สูตรผสม antihistamine-decongestant-analgesic แบบรับประทานสำหรับโรคไข้หวัด

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

สูตรผสมที่ประกอบด้วย antihistamines (AH), Decongestants (DC) และ/หรือ analgesics (AN) ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ มีประสิทธิผลในการรักษาอาการไข้หวัดหรือไม่

ความเป็นมา

โดยเฉลี่ยแล้ว เด็กเล็กมีอาการหวัด 6-8 ครั้งต่อปี และผู้ใหญ่มี 2-4 ครั้ง โรคไข้หวัดเกิดจากไวรัส และอาการต่างๆ ได้แก่ เจ็บคอ คัดจมูกและมีน้ำมูกไหล จาม และไอ โรคไข้หวัดมักจะหายได้เองภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม มันส่งผลกระทบอย่างมากต่อเวลาทำงานหรือเรียน

เนื่องจากไม่มีวิธีรักษาโรคไข้หวัด จึงมีการรักษาตามอาการเท่านั้น จำเป็นต้องมีการรักษาหลายอย่างเพื่อจัดการอาการต่างๆ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงถูกรวมไว้ในเม็ดเดียว ได้แก่ antihistamines แก้อาการจาม ไอ และน้ำมูกไหล decongestants แก้อาการคัดจมูก; และ analgesics แก้เจ็บคอ

วันที่สืบค้น

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2021

ลักษณะของการศึกษา

ผู้เข้าร่วมการศึกษาคือผู้ใหญ่หรือเด็กที่เป็นไข้หวัด ผลของสูตรผสม 4 อย่าง (AH + DC; AH + AN; AN + DC; AH + AN + DC) ถูกนำมาเปรียบเทียบกับผลของยาหลอก (การรักษาหลอก) (24 การทดลอง) หรือสารออกฤทธิ์ (6 การทดลอง) ผลที่เป็นประโยชน์หมายถึงการลดความรุนแรงหรือระยะเวลาของอาการโดยรวมหรืออาการเฉพาะ เช่น อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หรือจาม นอกจากนี้เรายังตรวจสอบด้วยว่าผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับการรักษาแบบสูตรผสมมากกว่ายาหลอกหรือไม่

แหล่งเงินทุนสนับสนุนการศึกษา

มีเพียง 3 การศึกษาที่รายงานการใช้เงินทุนอิสระ

ผลลัพธ์สำคัญ

เราพบ 3 การทดลองใหม่ (ผู้เข้าร่วม 1038 คน) ในการปรับปรุงปี 2021 นี้ ทำให้จำนวนการทดลองที่รวมทั้งหมดเป็น 30 (ผู้เข้าร่วม 6304 คน) หลักฐานแสดงให้เห็นว่าสูตรผสมทั้งหมดมีผลดีต่ออาการโดยรวมของโรคไข้หวัดในผู้ใหญ่และเด็กโต ไม่มีผลในเด็กเล็ก สูตรผสมของ AH + DC และ DC + AN ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่ายาหลอก อย่างไรก็ตาม ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มในผลข้างเคียงสำหรับสูตรผสมอื่นๆ ในปี 2005 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารสำหรับใช้ทางจมูกที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมี phenylpropanolamine

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

30 การศึกษาที่รวบรวมเข้า แตกต่างกันเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ ผู้เข้าร่วมที่รวม การรักษาที่ใช้ และวิธีวัดผล มักมีข้อมูลไม่เพียงพอในการทดลองที่จะตัดสินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราพบว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของยาสูตรผสม antihistamine-analgesic-decongestant สำหรับโรคไข้หวัด จากข้อมูลที่หายากเหล่านี้ ผลต่ออาการของแต่ละบุคคลอาจน้อยเกินไปที่จะมีความหมายทางคลินิก หลักฐานปัจจุบันชี้ให้เห็นว่ายาสูตรผสม antihistamine-analgesic-decongestant มีประโยชน์โดยทั่วไปในผู้ใหญ่และเด็กโต ต้องชั่งน้ำหนักประโยชน์เหล่านี้เทียบกับความเสี่ยงของผลข้างเคียง ไม่มีหลักฐานประสิทธิผลในเด็กเล็ก ในปี 2005 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารสำหรับใช้ทางจมูกที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมี phenylpropanolamine

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

แม้ว่าสูตรผสมที่ประกอบด้วย antihistamine-decongestant-and/or analgesic จะมีจำหน่ายที่เคาน์เตอร์ในปริมาณมากสำหรับโรคไข้หวัด หลักฐานสำหรับประสิทธิผลของยาเหล่านี้มีจำกัด นี่คือการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งแรก ในปี 2012

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิผลของยาสูตรผสม antihistamine-decongestant-analgesic เทียบกับยาหลอกหรือยากลุ่มควบคุมออกฤทธิ์อื่นๆ (ยกเว้นยาปฏิชีวนะ) ในการลดระยะเวลาของอาการและบรรเทาอาการ (ความรู้สึกทั่วไปของการเจ็บป่วย คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และไอ) ในเด็กและ ผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัด

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE ผ่าน EBSCOhost, Embase, CINAHL ผ่าน EBSCOhost, LILACS และ Web of Science จนถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2021 เราค้นหา WHO ICTRP และ ClinicalTrials.gov เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2021

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมซึ่งตรวจสอบประสิทธิผลของการใช้สูตรผสม antihistamine-decongestant-analgesic เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก การรักษาแบบออกฤทธิ์อื่นๆ (ยกเว้นยาปฏิชีวนะ) หรือการไม่มีการรักษาในเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ขั้นตอนวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane คาดหวัง เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้แนวทาง GRADE เราจัดการทดลองที่รวมไว้ตามส่วนผสมที่ออกฤทธิ์

ผลการวิจัย: 

เราพบ 30 การศึกษา (ผู้เข้าร่วม 6304 คน) รวมการเปรียบเทียบการรักษา 31 รายการ วิธีการในกลุ่มควบคุมคือยาหลอกใน 26 การทดลอง และสารออกฤทธิ์ (paracetamol, chlorphenindione + phenylpropanolamine + belladonna, diphenhydramine) ใน 6 การทดลอง (2 การทดลอง มีกลุ่มยาหลอกและกลุ่มยาออกฤทธิ์) การรายงานวิธีการโดยทั่วไปไม่ดี และมีความแตกต่างอย่างมากในการออกแบบการศึกษา ผู้เข้าร่วม การรักษา และผลลัพธ์ การทดลองที่รวมไว้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมที่เป็นผู้ใหญ่ เด็กถูกรวมไว้ใน 9 การทดลอง 3 การทดลอง ศึกษาในเด็กเล็ก (ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี) และ 5 การทดลองรวมเด็กอายุ 2 ถึง 16 ปี 1 การทดลอง ศึกษาในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป การทดลองทำในสถานที่ต่างๆ: คลินิกของมหาวิทยาลัย แผนกกุมารเวชศาสตร์ แผนกเวชศาสตร์ครอบครัว และเวชปฏิบัติทั่วไป

Antihistamine-decongestant: 14 การทดลอง (ผู้เข้าร่วม 1298 คน) 8 การทดลอง รายงานเกี่ยวกับประสิทธิผลโดยรวม ในจำนวนนี้มี 6 การศึกษาที่รวมข้อมูล (ผู้เข้าร่วม 281 คนในการรักษาแบบได้ยา และผู้เข้าร่วม 284 คนที่ได้รับยาหลอก) Odds ratio (OR) ของความล้มเหลวในการรักษาเท่ากับ 0.31 (ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.20 ถึง 0.48 หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง); จำนวนที่จำเป็นต้องรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม (NNTB) 3.9 (95% CI 3.03 ถึง 5.2) ในวันประเมินสุดท้าย (ติดตามผล: 3 ถึง 10 วัน) 55% ของผู้เข้าร่วมในกลุ่มยาหลอกมีการตอบสนองที่ดีเมื่อเทียบกับ 70% ในการรักษาแบบแอคทีฟ จาก 2 การทดลองที่ไม่ได้รวมข้อมูล 1 การทดลองแสดงผลรวม ขณะที่อีกการทดลองไม่แสดงผล

ผลข้างเคียง: กลุ่ม antihistamine-decongestant มีอาการข้างเคียงมากกว่ากลุ่มควบคุม: ผู้เข้าร่วม 128/419 (31%) เทียบกับ 100/423 (13%) ได้รับผลกระทบจากอาการไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งอย่าง (OR 1.58, 95% CI 0.78 ถึง 3.21; ความเชื่อมั่นของหลักฐานในระดับปานกลาง)

Antihistamine-analgesic: 4 การทดลอง (ผู้เข้าร่วม 1608 คน) 2 การทดลองรายงานเกี่ยวกับประสิทธิผลรวม; ข้อมูลจาก 1 การทดลองถูกนำเสนอ (ผู้เข้าร่วม 290 คนในการรักษาแบบแอคทีฟและผู้เข้าร่วม 292 คนได้ ascorbic acid) OR ของความล้มเหลวในการรักษาเท่ากับ 0.33 (95% CI 0.23 ถึง 0.46 หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง); NNTB 6.67 (95% CI 4.76 ถึง 12.5) 43% ของผู้เข้าร่วมในกลุ่มควบคุมและ 70% ในกลุ่มที่ได้รับการรักษา หายขาดหลังจากการรักษา 6 วัน การทดลองที่ 2 ยังแสดงให้เห็นผลที่ดีกว่าของการรักษา

ผลข้างเคียง: ไม่มีผลข้างเคียงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มการรักษาเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (อาการง่วงนอน, นอนไม่หลับ, ง่วงนอน 10/152 เทียบกับ 4/120; หรือ 1.64 (95 % CI 0.48 ถึง 5.59; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

Analgesic-decongestant: 7 การทดลอง (ผู้เข้าร่วม 2575 คน) มี 1 รายงานการทดลองหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิผลรวม: 73% ของผู้เข้าร่วมในกลุ่ม analgesic-decongestant: รายงานประโยชน์เมื่อเทียบกับ 52% ในกลุ่มควบคุม (พาราเซตามอล) (OR ของการรักษาล้มเหลว 0.28, 95% CI 0.15 ถึง 0.52; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; NNTB 4.7)

ผลข้างเคียง: กลุ่มยา decongestant-analgesic พบผลข้างเคียงมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (199/1122 เทียบกับ 75/675; หรือ 1.62 95% CI 1.18 ถึง 2.23; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง จำนวนที่จำเป็นในการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายเพิ่มเติม (NNTH) 17)

Antihistamine-analgesic-decongestant: 6 การทดลอง (ผู้เข้าร่วม 1014 คน) 5 การทดลองที่รายงานเกี่ยวกับประสิทธิผลรวม โดยในจำนวนนี้มีการศึกษาผู้ใหญ่ 2 เรื่องที่สามารถรวมผลได้: ผลรวมที่รายงานด้วยการรักษาแบบแอคทีฟ (52%) และยาหลอก (34%) เทียบเท่ากับความแตกต่างน้อยกว่าหนึ่งจุดในมาตราส่วนสี่หรือห้าจุด; OR ของความล้มเหลวในการรักษาเท่ากับ 0.47 (95% CI 0.33 ถึง 0.67 หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ); NNTB 5.6 (95% CI 3.8 ถึง 10.2) มี 1 การทดลอง ศึกษาในเด็กอายุ 2 ถึง 12 ปี และ 2 การทดลอง ศึกษาในผู้ใหญ่พบว่าไม่มีประโยขน์

ผลข้างเคียง: ใน 1 การทดลอง 5/224 (2%) ได้รับผลกระทบจากการรักษาแบบแอคทีฟ เทียบกับ 9/208 (4%) กับยาหลอก อีก 2 การทดลอง รายงานว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มการรักษา

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ นพ ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 25 มกราคม 2022

Tools
Information