การบำบัดพฤติกรรมและความรู้ความเข้าใจทางพฤติกรรมเพื่อลดพฤติกรรมก้าวร้าวในคนพิการทางสติปัญญา

ข้อความที่สำคัญ

– แนวทางต่างๆ เช่น การจัดการความโกรธ (ตามการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา) และการสนับสนุนพฤติกรรมเชิงบวก (PBS; ตามพฤติกรรมบำบัด) อาจลดพฤติกรรมก้าวร้าวภายนอกในผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา (ความบกพร่องทางการเรียนรู้)

– หลักฐานสำหรับผลลัพธ์และการรักษาอื่น ๆ มีความแน่นอนน้อยกว่าเนื่องจากมีการศึกษาเพียงเล็กน้อย

– จำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมว่าการบำบัดและวิธีการใดมีประโยชน์ในการลดความก้าวร้าวและปรับปรุงผลลัพธ์อื่นๆ เช่น คุณภาพชีวิต

พฤติกรรมก้าวร้าวภายนอกคืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ

พฤติกรรมก้าวร้าวภายนอกอาจรวมถึงความก้าวร้าวทางร่างกายต่อผู้อื่น เช่น การตี การเตะหรือขว้างสิ่งของ และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย พฤติกรรมนี้อาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารที่ความต้องการของบุคคลนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลทางลบ เช่น การถูกกีดกันจากการรับบริการรายวัน ความล้มเหลวของการสนับสนุนการดำรงชีพและการรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชที่ไม่เหมาะสม การใช้ยารักษาโรคจิตมีบทบาทจำกัดในการจัดการกับพฤติกรรมที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม ใช้เฉพาะในกรณีที่ความเสี่ยงรุนแรงมาก และยารักษาโรคจิตต้องให้ร่วมกับการรักษาทางจิตวิทยาหรืออื่นๆ ด้วย การบำบัดที่อาจเป็นประโยชน์ ได้แก่ แนวทางพฤติกรรมทางปัญญา เช่น การจัดการความโกรธที่ช่วยให้บุคคลเชื่อมโยงระหว่างความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของพวกเขา และวิธีการเชิงพฤติกรรม เช่น การสนับสนุนพฤติกรรมเชิงบวก ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความถี่ของพฤติกรรมโดยการเปลี่ยนสิ่งกระตุ้นและการตอบสนองต่อพฤติกรรม การให้การช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพในชุมชนช่วยลดความบอบช้ำทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคลรวมทั้งทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้นอย่างมาก ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าแนวทางใดมีประโยชน์มากที่สุดในการลดพฤติกรรมก้าวร้าว

เราต้องการค้นหาอะไร

นี่คือการปรับปรุงของ Cochrane Review จุดมุ่งหมายคือเพื่อค้นหาว่าแนวทางต่างๆ เช่น การบำบัดพฤติกรรมและการรับรู้-พฤติกรรมมีประโยชน์ในการลดพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาหรือไม่

ผู้วิจัยทำการศึกษาอย่างไร

เพื่อระบุการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เราค้นหาฐานข้อมูลทางการแพทย์และการลงทะเบียนของการทดลองทางคลินิกจนถึงเดือนมีนาคม 2022 และการอ้างอิงเอกสารที่ดึงมา ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คนคัดกรองชื่อเอกสารอย่างเป็นอิสระต่อกันเพื่อหาการศึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ดึงข้อมูล และประเมินข้อจำกัดของการศึกษา ในกรณีที่จำเป็น เราได้ติดต่อผู้ทำการทดลองเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

เราพบอะไร

เรารวมการศึกษา 15 ฉบับโดยใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกันซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 921 คนในการทบทวน; การศึกษา 9 ฉบับเป็นเรื่องใหม่สำหรับการอัปเดตนี้ การศึกษาส่วนใหญ่ดำเนินการในชุมชนและอีกการศึกษาหนึ่งดำเนินการในสถานพยาบาลที่มีความปลอดภัยสูง การศึกษา 13 ฉบับมีขนาดเล็กและมีผู้เข้าร่วมระหว่าง 12 ถึง 63 คน และมีการศึกษาขนาดใหญ่ 2 เรื่องซึ่งมีผู้เข้าร่วม 179 คนและ 245 คน

หลักฐานแสดงให้เห็นว่า:

– เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีรายชื่อรอหรือไม่ได้รับการรักษา การจัดการความโกรธตามการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญามีแนวโน้มที่จะลดพฤติกรรมก้าวร้าวและอาจปรับปรุงความสามารถในการควบคุมความโกรธ ความสามารถในการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และอาการทางจิตเวช อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตหรือลดการใช้บริการและค่าใช้จ่าย

– เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาตามปกติ PBS มีแนวโน้มที่จะลดพฤติกรรมก้าวร้าว แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าทำให้อาการสุขภาพจิตดีขึ้นหรือลดการใช้บริการ

– เมื่อเทียบกับรายการรอ การมีสติอาจลดเหตุการณ์ความก้าวร้าวได้

– เมื่อเทียบกับ PBS เท่านั้น PBS ที่เน้นการเจริญสติอาจลดเหตุการณ์ความก้าวร้าวได้

ข้อจำกัด ของหลักฐานคืออะไร

เรามั่นใจในระดับปานกลางเกี่ยวกับผลกระทบของการจัดการความโกรธและ PBS ต่อการลดพฤติกรรมก้าวร้าว แต่ไม่แน่ใจสำหรับผลลัพธ์อื่นๆ การศึกษาส่วนใหญ่มีขนาดเล็กมาก โดยมีการศึกษาขนาดใหญ่เพียง 2 ฉบับ และยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพูดได้อย่างมั่นใจว่าแนวทางใดดีกว่าในการลดพฤติกรรมก้าวร้าว

หลักฐานเป็นปัจจุบันแค่ไหน

การตรวจสอบเป็นปัจจุบันจนถึงเดือนมีนาคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

มีหลักฐานที่มีความแน่นอนในระดับปานกลางว่าแนวทางการรับรู้และพฤติกรรม เช่น การจัดการความโกรธและ PBS อาจลดพฤติกรรมก้าวร้าวที่มุ่งสู่ภายนอกในระยะสั้น แต่หลักฐานในระยะกลางและระยะยาวมีความแน่นอนน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์อื่นๆ เช่น คุณภาพชีวิต มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าการรวมการรักษามากกว่าหนึ่งอย่างเข้าด้วยกันอาจมีประโยชน์สะสม

การศึกษาส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและมีความจำเป็นสำหรับการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสิ่งแทรกแซงที่มีความแน่นอนของหลักฐานต่ำมาก จำเป็นต้องมีการทดลองเพิ่มเติมโดยมุ่งเน้นไปที่เด็กและการแทรกแซงทางจิตวิทยานำไปสู่การลดการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทหรือไม่

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

พฤติกรรมก้าวร้าวที่มุ่งสู่ภายนอกในบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเป็นปัญหาสำคัญที่อาจนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ การถูกกีดกันทางสังคม และการรับผู้ป่วยในหอผู้ป่วยจิตเวช แนวทางการรับรู้และพฤติกรรมได้รับการพัฒนาเพื่อจัดการพฤติกรรมก้าวร้าว แต่ประสิทธิภาพของวิธีการเหล่านี้ในการลดพฤติกรรมก้าวร้าวและผลลัพธ์อื่น ๆ ยังไม่ชัดเจน นี่เป็นการปรับปรุงครั้งที่สามของการทบทวนวรรณกรรมนี้ และเพิ่มการศึกษาใหม่ 9 ฉบับ ทำให้มีการศึกษาทั้งหมด 15 ฉบับในการทบทวนวรรณกรรมนี้

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการแทรกแซงทางพฤติกรรมและความรู้ความเข้าใจทางพฤติกรรมต่อพฤติกรรมก้าวร้าวที่มุ่งสู่ภายนอก เปรียบเทียบกับการดูแลตามปกติ การควบคุมโดยการรอราย หรือไม่มีการรักษาในผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เรายังประเมินสิ่งแทรกแซงที่ได้รับการปรับปรุงเสริมเมื่อเทียบกับสิ่งแทรกแซงที่ไม่ได้ปรับปรุง

วิธีการสืบค้น: 

เราใช้วิธีการค้นหาตามแบบมาตรฐานและครอบคลุมของ Cochrane วันที่ค้นหาล่าสุดคือ มีนาคม 2022 เราได้แก้ไขข้อความค้นหาเพื่อรวมการสนับสนุนพฤติกรรมเชิงบวก (PBS)

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มและกึ่งสุ่มของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาในระยะเวลา บริบท และการเปรียบเทียบที่เข้าเกณฑ์ใดๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักของเราคือการเปลี่ยนแปลงใน 1. พฤติกรรมก้าวร้าว 2. ความสามารถในการควบคุมความโกรธ และ 3. การทำงานแบบปรับตัว และ 4. ผลกระทบ ผลลัพธ์รองของเราคือการเปลี่ยนแปลงใน 5. สภาพจิตใจ 6. ยา 7. ความต้องการการดูแล และ 8. คุณภาพชีวิต และ 9. ความถี่ในการใช้บริการ และ 10. ข้อมูลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับแต่ละผลลัพธ์

เราแสดงผลการรักษาเป็นความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) หรือ Odds Ratio (OR) โดยมีช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) เรารวบรวมข้อมูลโดยใช้ fixed-effects model หากเป็นไปได้

ผลการวิจัย: 

ฉบับปรับปรุงนี้ประกอบด้วยการศึกษาใหม่ 9 ฉบับ รวมเป็นการศึกษา 15 ฉบับและผู้เข้าร่วม 921 คน การอัปเดตนี้ยังเพิ่มวิธีการใหม่ ได้แก่ การฝึกอบรมผู้ปกครอง (การศึกษา 2 ฉบับ) การสนับสนุนพฤติกรรมเชิงบวกโดยใช้สติ (MBPBS) (การศึกษา 2 ฉบับ) การฝึกเลียนแบบซึ่งกันและกัน (RIT; การศึกษา 1 ฉบับ) และพฤติกรรมบำบัดวิภาษ (DBT; การศึกษา 1 ฉบับ) นอกจากนี้ยังเพิ่มการศึกษาใหม่สองเรื่องเกี่ยวกับ PBS

การศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในชุมชน (การศึกษา 14 ฉบับ) และการศึกษา 1 เรื่องอยู่ในบริการนิติเวชผู้ป่วยใน การศึกษา 11 ฉบับเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่เท่านั้น การศึกษาที่เหลือเกี่ยวข้องกับเด็ก (การศึกษา 1 ฉบับ) เด็กและวัยรุ่น (การศึกษา 1 ฉบับ) วัยรุ่น (การศึกษา 1 ฉบับ) และวัยรุ่นและผู้ใหญ่ (การศึกษา 1 ฉบับ) การศึกษา 1 ฉบับ ศึกษาในเด็กผู้ชายที่เป็นกลุ่มอาการ Fragile X

การศึกษา 6 ฉบับดำเนินการในสหราชอาณาจักร 7 ฉบับในสหรัฐอเมริกา 1 ฉบับในแคนาดา และอีก 1 ฉบับในเยอรมนี มีเพียงการศึกษา 5 ฉบับเท่านั้นที่อธิบายแหล่งเงินทุน

การศึกษา 4 ฉบับเปรียบเทียบการจัดการความโกรธตามการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญากับกลุ่มควบคุมที่มีรายชื่อรอหรือไม่มีการรักษา (n = 263); การศึกษา 2 ฉบับเปรียบเทียบ PBS กับการรักษาตามปกติ (TAU) (n = 308); การศึกษา 2 ฉบับเปรียบเทียบการฝึกอบรมผู้ดูแลเรื่องการเจริญสติและ PBS กับ PBS เท่านั้น (n = 128); การศึกษา 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมผู้ปกครองเกี่ยวกับพฤติกรรมเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีรายชื่อรอหรือ TAU (n = 99); การศึกษา 1 ฉบับ ของการเจริญสติเทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีรายชื่อรอ (n = 34); การศึกษา 1 ฉบับ เกี่ยวกับพฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธีแบบดัดแปลงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีรายชื่อรอ (n = 21); หนึ่งการศึกษาของ RIT เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมแบบแอคทีฟ (n = 20) และการศึกษา 1 ฉบับ เกี่ยวกับการผ่อนคลายแบบปรับเปลี่ยนเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมแบบแอคทีฟ (n = 12)

มีหลักฐานที่แน่นอนในระดับปานกลางว่าการจัดการความโกรธอาจทำให้ความรุนแรงของพฤติกรรมก้าวร้าวหลังการรักษาดีขึ้น (MD −3.50, 95% CI −6.21 ถึง −0.79; P = 0.01; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 158 คน); หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากว่าอาจปรับปรุงความสามารถในการควบคุมความโกรธที่รายงานด้วยตนเอง (MD −8.38, 95% CI −14.05 ถึง −2.71; P = 0.004, I 2 = 2%; การศึกษา 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 212 คน), การทำงานแบบปรับตัว (MD −21.73, 95% CI −36.44 ถึง −7.02; P = 0.004; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 28 คน) และอาการทางจิตเวช (MD −0.48, 95% CI −0.79 ถึง −0.17; P = 0.002; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 28 คน) หลังการรักษา; และหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากว่าไม่ได้ปรับปรุงคุณภาพชีวิตหลังการรักษา (MD −5.60, 95% CI −18.11 ถึง 6.91; P = 0.38; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 129 คน) หรือลดการใช้บริการและค่าใช้จ่ายที่ 10 เดือน ( MD 102.99 ปอนด์อังกฤษ 95% CI −117.16 ถึง 323.14; P = 0.36; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 133 คน)

มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางว่า PBS อาจลดพฤติกรรมก้าวร้าวหลังการรักษา (MD −7.78, 95% CI −15.23 ถึง −0.32; P = 0.04, I 2 = 0%; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 275 คน) และหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ ว่าอาจไม่ลดพฤติกรรมก้าวร้าวใน 12 เดือน (MD −5.20, 95% CI −13.27 ถึง 2.87; P = 0.21; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 225 คน) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่า PBS ไม่ปรับปรุงสภาพจิตใจหลังการรักษา (OR 1.44, 95% CI 0.83 ถึง 2.49; P = 1.21; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 214 คน) และหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากว่าอาจไม่ลดการใช้บริการ ที่ 12 เดือน (MD −448.00 ปอนด์อังกฤษ, 95% CI −1660.83 ถึง 764.83; P = 0.47; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 225 คน)

มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากว่าการมีสติสัมปชัญญะอาจลดเหตุการณ์ความก้าวร้าวทางร่างกาย (MD −2.80, 95% CI −4.37 ถึง −1.23; P < 0.001; การศึกษา 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 34 คน) และหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่า MBPBS อาจลดเหตุการณ์ของ ความก้าวร้าวหลังการรักษา (MD −10.27, 95% CI −14.86 ถึง −5.67; P < 0.001, I 2 = 87%; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 128 คน)

เหตุผลในการลดระดับความแน่นอนของหลักฐานคือความเสี่ยงของอคติ (โดยเฉพาะการเลือกและอคติด้านประสิทธิภาพ) ความไม่แม่นยำ (ผลลัพธ์จากการศึกษาเดี่ยว มักจะมีขนาดเล็ก CIs กว้าง และ CIs ที่ข้ามผลที่เป็นศูนย์) และความไม่สอดคล้องกัน (ความแตกต่างทางสถิติ)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย ผกากรอง 1 มิถุนายน 2023

Tools
Information