (RR) ที่มีช่วงความเชื่อมั่น 95% (CIs) และผลลัพธ์ต่อเนื่องเป็นความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ย (MD) กับค่า P เราใช้ซอฟต์แวร์เว็บ Review Manager เพื่อทำการวิเคราะห์เมตต้า เราใช้แบบจำลองผลกระทบคงที่หากเราพิจารณาว่าความแตกต่างกันไม่สำคัญ มิฉะนั้น เราใช้ random‐effects model

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนคือ: ผู้เข้าร่วมรายงานอาการปวดบรรเทา 50% หรือมากกว่า; ผู้เข้าร่วมรายงานอาการปวดบรรเทา 30% หรือมากกว่า; ดีขึ้นมากหรือมากที่สุดวัดโดยใช้ Patient Global Impression of Change scale (PGIC); และดีขึ้นมากที่สุดใน PGIC ผลลัพธ์รองได้แก่การถอนตัวเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ผู้เข้าร่วมประสบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อย 1 ครั้ง และการถอนตัวเนื่องจากขาดประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ทั้งหมดถูกวัดในช่วงเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด

เราประเมินความแน่นอนของหลักฐานโดยใช้ GRADE และสร้างตารางสรุปผลการวิจัย

ผลการวิจัย: 

เรารวมการศึกษา 4 ฉบับ ในการทบทวนนี้ (การศึกษาใหม่ 2 ฉบับ ในการปรับปรุงนี้) โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 743 คนที่มีอาการปวดประสาทจากเบาหวาน (PDN) TC (0.1% หรือ 0.2%) ถูกนำไปใช้ในรูปแบบเจลกับบริเวณที่เจ็บปวด 2 ถึง 3 ครั้งต่อวัน ขั้นตอนการรักษาแบบปกปิดทั้งสองด้านของการศึกษาสามเรื่องกินเวลา 8 สัปดาห์ถึง 85 วัน และเปรียบเทียบ TC กับยาหลอก ในการศึกษาที่ 4 ระยะการรักษาแบบ double-blind กินเวลา 12 สัปดาห์และเปรียบเทียบ TC กับ capsaicin เฉพาะที่ เราประเมินการศึกษาว่ามีความไม่ชัดเจนหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติสำหรับโดเมนส่วนใหญ่ การศึกษาทั้งหมดมีความไม่ชัดเจนเรื่องความเสี่ยงของการมีอคติในการปกปิดการจัดกลุ่มและการประเมินผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน การศึกษา 1 ฉบับ มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติในการปิดบังผู้เข้าร่วมและบุคลากร การศึกษา 2 ฉบับ มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติจากการลดจำนวนของผู้เข้าร่วม และการศึกษาสามชิ้นมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติเนื่องจากความกังวลด้านเงินทุนวิจัย เราตัดสินความเชื่อมั่นของหลักฐาน (GRADE) ให้อยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำมาก ปรับลดสำหรับข้อจำกัดในการศึกษา ความไม่ชัดเจนของผลลัพธ์ และอคติในการตีพิมพ์เผยแพร่

TC เทียบกับยาหลอก

ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในจำนวนผู้เข้าร่วมที่มีอาการปวดลดลง 50% หรือมากกว่าที่รายงานโดยผู้เข้าร่วม ในช่วงระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด (12 สัปดาห์) ระหว่างกลุ่ม (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.21 ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.78 ถึง 1.86 ผู้เข้าร่วม 179 คน การศึกษา 1 ฉบับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เข้าร่วมที่มีการบรรเทาอาการปวดร้อยละ 30 หรือมากกว่าตามรายงานของผู้เข้าร่วม ในช่วงระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด (8 ถึง 12 สัปดาห์) ในกลุ่ม TC นั้นสูงกว่าเมื่อเทียบกับยาหลอก (RR 1.35, 95% CI 1.03 ถึง 1.77; 344 ผู้เข้าร่วมการศึกษา 2 ฉบับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) จำนวนคนที่จำเป็นต้องให้การรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม 1 คน (NNTB) สำหรับการเปรียบเทียบนี้คือ 8.33 (95% CI 4.3 ถึง 50.0) นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่มสำหรับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างมากหรือมากใน PGIC ในช่วงระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด (12 สัปดาห์) หรือการดีขึ้นอย่างมากของ PGIC ในช่วงระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด (12 สัปดาห์) ( RR 1.06, 95% CI 0.76 ถึง 1.49 และ RR 1.82, 95% CI 0.89 ถึง 3.72 ตามลำดับ ผู้เข้าร่วม 179 คน การศึกษา 1 ฉบับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่พบหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่มในการถอนตัวเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์และการถอนตัวเนื่องจากยาขาดประสิทธิภาพในช่วงระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด (12 สัปดาห์) (RR 0.34, 95% CI 0.04 ถึง 3.18 และ RR 1.01, 95% CI 0.06 ถึง 15.92 ตามลำดับ ผู้เข้าร่วม 179 คน การศึกษา 1 ฉบับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และจำนวนผู้เข้าร่วมที่ประสบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงติดตามผลที่ยาวที่สุด (12 สัปดาห์) (RR 0.65, 95% CI 0.14 ถึง 3.05; ผู้เข้าร่วม 344 คน; การศึกษา 2 ฉบับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

TC เทียบกับตัวยาอื่นที่ใช้งานอยู่

ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในจำนวนผู้เข้าร่วมที่มีการบรรเทาอาการปวดที่รายงานโดยผู้เข้าร่วม 50% หรือมากกว่าในช่วงระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด (12 สัปดาห์) ระหว่างกลุ่ม (RR 1.41, 95% CI 0.99 ถึง 2.0; ผู้เข้าร่วม 139 คน; การศึกษา 1 ฉบับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่มีการรายงานผลลัพธ์อื่น ๆ

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 18 พฤศจิกายน 2022

Tools
Information