Montreal Cognitive Assessment สำหรับการตรวจหาภาวะสมองเสื่อม

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

เราตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับความถูกต้องของการทดสอบ Montreal Cognitive Assessment (MoCA) สำหรับการตรวจหาภาวะสมองเสื่อม

ความเป็นมา

ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะปกติในผู้สูงอายุ โดยอย่างน้อย 7% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีในสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบ และจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ เราต้องการค้นหาว่าการใช้การทดสอบความรู้ความเข้าใจที่มีชื่อเสียงอย่าง MoCA สามารถตรวจหาภาวะสมองเสื่อมได้อย่างแม่นยำหรือไม่ เมื่อเทียบกับการทดสอบวินิจฉัยมาตรฐาน MoCA ใช้ชุดคำถามเพื่อทดสอบการทำงานทางจิตในด้านต่างๆ

ลักษณะของการศึกษา

หลักฐานที่เราตรวจสอบนั้นเป็นข้อมูลล่าสุดจนถึงเดือนสิงหาคม 2012 เราพบ 7 การศึกษาที่ตรงกับเกณฑ์ของเรา มี 3 การศึกษาจากคลินิกความจำ(คลินิกผู้เชี่ยวชาญที่ผู้ป่วยสงสัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อมถูกส่งต่อมา), 2 การศึกษาจากคลินิกโรงพยาบาลทั่วไป ไม่มีการศึกษาจากการดูแลระดับปฐมภูมิ และ 2 การศึกษาที่ดำเนินการในประชากรทั่วไป การศึกษาทั้งหมดรวมผู้สูงอายุ โดยอายุเฉลี่ยที่น้อยที่สุดคือ 61 ปีใน 1 การศึกษา มีคนทั้งหมด 9422 คนรวมอยู่ใน 7 การศึกษาทั้งหมด แม้ว่าจะมีเพียง 1 การศึกษาที่มีมากกว่า 350 คน

สัดส่วนของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมอยู่ที่ 5% ถึง 10% ใน 2 การศึกษาจากประชากร และ 22% ถึง 54% ใน 5 การศึกษาในคลินิก มีวิธีการดำเนินการศึกษาที่แตกต่างกันมาก: ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะนำเสนอผลลัพธ์ในการสรุปแบบบรรยายเพราะสรุปทางสถิติ (รวมการประมาณการทั้งหมดเป็นสรุปความไวและความจำเพาะ) จะไม่มีความหมาย

ผลลัพธ์สำคัญ

เราพบว่า MoCA ดีในการตรวจหาภาวะสมองเสื่อมเมื่อใช้คะแนนตัดที่น้อยกว่า 26 ในการศึกษาที่ใช้จุดตัดนี้ เราพบว่าการทดสอบตรวจพบผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมได้อย่างถูกต้องกว่า 94% ในทุกสภาพแวดล้อม ในทางกลับกัน การทดสอบยังทำให้เกิดผลบวกลวงในสัดส่วนสูง นั่นคือคนที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม แต่มีผลตรวจเป็นบวกที่ระดับ "น้อยกว่า 26" ในการศึกษาที่เราตรวจสอบ กว่า 40% ของผู้ที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อมจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อมอย่างไม่ถูกต้องโดยใช้ MoCA

บทสรุป

คุณภาพโดยรวมของการศึกษาไม่ดีพอที่จะให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ MoCA เพื่อตรวจหาภาวะสมองเสื่อมในสถานพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีการศึกษาใดที่พิจารณาว่า MoCA มีประโยชน์เพียงใดสำหรับการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมในสถานบริการปฐมภูมิ มีแนวโน้มว่าเกณฑ์ MoCA ที่ต่ำกว่า 26 จะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับความแม่นยำในการวินิจฉัยที่เหมาะสมที่สุดในภาวะสมองเสื่อม แม้ว่าสิ่งนี้จะต้องมีการยืนยันที่กว้างขึ้น

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

คุณภาพและปริมาณข้อมูลโดยรวมไม่เพียงพอที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับประโยชน์ทางคลินิกของ MoCA ในการตรวจหาภาวะสมองเสื่อมในสภาพแวดล้อมต่างๆ การศึกษาเพิ่มเติมที่ไม่คัดเลือกผู้เข้าร่วมตามการวินิจฉัยที่มีอยู่แล้ว (case-control design) แต่ต้องใช้การทดสอบวินิจฉัยและมาตรฐานอ้างอิงแบบไปข้างหน้า ความชัดเจนของระเบียบวิธีสามารถปรับปรุงได้ในการศึกษา DTA ของ MoCA ในภายหลังโดยการรายงานผลการวิจัยโดยใช้แนวทางที่แนะนำ (เช่น STARDdem) เกณฑ์ที่ต่ำกว่า 26 มีแนวโน้มที่จะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับความแม่นยำในการวินิจฉัยที่ดีที่สุดของ MoCA ในภาวะสมองเสื่อม แต่ต้องได้รับการยืนยันในการศึกษาเพิ่มเติม

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ภาวะสมองเสื่อมเป็นโรคที่ความบกพร่องทางสติปัญญาโดยรวมอย่างต่อเนื่องโดยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการดูแลทางสังคมที่สำคัญ ความชุกทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่ทรัพยากรจำกัด การเปลี่ยนแปลงนโยบายเมื่อเร็ว ๆ นี้ในประเทศตะวันตกเพื่อเพิ่มการตรวจหา ทำให้ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องในการวินิจฉัยของการทดสอบทางประสาทวิทยาสำหรับภาวะสมองเสื่อมอย่างรอบคอบ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของ Montreal Cognitive Assessment (MoCA) สำหรับการตรวจหาภาวะสมองเสื่อม

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาฐานข้อมูล MEDLINE, EMBASE, BIOSIS Previews, Science Citation Index, PsycINFO และ LILACS จนถึงเดือนสิงหาคม 2012 นอกจากนี้ เราค้นหาแหล่งข้อมูลเฉพาะทางที่มีการศึกษาการวินิจฉัยและการทบทวน รวมถึง MEDION (Meta-analyses van Diagnostisch Onderzoek), DARE (Database of Abstracts of Reviews of Effects), HTA (Health Technology Assessment Database), ARIF (Aggressive Research Intelligence Facility) และฐานข้อมูล C-EBLM (International Federation of Clinical Chemistry and Laboratory Medicine Committee for Evidence-based Laboratory Medicine) นอกจากนี้เรายังค้นหา ALOIS (Cochrane Dementia and Cognitive Improvement Group ทะเบียนเฉพาะด้านการศึกษาการวินิจฉัยและการรักษา) เราพบการศึกษาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากคุณลักษณะ 'บทความที่เกี่ยวข้อง' ของ PubMed และโดยการติดตามการศึกษาที่สำคัญใน Science Citation Index and Scopus นอกจากนี้เรายังค้นหา grey literature ที่เกี่ยวข้องจาก Web of Science Core Collection รวมถึง Science Citation Index และ Conference Proceedings Citation Index (Thomson Reuters Web of Science) วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก และติดต่อกับนักวิจัยที่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

เกณฑ์การคัดเลือก: 

ค้นหาการออกแบบ cross-sectional ที่คัดเลือกผู้เข้าร่วมทั้งหมดจากกลุ่มตัวอย่างเดียวกัน ไม่รวม case control study เนื่องจากมีโอกาสเกิดอคติสูง เราค้นหาการศึกษาจากคลินิกความจำ คลินิกโรงพยาบาล การดูแลเบื้องต้น และประชากรในชุมชน เราไม่รวมการศึกษาเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมในระยะเริ่มแรก ภาวะสมองเสื่อมจากสาเหตุรอง หรือการศึกษาที่คัดเลือกผู้เข้าร่วมโดยพิจารณาจากประเภทโรคเฉพาะ เช่น โรคพาร์กินสันหรือสภาพแวดล้อมเฉพาะ เช่นบ้านพักคนชรา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราคัดลอกความชุกของการศึกษาภาวะสมองเสื่อม และผลการทดสอบเชิงบวก/ผลการทดสอบเชิงลบแบบแบ่งขั้วโดยใช้เกณฑ์ที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อม ในการนี้ทำให้สามารถคำนวณความไวและความจำเพาะหากยังไม่ได้รายงานในการศึกษา ผู้ประพันธ์การศึกษาได้รับการติดต่อเมื่อมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะทำให้ตาราง 2x2 สมบูรณ์ เราทำการประเมินคุณภาพตามเกณฑ์ QUADAS-2

ความแตกต่างในระเบียบวิธีวิจัยในการศึกษาที่เลือกได้ขัดขวาง quantitative meta-analysis ดังนั้นผลลัพธ์จากการศึกษาแต่ละชิ้นจึงถูกนำเสนอด้วยการสังเคราะห์เชิงบรรยาย

ผลการวิจัย: 

มีการเลือก 7 การศึกษา: 3 การศึกษาในคลินิกความจำ, 2 การศึกษาในคลินิกของโรงพยาบาล ไม่มีการศึกษาในระดับปฐมภูมิ และ 2 การศึกษาในกลุ่มตัวอย่างจากประชากร มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 9422 คน แต่การศึกษาส่วนใหญ่คัดเลือกเพียงตัวอย่างเล็กๆ โดยมีเพียงการศึกษาเดียวที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 350 คน ความชุกของภาวะสมองเสื่อมอยู่ที่ 22% ถึง 54% ในการศึกษาตามคลินิก และ 5% ถึง 10% ในตัวอย่างประชากร ใน 4 การศึกษาที่ใช้คะแนนเกณฑ์ที่แนะนำเท่ากับ 26 หรือมากกว่าซึ่งบ่งชี้ถึงการรับรู้ตามปกติ MoCA มีความไวสูงที่ 0.94 หรือมากกว่า แต่ความจำเพาะต่ำที่ 0.60 หรือน้อยกว่า

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 21 กรกฎาคม 2021

Tools
Information