ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การแทรกแซงเพื่อป้องกันโรคกลุ่มอาการ dialysis dysequilibrium syndrome

ข้อความสำคัญ

- ในผู้ป่วยฟอกไต การฟอกไตด้วยการสร้างแบบจำลองโซเดียมเมื่อเปรียบเทียบกับการฟอกไตแบบช้าอาจส่งผลให้มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเกิดอาการ DDS และการเสียชีวิต หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของสิ่งแทรกแซงเหล่านี้ต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

- หลักฐานไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของการฟอกไตแบบที่มีโซเดียมความเข้มข้นสูงและการฟอกไตที่มีโซเดียมมาตรฐานต่อกลุ่มอาการ DDS การเสียชีวิตและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

เราต้องการค้นหาอะไร

การฟอกไตเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่ช่วยกำจัดของเสียและของเหลวส่วนเกินออกจากเลือดเมื่อไตทำงานไม่เหมาะสม เป็นกระบวนการที่ใช้เครื่องกรองเลือด กลุ่มอาการ DDS เป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาทในระหว่างหรือหลังการฟอกไต มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ยังใหม่กับการฟอกไตหรือเลื่อนการฟอกไตไปหลายครั้งก่อนที่จะเริ่มฟอกไตอีกครั้ง เนื่องจากกลุ่มอาการ DDS อาจรุนแรงและส่งผลให้เกิดผลเสียได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องศึกษาวิธีการต่าง ๆ ในการป้องกัน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการทดลองทั้งหมดที่ประเมินประโยชน์และอันตรายของวิธีการที่ได้รับการจัดสรรแบบสุ่มเพื่อป้องกันกลุ่มอาการ DDS ในผู้ที่มีภาวะไตวายที่เริ่มต้นฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม เราเปรียบเทียบและสรุปผลการทดลองและจัดอันดับความเชื่อมั่นของเราในข้อมูลตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น วิธีการทดลองและขนาดการทดลอง

เราพบอะไร

เรารวบรวมการศึกษา 2 ฉบับที่มีผู้เข้าร่วม 32 คน สิ่งแทรกแซงที่รวมไว้มี 4 แบบ คือ การสร้างแบบจำลองโซเดียม การล้างไตแบบช้า การล้างไตแบบโซเดียมมาตรฐาน และการล้างไตที่ใช้โซเดียมเข้มข้นสูง

หลักฐานมีข้อจำกัดอะไรบ้าง

การศึกษามีจำนวนน้อยและขนาดเล็กเป็นข้อจำกัดในการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษาบางเรื่องไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เราสนใจ และเราไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลลัพธ์

หลักฐานเป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนพฤษภาคม 2024

บทนำ

Dialysis dysequilibrium syndrome (DDS) หมายถึงอาการทางระบบประสาทที่มักพบในระหว่างหรือหลังการเริ่มต้นใหม่ หรือหลังการเริ่มต้นการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (haemodialysis; HD) อีกครั้งหลังจากการเลื่อนมาหลายครั้ง DDS มีความเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตและการเจ็บป่วย เราศึกษามาตรการที่มุ่งป้องกัน DDS

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประโยชน์และผลเสียของวิธีการประเภทต่าง ๆ ในการป้องกัน DDS

วิธีการสืบค้น

เราติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและค้นหา Cochrane Kidney and Transplant Register of Studies จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2024 โดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการทบทวนนี้ การศึกษาที่นำเข้ามา จะค้นหาผ่าน CENTRAL, MEDLINE และ EMBASE, conference proceedings, International Clinical Trials Register (ICTRP) Search Portal และ ClinicalTrials.gov

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (randomised controlled trials; RCTs) ที่เปรียบเทียบสิ่งแทรกแซงใด ๆ กับการดูแลตามมาตรฐาน รวมบุคคลที่เริ่ม HD โดยไม่คำนึงถึงอายุ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทบทวนวรรณกรรมสองคนพิจารณาคุณสมบัติการศึกษา ประเมินคุณภาพ และดึงข้อมูลอย่างเป็นอิสระต่อกัน ข้อมูลถูกเก็บรวบรวมเกี่ยวกับวิธีการ การแทรกแซง ผู้เข้าร่วม และผลลัพธ์ (อุบัติการณ์ของ DDS, DDS ที่รุนแรง, การเสียชีวิต, เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์) คำนวณอัตราส่วนความเสี่ยง (RR) และช่วงความเชื่อมั่น (CI) ประเมินคุณภาพการศึกษาโดยใช้เครื่องมือประเมิน ชื่อ Cochrane Risk of Bias 2 (ROB2) ความเชื่อมั่นของหลักฐานได้รับการประเมินโดยใช้วิธี Grading of Recommendations Assessment, Development and Evaluation (GRADE)

ผลการวิจัย

เรารวบรวม RCTs 2 ฉบับ โดยมีผู้เข้าร่วมที่เป็นผู้ใหญ่ 32 คน สิ่งแทรกแซงทั้งหมด คือการล้างไตแบบช้า, การสร้างแบบจำลองโซเดียม, การล้างไตด้วยโซเดียมตามมาตรฐาน และการล้างไตด้วยโซเดียมความเข็มข้นสูง ความเสี่ยงของการเกิดอคติมีความกังวลต่อความเสี่ยงของการเกิดอคติสูงในการศึกษาทั้ง 2 ฉบับ

การฟอกไตแบบช้าเมื่อเทียบกับการฟอกไตด้วยการสร้างแบบจำลองโซเดียม (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 15 คน) อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยใน DDS, DDS ที่รุนแรง และการเสียชีวิต (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และมีผลกระทบที่ไม่แน่นอนต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.33, 95% CI 0.15 ถึง 11.64; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

การล้างไตด้วยโซเดียมมาตรฐานเมื่อเปรียบเทียบกับการล้างไตด้วยโซเดียมความเข็มข้นสูง (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 17 คน) มีผลกระทบที่ไม่แน่นอนต่ออุบัติการณ์ของ DDS (RR 0.07, 95% CI 0.00 ถึง 1.12), DDS ที่รุนแรง (RR 0.47, 95% CI 0.02 ถึง 10.32) และ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 0.29, 95% CI 0.08 ถึง 1.02) (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

ในผู้ป่วย HD การล้างไตด้วยการสร้างแบบจำลองโซเดียมเมื่อเปรียบเทียบกับการล้างไตแบบช้า อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีเลยใน DDS และการเสียชีวิต (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และมีผลกระทบที่ไม่แน่นอนต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากสำหรับผลของการล้างไตด้วยโซเดียมความเข้มข้นสูงและโซเดียมมาตรฐานต่อ DDS การเสียชีวิตและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

บันทึกการแปล

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 23 ธันวาตม 2024

Citation
Kulkarni M, Prabhu AR, Rao IR, Nagaraju SP. Interventions for preventing haemodialysis dysequilibrium syndrome. Cochrane Database of Systematic Reviews 2024, Issue 5. Art. No.: CD015526. DOI: 10.1002/14651858.CD015526.pub2.