ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อาการและการตรวจร่างกายสามารถวินิจฉัยโรค COVID-19 ได้อย่างถูกต้องหรือไม่

ข้อความสำคัญ

- ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าไม่สามารถวินิจฉัย COVID-19 ได้อย่างถูกต้องโดยใช้อาการที่กล่าวถึงในการทบทวนนี้เพียงอย่างเดียว

- การสูญเสียการรับรสหรือกลิ่นอาจเป็น 'red flag' ของ COVID-19 อาการไอหรือมีไข้อาจเป็นประโยชน์ในการระบุผู้ที่อาจมี COVID-19 ถ้าพบว่ามีอาการเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ในการทำการตรวจเพิ่มเติม

- เราต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบอาการและอาการแสดงร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เช่น ประวัติการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือการเดินทางล่าสุด หรือสถานะการฉีดวัคซีน และในเด็ก และผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

อาการหรืออาการแสดงของ COVID-19 คืออะไร

ผู้ป่วยจะมีอาการ ของ COVID-19 อาจมีอาการไอ เจ็บคอ มีไข้สูง ท้องเสีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อหรือปวดข้อ อ่อนเพลียและการไม่ได้กลิ่นและรสชาติ

อาการแสดงจะตรวจวัดโดยบุคลากรทางการแพทย์ ระหว่างการตรวจทางคลินิก โดยการฟังเสียงปอด วัดความดันโลหิต ระดับออกซิเจนในเลือดและอัตราการเต้นของหัวใจ

อาการและอาการแสดงของ COVID-19 อาจมีความสำคัญในการช่วยให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขาและผู้ที่พวกเขาสัมผัสควรแยกตัวอยู่ที่บ้าน เข้ารับการตรวจ rapid lateral flow test หรือ PCR (ในห้องปฏิบัติการ) หรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

เราต้องการทราบอะไร

อาการและอาการแสดง COVID-19 มีความแตกต่างกันและอาจพบได้ในโรคอื่นๆ ไม่ใช่แค่ COVID-19 เราอยากทราบว่าการวินิจฉัย COVID-19 นั้นถูกต้องแม่นยำเพียงใด จากข้อมูลอาการและอาการแสดงจากการตรวจทางการแพทย์ เราสนใจผู้สงสัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ที่ไปพบแพทย์ ผู้ไปศูนย์ตรวจผู้ป่วยนอก หรือโรงพยาบาล

เราทำอะไร

เราสืบค้นหาการศึกษาที่ประเมินความแม่นยำของอาการและอาการแสดงเพื่อวินิจฉัย COVID-19 การศึกษาต้องทำในเวชปฏิบัติทั่วไป ศูนย์ตรวจผู้ป่วยนอก หรือแผนกผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลเท่านั้น เรารวมการศึกษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลเฉพาะในกรณีเก็บข้อมูลจากบันทึกอาการและอาการแสดง ขณะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ผ่านแผนกฉุกเฉิน

เราพบอะไร

เรามุ่งไปที่การศึกษา 42 ฉบับ ผู้เข้าร่วมศึกษา 52,608 คนในการทบทวนนี้ การศึกษาประเมินอาการและอาการแสดง 96 รายการ โดยแยกจากกันหรือรวมกัน มีการศึกษา 35 ฉบับ ในแผนกฉุกเฉินหรือศูนย์ตรวจผู้ป่วยนอก COVID-19 (ผู้เข้าร่วม 46,878 คน) การศึกษาในเวชปฏิบัติทั่วไป 3 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 1230 คน) การศึกษา 2 ฉบับในโรงพยาบาลเด็ก (493 คน ที่แผนกผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก) และการศึกษา 2 ฉบับ ในบ้านพักคนชรา (ผู้เข้าร่วม 4007) การศึกษาได้ดำเนินการใน 18 ประเทศทั่วโลก การศึกษา 23 ฉบับ ดำเนินการในยุโรป 8 ฉบับ ในอเมริกาเหนือ 5 ฉบับ ในเอเชีย 3 เรื่องในอเมริกาใต้และ 3 เรื่องในออสเตรเลีย เราไม่พบการศึกษาใด ๆ ที่ดำเนินการในแอฟริกา 3 ฉบับ เน้นศึกษาในเด็กโดยเฉพาะ และมีเพียง 1 ฉบับ เท่านั้นที่เน้นศึกษาในผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป

การศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้แยกความแตกต่างของความรุนแรงอย่างชัดเจนระหว่าง COVID-19 ที่ไม่รุนแรงและรุนแรง ดังนั้นเราจึงนำเสนอผลลัพธ์สำหรับโรคที่ไม่รุนแรง ปานกลาง และรุนแรงร่วมกัน

มีรายงานการใช้อาการแสดงในการตรวจวินิจฉัยไม่กี่รายงาน ดังนั้นการทบทวนนี้จึงรายงานการวินิจฉัยด้วยอาการเป็นส่วนใหญ่ อาการที่รายงานบ่อยที่สุดคือ ไอ มีไข้ หายใจลำบาก และเจ็บคอ

จากการศึกษาในการทบทวนนี้พบว่า ใน 1000 คนที่สงสัยว่าติดเชื้อ COVID-19 โดย 270 คน (27%) ที่ติดเชื้อ COVID-19 จริง จะมีผู้มีอาการไอ 567 คน โดยจาก 567 คนนี้ 168 คนพบว่าเป็น COVID-19 ผู้ไม่มีอาการไอ 433 คน 102 คน พบว่าเป็น COVID-19 ใน 1000 คนเดิมนี้ มีประมาณ 283 คน มีไข้ ซึ่งใน 283 คนนี้พบว่า 102 คนเป็น COVID-19 จากคนที่ไม่มีไข้ 717 คน มี 168 คนเป็น COVID-19

คนที่ไม่ได้กลิ่นหรือไม่รู้รสจะมีโอกาสมี COVID-19. มากกว่าคนที่ไม่มีอาการนี้ถึง 5 เท่า

อาการอื่นๆ เช่น เจ็บคอหรือน้ำมูกไหล มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคติดเชื้ออื่นที่ไม่ใช่ COVID-19 ใน 1000 คนเดิม ประมาณ 362 คน มีอาการเจ็บคอ พบว่าเพียง 84 คน เป็น COVID-19 จากผู้ป่วย 638 คนที่ไม่มีอาการเจ็บคอมี 186 คนเป็น COVID-19 เราพบตัวเลขที่คล้ายกันสำหรับการมีอาการน้ำมูกไหล

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ผลลัพธ์ของการปรับปรุงนี้มีความน่าเชื่อถือมากกว่าในเวอร์ชันก่อนๆ เนื่องจากเรารวมการศึกษาที่มีคุณภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความถูกต้องของอาการแต่ละอย่างแตกต่างกันไปตามการศึกษาวิจัยต่างๆ และประโยชน์ของการวินิจฉัยโดยใช้อาการ เช่น มีไข้ ไอ หรืออาการทางระบบทางเดินหายใจอื่นๆ อาจยังคงถูกประเมินสูงเกินไป เนื่องจากการศึกษาส่วนใหญ่จงใจรวมผู้เข้าร่วมเนื่องจากมีอาการเหล่านี้

ผลลัพธ์นี้ไม่ได้แยกความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีตวามรุนแรงเล็กน้อย ปานกลาง หรือรุนแรง มีงานวิจัยเพียงไม่กี่เรื่องที่ตรวจสอบการวินิจฉัยโดยใช้อาการของ COVID-19 ในเด็กหรือผู้ใหญ่

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันเพียงใด

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมก่อนหน้าของเรา หลักฐานมีข้อมูลล่าสุดจนถึงเดือนมิถุนายน 2021

บทนำ

ผู้ป่วย COVID-19 มีอาการแตกต่างกันตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงปอดอักเสบ และมีภาวะคุกคามถึงชีวิต อาการเริ่มต้นที่ช่วยบอกว่าเป็นโรคนี้ เช่น มีไข้ ไอ หรือไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้เพื่อแยกว่าไม่เป็น COVID-19 หรือเพื่อระบุบุคคลที่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัย COVID-19 นี่เป็นการปรับปรุงครั้งที่สองของการทบมวนที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2020

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินความถูกต้องของการวินิจฉัย จากอาการและอาการแสดง เพื่อตรวจสอบว่าผู้ที่มาสถานบริการปฐมภูมิ ของโรงพยาบาล เช่น แผนกฉุกเฉิน คลินิกเฉพาะ COVID-19 ว่าเป็น COVID-19 หรือไม่

วิธีการสืบค้น

เราดำเนินการค้นหาทางอิเล็กทรอนิกส์จนถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2021 ในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยเบิร์น นอกจากนี้เรายังตรวจสอบจากสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับ COVID-19 เราใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อวิเคราะห์จัดประเภทเอกสารเบื้องต้น ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษา

เกณฑ์การคัดเลือก

การศึกษาที่เข้าเกณฑ์รับเลือกถ้ารวมผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็น COVID-19 หรือยืนยันว่าเป็น COVID-19 และมีกล่มควบคุมที่ไม่มี COVID-19 จาก a single-gate cohort การศึกษาเข้าเกณฑ์คัดเลือกเมื่อมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิหรือแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล การศึกษาไม่รวมถึงผู้ที่สัมผัสผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ขณะที่รับการรักษาในโรงพยาบาล ขนาดตัวอย่างขั้นต่ำที่เข้าเกณฑ์ศึกษาคือมีผู้เข้าร่วม 10 คน อาการและอาการแสดงทั้งหมดได้รับการทบทวน รวมถึงอาการและอาการแสดงแต่ละอย่างหรือร่วมกัน เรายอมรับมาตรฐานอ้างอิงหลายประเภท

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ประพันธ์จับคู่คัดเลือกการศึกษาอย่างอิสระ จากชื่อเรื่อง บทคัดย่อ และบทความฉบับเต็ม กรณีมีความเห็นไม่ตรงกัน ได้มีการอภิปรายกับผู้ประพันธ์คนที่ 3 ผู้ประพันธ์ 2 คนดึงข้อมูลอย่างอิสระและประเมินความเสี่ยงของอคติโดยใช้ QUADAS-2 checklist และแก้ไขความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันโดยการอภิปรายกับผู้ประพันธ์คนที่ 3 การวิเคราะห์จำกัดเฉพาะการศึกษาแบบ prospective เท่านั้น เรานำเสนอความไวและความจำเพาะด้วย paired forest plot รูปแบบของ receiver operating characteristic (ROC) space และ dumbbell plots เราประเมินผลสรุปของปัจจัยโดยใช้ bivariate random-effects meta-analysis เมื่อมีการศึกษาแบบ primary prospective 5 เรี่องขึ้นไป และเมื่อความแตกต่างระหว่างการศึกษาสามารถยอมรับได้

ผลการวิจัย

เรารวบรวมการศึกษา 90 ฉบับ ในการปรับปรุงนี้ เราเน้นที่ผลลัพธ์ของการศึกษาแบบ prospective 42 ฉบับ โดยมีผู้เข้าร่วม 52,608 คน ความชุกของโรค COVID-19 แตกต่างกันตั้งแต่ 3.7% ถึง 60.6% โดยมีค่ามัธยฐาน 27.4% มีการศึกษา 35 ฉบับ ศึกษาในแผนกฉุกเฉินหรือศูนย์ตรวจผู้ป่วยนอก (ผู้เข้าร่วม 46,878 คน) 3 ฉบับ ศึกษาในสถานบริการปฐมภูมิ (ผู้เข้าร่วม 1230 คน) 2 เรื่องศึกษาทั้งในแผนกผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ในโรงพยาบาลเด็ก (ผู้เข้าร่วม 493 คน) และ 2 ฉบับ มีการศึกษาที่ทับซ้อนกันในบ้านพักคนชรา (ผู้เข้าร่วม 4007) การศึกษาไม่ได้แยกความรุนแรงอย่างชัดเจนจาก COVID-19 ในระดับเล็กน้อยกับ COVID-19 pneumonia ดังนั้นเราจึงนำเสนอผลลัพธ์ของทั้งสองร่วมกัน

การศึกษา 12 ฉบับ มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติในการคัดเลือกผู้เข้าร่วม เนื่องจากใช้เกณฑ์คัดเลือกล่วงหน้าในระดับสูง เพื่อตัดสินใจว่าจำเป็นต้องมีตรวจ reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) หรือไม่ หรือมีการคัดตัวอย่างที่ไม่ต่อเนื่องกัน หรือมีการคัดบางคนออกทั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของการศีกษา เราให้คะแนนการศึกษา 36 จาก 42 ฉบับ ว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติในการทดสอบ เนื่องจากมีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เกี่ยวกับวิธีการวัดอาการ โดยใคร และเมื่อใด สำหรับการศึกษาส่วนใหญ่ การเข้าเกณฑ์เพื่อทำการทดสอบขึ้นกับเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานนั้นๆ และเกณฑ์การตรวจในช่วงที่ทำการศึกษา ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่รวมอยู่ในการศึกษาได้รับการส่งต่อมายังสถานบริการด้านสุขภาพโดยพิจารณาจากอาการ ที่เราจะทำการประเมินในการทบทวนนี้

การนำไปใช้ประโยชน์ของการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมนี้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับการทบทวนวรรณกรรมเดิม เวอร์ชันนี้มีการศึกษาเพิ่มเติมในแผนกผู้ป่วยนอก ซึ่งเป็นสถาณการณ์ส่วนใหญ่ที่มีการประเมิน COVID-19 มีการศึกษาเพียง 3 ฉบับ นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเด็กแยกต่างหาก และมีเพียงการศึกษาเดียวที่เน้นเฉพาะในผู้สูงอายุ

เราพบข้อมูล 96 อาการหรืออาการและการแสดงร่วมกัน แทบไม่มีรายงานหลักฐานเกี่ยวกับอาการแสดงอย่างใดอย่างหนึ่งในการตรวจวินิจฉัย ดังนั้นการทบทวนนี้จึงรายงานการวินิจฉัยโดยอาการเป็นส่วนใหญ่ ผลลัพธ์มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการศึกษา ส่วนใหญ่มีความไวต่ำมากและมีความจำเพาะสูง RT-PCR เป็นมาตรฐานอ้างอิงที่ใช้บ่อยที่สุด (การศึกษา 40/42 ฉบับ)

มีอาการไออย่างเดียว (การศึกษา 11 ฉบับ) ที่มีความไวสูงกว่า 50% (62.4%, 95% CI 50.6% ถึง 72.9%)); ความจำเพาะต่ำ (45.4%, 95% CI 33.5% ถึง 57.9%)) มีไข้ ความไว 37.6% (95% CI 23.4% ถึง 54.3%) และความจำเพาะ 75.2% (95% CI 56.3% ถึง 87.8%) อาการไอ มีความน่าจะเป็นถ้าผลเป็นบวก 1.14 (95% CI 1.04 ถึง 1.25) และมีไข้ 1.52 (95% CI 1.10 ถึง 2.10) อาการเจ็บคอ มีความน่าจะเป็นที่ผลเป็นบวก 0.814 (95% CI 0.714 ถึง 0.929) ซึ่งหมายความว่าถ้ามีอาการเจ็บคอมีโอกาสในการเป็นโรคติดเชื้ออื่นแทนที่จะเป็น COVID-19

อาการหายใจลำบาก (การศึกษา 12 ฉบับ) และเหนื่อยล้า (การศึกษา 8 ฉบับ) มีความไว 23.3% (95% CI 16.4% ถึง 31.9%) และ 40.2% (95% CI 19.4% ถึง 65.1%) ตามลำดับ ความจำเพาะ 75.7% (95% CI 65.2% ถึง 83.9%) และ 73.6% (95% CI 48.4% ถึง 89.3%) อาการหายใจลำบาก มีความน่าจะเป็นที่ผลเป็นบวก 0.96 (95% CI 0.83 ถึง 1.11) และความเหนื่อยล้า 1.52 (95% CI 1.21 ถึง 1.91) ซึ่งหมายความว่าการพบความเหนื่อยล้าเพิ่มความน่าจะเป็น COVID-19 มากขึ้นเล็กน้อย

การไม่ได้กลิ่น (Anosmia) เพียงอย่างเดียว ( การศึกษา 7 ฉบับ) การเสียการรู้รส (ageusia) เพียงอย่างเดียว (การศึกษา 5 ฉบับ) และ อาการทั้งสองร่วมกัน (การศึกษา 6 ฉบับ) มีความไวต่ำกว่า 50% แต่มีความจำเพาะมากกว่า 90% การไม่ได้กลิ่น มีความไว 26.4% (95% CI 13.8% ถึง 44.6%) และความจำเพาะ 94.2% (95% CI 90.6% ถึง 96.5%) การเสียการรู้รส มีความไว 23.2% (95% CI 10.6% ถึง 43.3%) และความจำเพาะ 92.6% (95% CI 83.1% ถึง 97.0%) การไม่ได้กลิ่นหรือการเสียการรู้รส มีความไว 39.2% (95% CI 26.5% ถึง 53.6%) และความจำเพาะ 92.1% (95% CI 84.5% ถึง 96.2%) ผลรวมของความน่าจะเป็นที่ผลเป็นบวกของการไม่ได้กลิ่นเพียงอย่างเดียวและ การไม่ได้กลิ่นหรือการเสียการรู้รสเท่ากับ 4.55 (95% CI 3.46 ถึง 5.97) และ 4.99 (95% CI 3.22 ถึง 7.75) ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าคำจำกัดความเบื้องต้นของ 'red flag' นั่นคือมีความน่าจะเป็นที่ผลเป็นบวกอย่างน้อย 5 การเสียการรู้รสเพียงอย่างเดียวคือ 3.14 (95% CI 1.79 ถึง 5.51)

มีการศึกษา 24 ฉบับ ประเมินอาการและอาการแสดงร่วมกัน โดยส่วนใหญ่ศึกษาร่วมกับอาการด้านการได้กลิ่น การรวมอาการเข้ากับข้อมูลอื่นๆ เช่น ประวัติการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือการเดินทาง อายุ เพศ และอัตราการตรวจพบผู้ป่วยในถิ่นที่อาศัย ปัจจัยหลายตัวแปรบางตัวมีความไวสูงถึง 90%

ข้อสรุปของผู้วิจัย

อาการเพียงอย่างเดียวส่วนใหญ่ที่รวมอยู่ในการศึกษานี้มีความแม่นยำในการวินิจฉัยที่ไม่ดี การไม่มีหรือมีอาการยังไม่่สามารถใช้บอกว่าเป็นโรคหรือไม่เป็นโรคได้อย่างถูกต้อง การไม่ได้กลิ่นหรือการเสียการรู้รส อาจมีประโยชน์ในการเป็นสัญญาณเตือนสำหรับ COVID-19 อาการไอยังเป็นอาการที่ช่วยบอกว่าควรได้รับการทดสอบว่าเป็นหรือไม่ต่อ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าควรตรวจ PCR ให้กับบุคคลใดๆ ที่มีอาการทางเดินหายใจส่วนบนเท่านั้น เช่น เจ็บคอ หวัด หรือน้ำมูกไหล

การมีอาการร่วมกับประวัติอย่างอื่น เช่น ประวัติการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือการเดินทาง หรืออัตราการตรวจพบผู้ป่วย อาจเป็นประโยชน์มากกว่า และควรศึกษาเพิ่มเติมในประชากรที่ไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ที่มารับบริการในสถานพยาบาลปฐมภูมิหรือผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาล

ความแม่นยำในการวินิจฉัยของอาการสำหรับวินิจฉัย COVID-19 อยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำ และกลยุทธ์ในการใช้อาการเพื่อวินิจฉัยจะส่งผลให้มีผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการสงสัยว่าเป็นโรคจำนวนมากและมีผู้ต้องเข้ารับการทดสอบจำนวนมาก การกำหนดเป้าหมายของกลยุทธ์การตรวจ COVID-19 คือการควบคุมการแพร่ระบาด โดยแยกทุกกรณีที่เป็นไปได้เมื่อเทียบกับการระบุผู้ที่มีอาการ เพื่อสามารถตรวจสอบหรือรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์โรคได้ แบบแรกกลยุทธ์ในการตรวจใช้อาการน้อยมากเป็นเกณฑ์ในการตรวจ แบบหลังอาจเน้นไปที่อาการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ไข้และการไม่ได้กลิ่น

บันทึกการแปล

แปลโดย เพียงจิตต์ ธารไพรสาณฑ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที 1 กรกฎาคม 2022 Edit โดย ผกากรอง 25 พฤศจิกายน 2022

การอ้างอิง
Struyf T, DeeksJJ, DinnesJ, TakwoingiY, DavenportC, LeeflangMMG, SpijkerR, HooftL, EmperadorD, DomenJ, TansA, JanssensS, WickramasingheD, LannoyV, HornSR A, Van den BruelA, Cochrane COVID-19 Diagnostic Test Accuracy Group.Signs and symptoms to determine if a patient presenting in primary care or hospital outpatient settings has COVID-19. Cochrane Database of Systematic Reviews 2022, Issue 5. Art. No.: CD013665. DOI: 10.1002/14651858.CD013665.pub3.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า