ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การดำเนินการในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตายในกลุ่มวัยรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี มีประสิทธิผลหรือไม่

ใจความสำคัญ

• เราพบการศึกษา 51 ฉบับเพื่อตอบคำถามของเรา แต่เรายังไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลของวิธีการป้องกันในสถานศึกษาเพื่อลดการทำร้ายตนเอง

• มีผลลัพธ์ที่น่ายินดีบางประการ แต่เราจำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อยืนยันผลลัพธ์ดังกล่าว และการศึกษาที่ตรวจสอบการผสมผสานวิธี วิธีการที่แตกต่างกันซึ่งออกแบบร่วมกับกลุ่มคนหนุ่มสาว สามารถดำเนินการได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และนำไปปฏิบัติในระยะยาวได้

การทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตายป้องกันได้อย่างไร

การทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตายในคนหนุ่มสาวเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์แก่คนหนุ่มสาว เพื่อนของพวกเขา และคนหนุ่มสาวคนอื่น ๆ ที่พวกเขาใช้เวลาร่วมด้วย รวมถึงชุมชนด้วย การดำเนินการเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายและการทำร้ายตัวเองจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ รวมถึงการสร้างจุดแข็งที่ปกป้องเยาวชน การกระทำมีอยู่ 3 ประเภทหลัก

'วิธีการแบบสากล' มักมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มความรู้และทักษะเกี่ยวกับการป้องกันการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตาย เช่น โปรแกรมการศึกษาด้านสุขภาพจิตหรือการตระหนักรู้เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย รวมถึงการสอนทักษะเฉพาะที่ทำหน้าที่เป็นปัจจัยป้องกัน เช่น ทักษะการแก้ปัญหา สิ่งนี้ช่วยลดทัศนคติเชิงลบและความอับอาย ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่คนจะแสวงหาความช่วยเหลือหากพวกเขามีความคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง

'วิธีการแบบเลือก' ช่วยให้ผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเองได้รับการสังเกตเห็นและให้การสนับสนุน ซึ่งมักจะรวมถึงการฝึกอบรม (เพื่อนและผู้ใหญ่) ให้รับรู้ถึงความทุกข์ของผู้อื่นโดยการถามคำถามและให้พวกเขามีส่วนร่วมในการสนับสนุนที่เหมาะสม

'วิธีการแบบกำหนด' มักจะมุ่งเป้าไปที่บุคคล เช่น การบำบัดด้วยการพูดคุย โดยทั่วไปจะให้บริการในสถานพยาบาล วิธีการทำงานขึ้นอยู่กับแนวทางพื้นฐานของวิธีการ แนวทางที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (cognitive behavioural therapy; CBT) ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือคนในการรับรู้และท้าทายความคิดที่ไม่เป็นประโยชน์ซึ่งนำไปสู่อารมณ์ความทุกข์และความคิดฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง และการบำบัดพฤติกรรมเชิงวิภาษวิธี (dialectical behavioural therapy; DBT) ซึ่งมุ่งเน้นที่การลดพฤติกรรมที่คุกคามชีวิตโดยการเพิ่มความสามารถของผู้คนในการยอมรับและเปลี่ยนแปลง อารมณ์อันเจ็บปวดและการตอบสนองอื่น ๆ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่าวิธีการแบบสากล แบบเลือก และแบบกำหนดที่ดำเนินการในสถานศึกษาลด:

• การทำร้ายตัวเอง

• ความคิดที่จะฆ่าตัวตาย (คิดจะฆ่าตัวตาย) และ

• ความหมดหวัง

นอกจากนี้ เรายังอยากทราบด้วยว่าวิธีการเหล่านี้เป็นที่ยอมรับจากคนหนุ่มสาวหรือไม่ เราได้วัดสิ่งนี้ด้วยจำนวนคนที่ไม่ทำการศึกษาจนเสร็จสิ้น (ผู้ที่ออกจากการศึกษากลางคัน)

เราสำรวจว่าการศึกษาได้วัดผลลัพธ์ที่คนหนุ่มสาวคิดว่าสำคัญหรือไม่ รวมถึงทักษะการรับมือ และด้านต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อมที่ทำให้พวกเขาปลอดภัย เราค้นหาวิธีการวัดทักษะการรับมือและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทุกประเภท

เราทำอะไรไปบ้าง

เราค้นหาการศึกษาที่ตรวจสอบวิธีการแบบสากล แบบเลือก และแบบกำหนด ที่ออกแบบมาเพื่อลดการทำร้ายตัวเองหรือป้องกันการฆ่าตัวตายในสถานศึกษาใด ๆ เราได้เปรียบเทียบและสรุปผลการทดลองและให้คะแนนความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น วิธีการศึกษา ขนาดตัวอย่าง และอคติอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดในขั้นตอนการศึกษา

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 51 ฉบับ โดยมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 36,414 ราย มีการศึกษา 27 ฉบับซึ่งดำเนินการในโรงเรียนมัธยมศึกษา การศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น การศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในโรงเรียนประถมศึกษา การศึกษา 19 ฉบับดำเนินการในมหาวิทยาลัย การศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในโรงเรียนแพทย์ และการศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในสถาบันการศึกษาและชุมชน ไม่มีการดำเนินการในสถานศึกษาทางเลือกหรือการฝึกอบรมทางเทคนิค การศึกษาได้เปรียบเทียบการใช้วิธีการป้องกันกับการไม่ใช้วิธีการใด การอยู่ในรายชื่อรอ หรือวิธีการอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

โดยรวมแล้ว มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่บ่งชี้ผลของวิธีการแบบสากล (universal intervention) แบบเลือก (selective intervention) และแบบกำหนด (indicated intervention) ต่อผลลัพธ์ใด ๆ การศึกษาเกี่ยวกับแนวทางสากลทั้งหมดไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง ยังไม่ชัดเจนว่า วิธีการแบบสากล แบบเลือก และแบบกำหนด อาจช่วยลดการทำร้ายตัวเองได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบหรือไม่ การทำร้ายตัวเองโดยไม่ฆ่าตัวตาย (ทำร้ายตัวเองโดยไม่มีเจตนาจะตาย) อาจลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบตามวิธีการที่กำหนด หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับต่อวิธีการป้องกัน แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมอาจมีแนวโน้มที่จะออกจากการรักษาที่กำหนดมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่ไม่มีการแสดงความแตกต่างสำหรับวิธีการแบบสากลหรือแบบเลือก ความคิดฆ่าตัวตายและความสิ้นหวังของผู้ที่ได้รับวิธีการแบบกำหนดอาจมีผลลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่สำหรับวิธีการแบบสากล และแบบเลือกอาจมีผลน้อยมากหรือไม่มีเลย มีการวัดทักษะการรับมือและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยหลากหลายมาก แต่มีข้อมูลจำกัด จึงไม่สามารถบ่งชี้ถึงการปรับปรุงให้ดีขึ้นได้

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เยาวชนที่เข้าร่วมการทดลองน่าจะตระหนักถึงวิธีการที่ตนได้รับ และไม่ใช่ว่าการศึกษาทั้งหมดจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำร้ายตนเองและผลลัพธ์อื่น ๆ ที่เราสนใจ มีการศึกษาขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ฉบับซึ่งมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจว่าวิธีการส่งผลต่อการป้องกันอย่างไร

น่าเสียดายที่การวัดจำนวนผู้ที่ออกจากโรงเรียนกลางคันของเราไม่ได้มีประโยชน์ในบริบทของสถานศึกษา ซึ่งมักจะไม่ชัดเจนว่าเด็ก ๆ ออกจากโรงเรียนกลางคันหรือไม่ได้ไปโรงเรียนในวันนั้นหรือไม่

หลักฐานเป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนเมษายน 2023

บทนำ

ในปี 2016 การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสองในกลุ่มอายุ 15 ถึง 29 ปีทั่วโลก การทำร้ายตัวเองเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นในหลายประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 30 เท่าในปีถัดจากวันที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากทำร้ายตัวเอง และผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตายจะมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป

การทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตายในคนหนุ่มสาวถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่คนหนุ่มสาว เพื่อนวัยเดียวกัน และครอบครัว และนำไปสู่ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่สูง สถานศึกษาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมและเหมาะสมสำหรับการป้องกันและการรักษา จำเป็นต้องมีการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบคุณภาพสูงที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโปรแกรมการป้องกันการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตายในสถานศึกษาทุกแห่งอย่างเร่งด่วน สิ่งนี้จะสนับสนุนการตัดสินใจโดยอิงตามหลักฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนอย่างมีเหตุผลในการป้องกันในสถานศึกษา การฆ่าตัวตายและการทำร้ายตัวเองเป็นเรื่องที่น่าทุกข์ใจ และเราทราบดีว่าเนื้อหาของการทบทวนวรรณกรรมนี้มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากข้อมูลที่ระบุไว้ด้านล่างแสดงถึงประสบการณ์ชีวิตและความทุกข์ใจจากการฆ่าตัวตายของบุคคลและผู้ดูแลของพวกเขา

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลกระทบของวิธีการที่ดำเนินการในสถานศึกษาเพื่อป้องกันหรือแก้ไขการทำร้ายตนเองและความคิดฆ่าตัวตายในกลุ่มคนหนุ่มสาว (อายุถึง 25 ปี) และตรวจสอบว่าผลที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตายได้รับการปรับเปลี่ยนโดยสถานศึกษาหรือไม่

วิธีการสืบค้น

เราได้ค้นหาใน Cochrane Common Mental Disorders Specialised Register, CENTRAL, The C ochrane Database of Systematic Reviews , Ovid MEDLINE, PsycINFO, ERIC, Web of Science Social Science Citation Index, EBSCO host Australian Education Index, British Education Index, Educational Research Abstracts จนถึงวันที่ 28 เมษายน 2023

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวมการทดลองที่จุดมุ่งหมายหลักคือการประเมินวิธีการที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อลดการทำร้ายตัวเองหรือป้องกันการฆ่าตัวตายในสถานศึกษา การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (randomised controlled trial; RCT) การทดลองแบบ cluster-RCTs, cross-over trials และ quasi-randomised trials เข้าเกณฑ์ในคัดเลือก ผลลัพธ์หลักคือการทำร้ายตัวเองหลังได้รับวิธีการป้องกัน (self-harm postintervention) และการยอมรับ (acceptability); ผลลัพธ์รอง ได้แก่ ความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ความสิ้นหวัง และผลลัพธ์สองประการที่ออกแบบร่วมกับคนหนุ่มสาว ได้แก่ ทักษะการรับมือที่ดีขึ้นหรือมากขึ้น และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย พร้อมการยอมรับและความเข้าใจมากขึ้น

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้ขั้นตอนวิธีการมาตรฐานตามที่ Cochrane กำหนด ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คนเลือกและดึงข้อมูลจากรายงานการศึกษาที่รวบรวมได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน เราวิเคราะห์ข้อมูลแบบไดโคทอมัสเป็น odds ratios (OR) และข้อมูลต่อเนื่องเป็น standardised mean differences (SMD) พร้อมช่วงความเชื่อมั่น 95% (confidence intervals; CI) เราจัดทำ random-effects meta-analyses และประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้แนวทาง GRADE สำหรับผลลัพธ์ที่ออกแบบร่วมกัน เราใช้การนับคะแนนโดยอิงตามทิศทางของผลลัพธ์ เนื่องจากมีความแตกต่างอย่างมากในข้อมูลและการวัดผลที่ใช้ในการศึกษาที่รวมอยู่

ผลการวิจัย

เรารวมการทดลอง 51 ฉบับซึ่งมีผู้เข้าร่วม 36,414 ราย (ต่ำสุด 23 ราย สูงสุด 11,100 ราย) มีการศึกษา 27 ฉบับซึ่งดำเนินการในโรงเรียนมัธยมศึกษา การศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น การศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในโรงเรียนประถมศึกษา การศึกษา 19 ฉบับดำเนินการในมหาวิทยาลัย การศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในโรงเรียนแพทย์ และการศึกษา 1 ฉบับดำเนินการในสถาบันการศึกษาและชุมชน

การทดลอง 18 ฉบับศึกษา การวิธีการแบบสากล โดยมีการทดลอง 11 ฉบับที่ให้ข้อมูลสำหรับ meta-analysis อย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ไม่มีการทดลองใดให้ข้อมูลสำหรับการทำร้ายตนเองหลังได้รับวิธีการป้องกัน หลักฐานเกี่ยวกับความยอมรับของวิธีการแบบสากลมีความเชื่อมั่นต่ำมาก และบ่งชี้ว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลยระหว่างกลุ่ม (OR 0.77, 95% CI 0.36 ถึง 1.67; การศึกษา 9 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 8528 ราย) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่ามีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลยต่อความคิดฆ่าตัวตาย (SMD −0.02, 95% CI −0.23 ถึง 0.20; การศึกษา 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 379 คน) หรือต่อความสิ้นหวัง (MD −0.01, 95% CI −1.98 ถึง 1.96; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 121 คน)

การทดลอง 15 ฉบับศึกษา วิธีการแบบเลือก (selective interventions) โดยการทดลอง 8 ฉบับให้ข้อมูลสำหรับ meta-analysis อย่างน้อย 1 รายการ แต่มีการทดลองเพียง 1 ฉบับเท่านั้นที่ให้ข้อมูลสำหรับการทำร้ายตนเองหลังได้รับวิธีการ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำบ่งชี้ว่าวิธีการแบบเลือก (selective interventions) อาจช่วยลดการทำร้ายตัวเองหลังได้รับวิธีการได้เล็กน้อย (OR 0.39, 95% CI 0.06 ถึง 2.43; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 148 คน) แม้ว่าจะไม่มีการทดลองใดที่ให้ข้อมูลสำหรับความสิ้นหวัง แต่ก็พบผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความยอมรับ (OR 1.00, 95% CI 0.5 ถึง 2.0; การศึกษา 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 10,208 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือความคิดฆ่าตัวตาย (SMD 0.04, 95% CI −0.36 ถึง 0.43; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 102 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

การทดลอง 17 ฉบับตรวจสอบ วิธีการที่กำหนด โดยมีการทดลอง 14 ฉบับที่ให้ข้อมูลสำหรับ meta-analysis อย่างน้อย 1 รายการ แต่มีการทดลองเพียง 4 ฉบับเท่านั้นที่ให้ข้อมูลสำหรับการทำร้ายตนเองหลังได้รับวิธีการป้องกัน และการทดลอง 2 ฉบับที่รายงานว่าไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ในทั้งสองกลุ่ม หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าวิธีการที่กำหนดไว้อาจช่วยลดการทำร้ายตัวเองหลังได้รับวิธีการป้องกัน (self-harm postintervention) ได้เล็กน้อย (OR 0.19, 95% CI 0.02 ถึง 1.76; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 76 คน) นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำซึ่งบ่งชี้ว่าวิธีการเหล่านี้อาจลดโอกาสในการทำร้ายตนเองที่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย (OR 0.65, 95% CI 0.24 ถึง 1.79; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 89 คน) หลักฐานของการลดลงเล็กน้อยของความยอมรับในกลุ่มที่ได้รับวิธีการป้องกัน มีความเชื่อมั่นต่ำ (OR 1.44, 95% CI 0.86 ถึง 2.42; การศึกษา 10 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 641 คน) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าวิธีการป้องกันที่กำหนดไว้อาจลดความคิดฆ่าตัวตายได้เล็กน้อย (SMD -0.33, ช่วง CI 95% -0.55 ถึง -0.10; การศึกษา 10 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 685 คน) และอาจส่งผลให้มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลยในความสิ้นหวังหลังได้รับวิธีการป้องกัน (SMD -0.27, ช่วง CI 95% -0.55 ถึง 0.01; การศึกษา 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 455 คน)

มีการค้นพบที่หลากหลายเกี่ยวกับผลของวิธีการเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายต่อโครงสร้างต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทักษะการรับมือและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การทดลองเหล่านี้ไม่ได้วัดผลของการปรับปรุงโครงสร้างเหล่านี้ต่อการทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตาย

ข้อสรุปของผู้วิจัย

แม้ว่าการทบทวนนี้จะให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับหลักฐานเกี่ยวกับวิธีการที่มุ่งเป้าไปที่การทำร้ายตนเองและการป้องกันการฆ่าตัวตายในสถานศึกษา แต่ยังคงมีความไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของวิธีการเหล่านี้

มีผลลัพธ์บางอย่างที่น่าสนใจ แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาซ้ำขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับการศึกษาที่ตรวจสอบการผสมผสานวิธีการที่แตกต่างกัน และสามารถดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและนำไปปฏิบัติในช่วงระยะเวลาอันยาวนานได้ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจและวัดผลลัพธ์ที่มีความหมายต่อคนหนุ่มสาวที่มีประสบการณ์ชีวิต เนื่องจากพวกเขาต้องการวัดทักษะการรับมือและความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมที่พวกเขาใช้ชีวิตประจำวันเป็นผลลัพธ์ที่สำคัญในการทดลองในอนาคต

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 31 มกราคม 2025

การอ้างอิง
Sharma V, Marshall D, Fortune S, Prescott AE, Boggiss A, Macleod E, Mitchell C, Clarke A, Robinson J, Witt KG, Hawton K, Hetrick SE. Prevention of self-harm and suicide in young people up to the age of 25 in education settings. Cochrane Database of Systematic Reviews 2024, Issue 12. Art. No.: CD013844. DOI: 10.1002/14651858.CD013844.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า