ยาโฮมีโอพาติก (Homeopathic) สำหรับผลข้างเคียงของการรักษาโรคมะเร็ง

ยาโฮมีโอพาติกถูกใช้มากในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งปกติใช้ควบคู่ไปกับการรักษาแบบเดิม การรักษาโรคมะเร็งสามารถเป็นเหตุให้เกิดผลข้างเคียงได้ และหนึ่งในเหตุผลที่ผู้ป่วยใช้ยาโฮมีโอพาติกคือเพื่อช่วยเหลืออาการเหล่านี้ การทบทวนวรรณกรรมนี้พิจารณาว่ายาเหล่านี้สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาที่เกิดจากการรักษามะเร็งได้หรือไม่ การศึกษา 8 ฉบับ ที่มีผู้เข้าร่วมในการศึกษาทั้งหมด 664 คนถูกรวมเข้ามาในการทบทวนวรรณกรรมนี้ มีการศึกษา 3 ฉบับ ที่ศึกษาผลข้างเคียงของการรักษาด้วยการฉายรังสี การศึกษา 3 ฉบับ ที่ศึกษาผลข้างเคียงของการรักษาด้วยเคมีบำบัด และการศึกษา 2 ฉบับที่ศึกษาอาการวัยหมดประจำเดือนที่มีความสัมพันธ์กับการรักษาโรคมะเร็งเต้านม การศึกษา 2 ฉบับที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดอคติแสดงให้เห็นถึงประโยชน์: การศึกษา 1 ฉบับ จากผู้เข้าร่วมในการศึกษา 254 คน แสดงให้เห็นว่าการใช้ครีมที่สกัดจากดาวเรือง (calendula) ในการป้องกันโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการรักษาด้วยการฉายรังสี และการศึกษาอีก 1 ฉบับที่มีผู้เข้าร่วมในการศึกษา 32 คน แสดงให้เห็นประโยชน์จากการใช้ Traumeel S (ยาโฮมีโอพาติกที่ซับซ้อน) นั้นดีกว่าการใช้ยาหลอกที่เป็นน้ำยาบ้วนปากที่ใว้สำหรับอาการอักเสบของช่องปากที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำเคมีบำบัด การทดลองเหล่านี้จำเป็นต้องมีการทดลองซ้ำ การศึกษาอีก 2 ฉบับรายงานผลในเชิงบวก แม้ว่าความเสี่ยงของการเกิดอคติไม่ชัดเจน และอีกการศึกษา 4 ฉบับ รายงานผลในเชิงลบ ยาโฮมีโอพาคิกที่ใช้ในการศึกษาทั้ง 8 ฉบับ ดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงหรือมีปฏิกิริยาใดใด กับการรักษาแบบเดิม ไม่มีการรักษาโรคมะเร็งที่ถูกแก้ไขหรือหยุดการรักษาเนื่องมาจากการใช้ยาโฮมีโอพาติก

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

การทบทวนวรรณกรรมนี้พบข้อมูลเบื้องต้นที่สนับสนุนประสิทธิภาพของยาทาที่สกัดจากดาวเรือง (calendula) ในการป้องกันโรคผิวหนังอักเสบเฉียบพลันในระหว่างการรักษาด้วยการฉายรังสีและน้ำยาบ้วนปาก Traumeel S ในการรักษาอาการอักเสบของช่องปากที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำเคมีบำบัด การทดลองเหล่านี้จำเป็นต้องมีการทดลองซ้ำ ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาโฮมีโอพาติกสำหรับผลข้างเคียงอื่นๆ ของการรักษาโรคมะเร็ง จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ยาโฮมีโอพาติกถูกใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งบ่อยครั้งใช้ควบคู่ไปกับการรักษาแบบเดิม การรักษาโรคมะเร็งสามารถเป็นเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยได้อย่างมาก และหนึ่งในเหตุผลที่ผู้ป่วยใช้ยาโฮมีโอพาติกคือมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องของผลข้างเคียง

วัตถุประสงค์: 

การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาโฮมีโอพาติกที่ใช้ในการป้องกันหรือรักษาผลข้างเคียงของการรักษาโรคมะเร็ง

วิธีการสืบค้น: 

สืบค้นข้อมูลจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2008: Cochrane PaPaS Trials Register; Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL); MEDLINE; EMBASE; CINAHL; BNI; CancerLIT; AMED; CISCOM; Hom-Inform; SIGLE; National Research Register; Zetoc; www.controlled-trials.com; http://clinicaltrials.gov; บันทึกการประชุมวิชาการของ Liga Medicorum Homeopathica Internationalis (LMHI, Liga); รายการอ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา; และผู้ผลิตยาโฮมีโอพาติก ติดต่อนักวิจัยและผู้ปฏิบัติงานชั้นแนวหน้า

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) ของยาโฮมีโอพาติกในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกหรือทางเนื้อเยื่อวิทยาว่าเป็นโรคมะเร็ง โดยที่สิ่งแทรกแซงมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันหรือรักษาอาการที่มีความเกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง รวมทุกกลุ่มอายุและทุกระยะของโรคทั้งหมด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คน ประเมินคัดเลือกงานวิจัย และดึงข้อมูล อย่างอิสระต่อกัน ผู้ทบทวนวรรณกรรม 3 คน ประเมินคุณภาพการศึกษาวิจัยโดยใช้ Delphi List และเครื่องมือของ Cochrane Collaboration เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดอคติ อย่างอิสระต่อกัน แก้ไขข้อขัดแย้งด้วยการหาฉันทามติ และดึงข้อมูลมาเพื่อทำการวิเคราะห์

ผลการวิจัย: 

การทดลองที่มีการควบคุม 8 ฉบับ (การศึกษามีกลุ่มควบคุมด้วยยาหลอก 7 ฉบับ และการศึกษามีกลุ่มควบคุมที่เป็นการรักษาที่ใช้ในปัจจุบัน 1 ฉบับ) โดยมีผู้เข้าร่วมในการศึกษาทั้งหมด 664 คนตรงตามเกณฑ์การคัดเลือก มีการศึกษา 3 ฉบับ ที่ศึกษาผลข้างเคียงของการรักษาด้วยการฉายรังสี การศึกษา 3 ฉบับ ที่ศึกษาผลข้างเคียงของการรักษาด้วยเคมีบำบัด และการศึกษา 2 ฉบับที่ศึกษาอาการวัยหมดประจำเดือนที่มีความสัมพันธ์กับการรักษาโรคมะเร็งเต้านม

การศึกษา 2 ฉบับที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดอคติแสดงให้เห็นถึงประโยชน์: การศึกษา 1 ฉบับจากผู้เข้าร่วมในการศึกษา 254 คน แสดงให้เห็นว่าการใช้ยาทาที่สกัดจากดาวเรือง (calendula) นั้นดีกว่าโทรลามีน (trolamine) (ยาทาที่ไม่มีคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) ผสมอยู่) ในการป้องกันโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการรักษาด้วยการฉายรังสี และอีกการศึกษาหนึ่งที่มีผู้เข้าร่วมในการศึกษา 32 คน แสดงให้เห็นว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ทา Traumeel S (ยาโฮมีโอพาติกที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทหนึ่ง) นั้นเหนือกว่าการใช้ยาหลอกที่เป็นน้ำยาบ้วนปากที่ใว้สำหรับอาการอักเสบของช่องปากที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำเคมีบำบัด การศึกษาอีก 2 ฉบับรายงานผลในเชิงบวก แม้ว่าความเสี่ยงของการเกิดอคติไม่ชัดเจน และอีกการศึกษา 4 ฉบับ รายงานผลในเชิงลบ

ไม่มีการรายงานผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาโต้ตอบที่ร้ายแรงจากการใช้ยาโฮมีโอพาติก

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล ฎลกร จำปาหวาย

Tools
Information