บริการช่วยเหลือผู้ที่ต้องดูแลหรือให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง

ผู้ดูแลหรือให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตาม การดูแลหรือช่วยเหลือสนับสนุนผู้ที่รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ดูแลหลักได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและนักสังคมสงเคราะห์ ผู้กำหนดนโยบาย และที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้ดูแลผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองต้องตระหนักว่าบริการการช่วยเหลือด้านการศึกษาอบรม สถานที่จัดการดูแลผู้ป่วยแบบชั่วคราวระยะสั้น หรือบริการประเภทอื่นๆ ใดที่อาจช่วยผู้ดูแลได้ จากผลการทบทวนวรรณนี้ ซึ่งประกอบด้วยการศึกษาวิจัย 8 ฉบับ ที่มีผู้เข้าร่วมการทดลอง 1007 คน ปัจจุบันยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เราพิจารณาว่าบริการใดเป็นบริการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ดูแลอย่างไม่เป็นทางการของผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการศึกษาอีก 11 ฉบับที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งอาจช่วยให้เราค้นพบว่าวิธีการอะไรที่ดีที่สุด

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ในการทบทวนนี้ไม่สามารถดำเนินการวิเคราะห์เมตาของงานวิจัย RCTs ได้เนื่องจากมีความแตกต่างของระเบียบวิธี ลักษณะทางคลินิก และสถิติ ข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่พบในการศึกษาทั้งหมดคือไม่มีคำอธิบายลักษณะสำคัญของผู้ดูแลที่ไม่เป็นทางการ อย่างไรก็ตาม การจัดการฝึกอบรมอาชีพให้ผู้ดูแลก่อนที่ผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองจะออกจากโรงพยาบาลเป็นวิธีการช่วยเหลือที่มีแนวโน้มเกิดประโยชน์มากที่สุด แต่ข้อสรุปนี้ได้จากผลลัพธ์ของการศึกษาขนาดเล็กที่ทดลองเพียงแห่งเดียว

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ผู้ดูแลที่ไม่เป็นทางการมีส่วนสำคัญในการดูแลผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตาม การให้การดูแลดังกล่าวมักเป็นประสบการณ์ใหม่และท้าทาย และมีความเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์หลายประการ วิธีการช่วยเหลือที่หลากหลายซึ่งมุ่งเป้าไปยังผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและครอบครัวหรือผู้ดูแลที่ไม่เป็นทางการคนอื่นๆ ได้รับการทดสอบในการวิจัยแบบการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs)

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของวิธีการช่วยเหลือที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ดูแลอย่างไม่เป็นทางการของผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง หรือทั้งผู้ดูแลที่ไม่เป็นทางการและผู้ที่ได้รับการดูแล (ผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง)

วิธีการสืบค้น: 

เราสืบค้นข้อมูลจากฐาน Cochrane Stroke Group Trials Register (มีนาคม 2011), CENTRAL (The Cochrane Library Issue 2010, Issue 4), MEDLINE (1950 ถึง สิงหาคม 2010), EMBASE (1980 ถึง ธันวาคม 2010), CINAHL (1982 ถึง สิงหาคม 2010), AMED (1985 ถึง สิงหาคม 2010), PsycINFO (1967 ถึง สิงหาคม 2010) และฐานข้อมูลอื่นๆ อีก 11 ฐาน ในการพยายามค้นหาการศึกษาที่ตีพิมพ์ ไม่ได้ตีพิมพ์ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติม เราได้สืบค้นรายงานการประชุมและการลงทะเบียนงานวิจัยทางคลินิก ตรวจสอบรายการอ้างอิงของบทความที่เกี่ยวข้อง และติดต่อผู้ประพันธ์และนักวิจัย ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ไม่ได้จำกัดภาษา

เกณฑ์การคัดเลือก: 

โดยเราได้รวบรวมงานวิจัยแบบ RCTs หากเป็นงานที่มีการประเมินผลของวิธีการช่วยเหลือแบบไม่ใช้ยา (เปรียบเทียบกับการไม่ได้ดูแลหรือการดูแลตามปกติ) ต่อผู้ดูแลอย่างไม่เป็นทางการของผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง งานวิจัยแบบ RCTs ที่มีทดลองวิธีการช่วยเหลือทั้งในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลที่ไม่เป็นทางการได้ถูกคัดเข้าเฉพาะกรณีที่ผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลที่ไม่เป็นทางการได้รับการสุ่มเป็นคู่ การศึกษาในกลุ่มที่มีทั้งผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลจะถูกคัดออกหากผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของวิธีการช่วยเหลือนั้นๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้วิจัย 2 คนที่ทำหน้าที่ในการทบทวนงานวิจัยเพื่อคัดเลือกงานวิจัยที่ผ่านเกณฑ์ รวบรวมข้อมูล และประเมินคุณภาพของวิธีการศึกษาทดลองอย่างเป็นอิสระต่อกัน โดยค้นหาข้อมูลดั้งเดิมจากผู้วิจัยทดลอง วิธีการช่วยเหลือถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การสนับสนุนและการให้ข้อมูล การให้ความรู้แบบเป็นขั้นตอนหรือการฝึกอบรม และการให้สุขภาพจิตศึกษา ผลลัพธ์หลักในการทบทวนวรรณกรรมครั้งนี้คือความเครียดหรือความเคร่งเครียดของผู้ดูแล เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน เราแก้ไขโดยใช้หลักฉันทามติ

ผลการวิจัย: 

การศึกษา 8 ฉบับ ซึ่งรวมกลุ่มตัวอย่างเป็นทั้งหมด 1007 คน ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ผลลัพธ์ของการศึกษาทั้งหมดไม่ได้ถูกนำมารวมกันเนื่องจากแต่ละงานวิจัยมีความแตกต่างกันในระเบียบวิธีวิจัย สถิติ และลักษณะทางคลินิก สำหรับความเครียดหรือความเคร่งเครียดของผู้ดูแล การศึกษานี้ไม่พบผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญในแต่ละประเภทของวิธีการช่วยเหลือ ยกเว้นในการศึกษาเรื่องหนึ่งซึ่งได้ทดลองในสถานที่เดียวที่มีผลการทดลองพบว่า เมื่อสิ้นสุดการติดตามตามแผนที่กำหนด วิธีการช่วยเหลือโดย 'การฝึกอบรมอาชีพ' มีความแตกต่างของค่าเฉลี่ยความเครียดระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบที่ -8.67 (ช่วงความเชื่อมั่น 95% -11.30 ถึง -6.04, P < 0.001) ซึ่งสนับสนุนวิธีการช่วยเหลือประเภท "การให้ความรู้แบบเป็นขั้นตอน"

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 5 มกราคม 2023

Tools
Information