สนับเข่าและอุปกรณ์พยุงเสริมสำหรับรักษาข้อเข่าเสื่อม

คำถามการวิจัย

บทสรุปของการทบทวน Cochrane นี้นำเสนอสิ่งที่เรารู้จากการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของสนับเข่าและอุปกรณ์พยุงเสริมกระดูกเท้า/ข้อเท้าในการรักษาผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม เราค้นหาหลักฐานถึงเดือนมีนาคม 2014 เราพบการศึกษา 13 ฉบับ (n = 1356) และรวมในการศึกษาเพิ่มเติม 6 ฉบับในการอัปเดตนี้ (n = ผู้เข้าร่วม 529 คน)

ลักษณะการศึกษา

เรารวบรวมการศึกษาที่รายงานผลในผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงรุนแรง (Kellgren & Lawrence เกรด I-IV) ที่รักษาด้วยสนับเข่า (ที่รัดเข่า valgus, ที่พยุงกลาง, ปลอกนีโอพรีน) หรืออุปกรณ์พยุงเสริม (พื้นรองเท้าด้านในแบบลิ่มด้านข้างหรือตรงกลาง, พื้นรองเท้าด้านในที่เป็นกลาง , รองเท้าแข็งแบบแปรผันหรือคงที่) หรือไม่ได้รับการรักษา

ความเป็นมา โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร สนับเข่าและอุปกรณ์พยุงเสริมคืออะไร

Osteoarthritis (OA) เป็นรูปแบบของโรคข้ออักเสบที่พบบ่อยที่สุดซึ่งอาจส่งผลต่อมือ สะโพก ไหล่และหัวเข่า ในโรคข้อเข่าเสื่อม กระดูกอ่อนที่ปกป้องปลายกระดูกจะแตกออก ทำให้เกิดอาการปวดและบวม โรคข้อเข่าเสื่อมอาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณต่างๆ ของข้อเข่า หรืออาจส่งผลต่อข้อเข่าทั้งหมดก็ได้ โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถเปลี่ยนแนวของข้อต่อได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่เสื่อม

สนับเข่าและอุปกรณ์พยุงเสริมเป็นอุปกรณ์ที่คุณสวมใส่เพื่อรองรับข้อเข่าของคุณ Orthoses เป็นพื้นรองเท้าที่สวมใส่สบายในรองเท้าของคุณ สนับเข่าทำจากโลหะ โฟม พลาสติก วัสดุยืดหยุ่นและสายรัด สามารถทำสนับเข่าสำหรับผู้สวมใส่โดยเฉพาะ

ผลการศึกษาที่สำคัญ

การทบทวนนี้แสดงให้เห็นสิ่งต่อไปนี้ในผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม

การสวมสนับเข่าเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ใส่สนับเข่า:

• อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในการลดความเจ็บปวดและช่วยการทำงานของข้อเข่าและคุณภาพชีวิตหลัง 12 เดือน (หลักฐานคุณภาพต่ำ); และ
• ทำให้ผู้ป่วยหลายรายต้องหยุดการรักษาในระยะแรกเพราะไม่เกิดผลในทั้งสองกลุ่ม

ไม่มีรายงานข้อติดและความล้มเหลวในการรักษา (จนจำเป็นต้องผ่าตัด)

การสวมพื้นรองเท้าด้านในแบบลิ่มด้านข้างเมื่อเทียบกับไม่มีพื้นรองเท้าด้านใน:

• อาจให้ผลในการลดความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลย (หลักฐานคุณภาพต่ำ)

ไม่มีรายงานการทำงาน ข้อติด คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความล้มเหลวในการรักษา และผลข้างเคียง

การสวมพื้นรองเท้าด้านในแบบมีลิ่มด้านข้างเมื่อเทียบกับไม่มีพื้นรองเท้าด้านใน:

• อาจให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในการลดความเจ็บปวดและช่วยการทำงาน ลดความตึง และเพิ่มคุณภาพชีวิตหลังจาก 12 เดือน (หลักฐานคุณภาพปานกลาง)

ไม่มีรายงานเรื่องการรักษาล้มเหลวและผลข้างเคียง

การสวมพื้นรองเท้าด้านในแบบมีลิ่มด้านข้างเมื่อเทียบกับไม่มีพื้นรองเท้าด้านใน:

• อาจให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในการลดความเจ็บปวดและช่วยการทำงานหลังจาก 6 เดือน (หลักฐานคุณภาพต่ำ)

ไม่มีรายงานเรื่องการทำงาน ข้อติด คุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ ความล้มเหลวในการรักษา และผลข้างเคียง

เรามักไม่มีข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน ผลข้างเคียงอาจรวมถึงอาการปวดหลังเข่า ปวดหลังส่วนล่าง ปวดฝ่าเท้า หรือระคายเคืองผิวหนัง

คุณภาพของหลักฐาน

• หลักฐานคุณภาพต่ำบ่งชี้ว่าผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมที่ใช้สนับเข่าอาจมีอาการปวดลดลงเพียงเล็กน้อยหรือไม่ลดอาการปวดลงเลย ไม่ได้ช่วยการทำงานของข้อเข่าและคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นเลย

• หลักฐานที่มีคุณภาพปานกลางบ่งชี้ว่าผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมที่ใส่แผ่นรองด้านในแบบลิ่มด้านข้างหรือแผ่นรองด้านในเท้าที่ตำแหน่งกลาง อาจมีอาการปวด การทำงาน และอาการตึงดีขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือไม่ช่วยลดอาการเลย

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

จากหลักฐานยังสรุปไม่ได้ว่าประโยชน์ของการใช้สนับเข่าสำหรับลดความเจ็บปวด การตึง การทำงานของข้อ และคุณภาพชีวิตในการรักษาผู้ป่วยที่มีข้อเข่าด้านในเสื่อม จากการใช้พื้นรองเท้าด้านในแบบลิ่มด้านข้างหนึ่งชิ้นเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา เราสรุปได้ว่ายังขาดหลักฐานของผลต่อความเจ็บปวดในผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม หลักฐานมีคุณภาพปานกลางแสดงให้เห็นว่าไม่มีผลช่วยลดความเจ็บปวด ข้อติด และการทำงานของข้อระหว่างผู้ป่วยที่รักษาโดยใช้พื้นรองเท้าด้านในแบบลิ่มด้านข้างกับกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยพื้นรองเท้าตรงกลาง หลักฐานคุณภาพต่ำแสดงให้เห็นว่าไม่มีผลต่อการปรับปรุงความเจ็บปวด ข้อติด และการทำงานของข้อระหว่างผู้ป่วยที่รักษาด้วยสนับเข่ากับผู้ที่รักษาด้วยพื้นรองเท้าแบบลิ่มด้านข้าง ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์พยุงเสริมยังไม่ชัดเจนและขาดความสำคัญในระยะยาว

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม (OA) สามารถรักษาได้ด้วยสนับเข่าหรืออุปกรณ์พยุงสำหรับเท้า/ข้อเท้า จุดประสงค์หลักของการดูแลเหล่านี้คือเพื่อลดความเจ็บปวด ช่วยการทำงานของร่างกาย และอาจชะลอการลุกลามของโรค นี่เป็นการปรับปรุงครั้งที่สองของการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบต้นฉบับที่เผยแพร่ในฉบับที่ 1 ปี 2005 และปรับปรุงครั้งแรกในปี 2007

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และโทษของสนับเข่าและอุปกรณ์พยุงเสริมเท้า/ข้อเท้าในการรักษาผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม

วิธีการสืบค้น: 

เราสืบค้นใน Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE และ EMBASE (เนื้อหาปัจจุบัน, HealthSTAR) จนถึงเดือนมีนาคม 2014 เราคัดกรองรายการอ้างอิงของการทดลองที่พบและการลงทะเบียนการทดลองทางคลินิกสำหรับการศึกษาที่กำลังดำเนินอยู่

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมตรวจสอบสนับเข่าและอุปกรณ์พยุงกระดูกเท้า/ข้อเท้าทุกประเภทสำหรับข้อเข่าเสื่อม เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ใช้งานอยู่หรือไม่มีการรักษา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนเลือกการทดลองและดึงข้อมูลโดยอิสระต่อกัน เราประเมินความเสี่ยงของอคติโดยใช้ 'เครื่องมือประเมินความเสี่ยงของอคติ' ของ The Cochrane Collaboration เราวิเคราะห์คุณภาพของผลลัพธ์โดยการให้คะแนนหลักฐานโดยรวมตามผลลัพธ์โดยใช้แนวทาง GRADE (Grades of Recommendation, Assessment, Development and Evaluation) จากผลการศึกษาที่แตกต่างกัน การรวมข้อมูลผลลัพธ์เป็นไปได้สำหรับการศึกษาเกี่ยวกับพื้นรองเท้าเพียง 3 ฉบับ เท่านั้น

ผลการวิจัย: 

เรารวบวมการศึกษา 13 ฉบับ (n = 1356): การศึกษา 4 ฉบับ จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบฉบับเดิม, การศึกษา 3 ฉบับ จากการปรับปรุงครั้งแรก และการศึกษาเพิ่มเติม 6 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 529 คน) ในการปรับปรุงครั้งที่สอง เรารวบรวมการศึกษาที่รายงานผลเมื่อผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงรุนแรง (Kellgren & Lawrence เกรด I-IV) ได้รับการรักษาด้วยสนับเข่า (ที่รัดหัวเข่า valgus ที่รัดกลางหรือปลอกนีโอพรีน) หรืออุปกรณ์พยุงเสริม (พื้นรองเท้าด้านในแบบลิ่มด้านข้างหรือตรงกลาง, พื้นรองเท้าด้านในที่เป็นกลาง, รองเท้าที่มีความแข็งแบบคงที่หรือคงที่) หรือไม่ได้รับการรักษา การเปรียบเทียบหลักๆ ได้แก่ (1) สวมสนับเข่ากับไม่รักษา; (2)สวมอุปกรณ์พยุงเสริมของเท้า/ข้อเท้า เทียบกับการไม่รักษาหรือการรักษาอื่นๆ; และ (3) สวมสนับเข่ากับสวมอุปกรณ์พยุงเสริมเท้า / ข้อเท้า การศึกษา 7 ฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ การศึกษา 2 ฉบับมีความเสี่ยงสูง และการศึกษา 4 ฉบับมีความเสี่ยงในการเลือกไม่ชัดเจน การศึกษา 5 ฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ การศึกษา 3 ฉบับมีความเสี่ยงสูง และการศึกษา 5 ฉบับมีความเสี่ยงไม่ชัดเจนในการตรวจหาอคติ การศึกษา 10 ฉบับมีความเสี่ยงสูง และการศึกษา 3 ฉบับมีความเสี่ยงของอคติต่ำด้านประสิทธิภาพ การศึกษา 9 ฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ และการศึกษา 4 ฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงในประเด็นการรายงาน

การศึกษา 4 ฉบับเปรียบเทียบการใส่อุปกรณ์พยุงเสริมกับการไม่รักษา แต่มีเพียง 1 ฉบับเท่านั้นที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์เมตาที่การติดตามผล 12 เดือน การศึกษา1 ฉบับ (n = 117, หลักฐานคุณภาพต่ำ) แสดงให้เห็นว่าขาดหลักฐานของผลกระทบต่อคะแนนความปวดของ Visual Analogue Scale (VAS) (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 0%, ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) 0.0, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) - 0.84 ถึง 0.84), คะแนนการทำงาน (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 1%, MD 1.0, 95% CI -2.98 ถึง 4.98) และคะแนนคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 4%, MD -0.04, 95% CI -0.12 ถึง 0.04) หลังจาก 12 เดือน ผู้เข้าร่วมจำนวนมากหยุดการรักษาครั้งแรกเนื่องจากไม่เห็นผลการรักษา(ผู้เข้าร่วม 24 คนจาก 60 คนในกลุ่มที่ใช้สนับเข่าและผู้เข้าร่วม 14 คนจาก 57 คนในกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 15%, อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.63, 95% CI 0.94 ถึง 2.82 ) การศึกษาอื่นๆ รายงานว่าความเจ็บปวดดีขึ้น การทำงานดีขึ้นและคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพดีขึ้น (ค่า P ≤ 0.001) ไม่มีการรายงานเรื่องข้อติดและความล้มเหลวในการรักษา (จำเป็นต้องผ่าตัด) จากการศึกษาที่รวบรวมไว้

สำหรับการเปรียบเทียบพื้นรองเท้าแบบลิ่มด้านข้างกับที่ไม่มีพื้นรองเท้าด้านใน การศึกษา 1 ฉบับ (n = 40, หลักฐานคุณภาพต่ำ) แสดงคะแนนความเจ็บปวดของ VAS ที่ต่ำกว่าในกลุ่มพื้นรองเท้าแบบลิ่มด้านข้าง (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 16%, MD -1.60, 95% CI - 2.31 ถึง -0.89) หลังจาก 9 เดือน ไม่พบการรายงานจากการศึกษาที่รวบรวมไว้ในเรื่องด้านการทำงานของข้อ ข้อติด คุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ ความล้มเหลวในการรักษา และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

สำหรับการเปรียบเทียบพื้นรองเท้าแบบลิ่มด้านข้างกับพื้นรองเท้าที่มีลิ่มตรงกลาง หลังจากรวบรวมการศึกษา 3 ฉบับ (n = 358, หลักฐานคุณภาพปานกลาง) พบหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่มีผลต่อคะแนนความเจ็บปวดแบบตัวเลข (NRS) (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 1.0%, MD 0.1 , 95% CI -0.45 ถึง 0.65), คะแนนของ Western Ontario-McMaster Osteoarthritis Scale (WOMAC) (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 0.1%, MD 0.07, 95% CI -4.96 ถึง 5.1) และคะแนนการทำงาน WOMAC (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 0.9%, MD 0.94, 95% CI - 2.98 ถึง 4.87) หลังจาก 12 เดือน พบหลักฐานของผลกระทบต่อคะแนนคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 1.0%, MD 0.01, 95% CI -0.05 ถึง 0.03) ขาดหายไปในการศึกษาหนึ่งชิ้น (n = 179, หลักฐานคุณภาพปานกลาง) ไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับความล้มเหลวของการรักษาและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำหรับการเปรียบเทียบนี้ในการศึกษาที่รวบรวม

ไม่สามารถรวมข้อมูลสำหรับการเปรียบเทียบพื้นรองเท้าด้านในแบบลิ่มด้านข้างกับสนับเข่าได้ หลังจากการติดตามการรักษาหกเดือน ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในคะแนนความเจ็บปวดของ VAS (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ -2.0%, MD -0.2, 95% CI -1.15 ถึง 0.75) และคะแนนการทำงานของ WOMAC (เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสัมบูรณ์ 0.1%, MD 0.1, 95% CI -7.26 ถึง 0.75) ในการศึกษา 1 ฉบับ (n = 91, หลักฐานคุณภาพต่ำ); อย่างไรก็ตามทั้ง 2 กลุ่มมีอาการดีขึ้น ข้อติด ความฝืด คุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ ความล้มเหลวในการรักษา และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ไม่ได้ถูกรายงานในการศึกษาที่รวบรวมไว้

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล แพทย์หญิงชุติมา ชุณหะวิจิตร

Tools
Information