ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การลดความเครียดโดยใช้การฝึกสติในผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม

วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

วัตถุประสงค์ของการทบทวน Cochrane นี้คือเพื่อตรวจสอบว่าการลดความเครียดโดยใช้การฝึกสติ (MBSR) มีประโยชน์ต่อผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ นักวิจัย Cochrane รวบรวมและวิเคราะห์การศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตอบคำถามนี้ และพบการศึกษา 14 ฉบับ ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น

ใจความสำคัญ

สุขภาพของผู้หญิงได้รับการติดตามในช่วงเวลาต่างๆ ได้แก่ ทันทีหลังจากเสร็จสิ้น MBSR จนนานถึง 6 เดือนหลังจากเสร็จสิ้นการทำ MBSR และนานถึง 2 ปีหลังจากการทำ MBSR

MBSR อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตเล็กน้อยเมื่อสิ้นสุดการแทรกแซงแต่ส่งผลให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้หญิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีความแตกต่างเลยในภายหลัง MBSR อาจช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า และอาจช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับทั้งในช่วงสิ้นสุด MBSR และนานถึง 6 เดือนต่อมาหลังจากทำ MBSR ผู้หญิงรายงานว่ารู้สึกเหนื่อยล้าลดลงหลังจากทำ MBSR เสร็จทันที แต่ไม่นานถึง 6 เดือนหลังจากนั้น ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการรอดชีวิตหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

อะไรคือสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการทวนวรรณกรรมนี้

ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่มักจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษาในช่วงภาวะร้ายแรงและคุกคามชีวิต ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น นอนไม่หลับ ซึมเศร้า วิตกกังวล และเหนื่อยล้า งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า MBSR ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยมะเร็งปอด โรคอารมณ์ หรืออาการปวดเรื้อรัง ดังนั้น MBSR อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมด้วยเช่นกัน

MBSR คือโปรแกรม 8 สัปดาห์ที่มุ่งเน้นการลดความเครียดโดยการพัฒนาสติ หมายความว่า บุคคลนั้นฝึกฝนการตระหนักรู้ในแต่ละช่วงเวลาโดยไม่ตัดสินและยอมรับ เราต้องการศึกษาว่า MBSR มีประโยชน์ต่อผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ในแง่ของคุณภาพชีวิต ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ความเหนื่อยล้า และคุณภาพการนอนหลับ นอกจากนี้ เราได้พิจารณาถึงผลของมันต่ออัตราการรอดชีวิต และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งด้วย

เราค้นหาการศึกษาวิจัยที่เปรียบเทียบ MBSR กับการไม่ได้รับการรักษา และเราศึกษาวิจัยผลลัพธ์ในช่วงสิ้นสุดการแทรกแซงนานถึง 6 เดือนหลังการแทรกแซงและนานถึง 2 ปีหลังจากการแทรกแซง

อะไรคือผลลัพธ์หลักของการทบทวนวรรณกรรมนี้

ผู้เขียนการทบทวนวรรณกรรมพบการศึกษาที่เกี่ยวข้อง 14 ฉบับ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น การศึกษาส่วนใหญ่พิจารณาจากผู้หญิงที่ได้รับการรักษามะเร็งจนเสร็จสิ้นแล้ว เราสามารถวิเคราะห์ได้เพียงผลการศึกษา 10 ฉบับซึ่งมีผู้เข้าร่วม 1571 คน ส่วนการศึกษาอีกสี่ฉบับไม่ได้รายงานผลลัพธ์ (ที่สามารถนำมาใช้ได้) และการสอบถามไปยังผู้เขียนก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จากการศึกษา 10 ฉบับ ที่วิเคราะห์ มี 6 ฉบับจากสหรัฐอเมริกา 3 ฉบับจากยุโรป และ 1 ฉบับจากจีน

การตรวจสอบแสดงให้เห็นว่า MBSR อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้เล็กน้อยเมื่อสิ้นสุดการแทรกแซง แต่อาจแทบไม่มีความแตกต่างเลยภายในเวลา 6 เดือนหรือ 2 ปีหลังจากเสร็จสิ้นการทำ MBSR เมื่อสิ้นสุดการแทรกแซง การทำ MBSR จะช่วยลดภาวะซึมเศร้า ลดความเหนื่อยล้าและความวิตกกังวลได้เล็กน้อย และอาจช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับได้ด้วย หลังจากนั้น 6 เดือน MBSR น่าจะช่วยลดความวิตกกังวลได้เล็กน้อยและเพิ่มคุณภาพการนอนหลับเล็กน้อย และลดภาวะซึมเศร้าได้เล็กน้อย มีประโยชน์ต่ออาการอ่อนล้าเมื่อสิ้นสุดการแทรกแซงแต่ไม่นานเกิน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประโยชน์ทั้งหมด ยกเว้นภาวะซึมเศร้าในระยะสั้น ผลลัพธ์ที่เราพบอาจเกิดจากความบังเอิญ ในช่วงระยะเวลาถึง 2 ปีหลังการแทรกแซง โปรแกรม MBSR น่าจะมีผลเพียงเล็กน้อยถึงไม่มีผลเลยต่อความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และคุณภาพชีวิต ไม่มีข้อมูลในระยะยาวเกี่ยวกับความเหนื่อยล้าหรือคุณภาพการนอนหลับ ไม่มีการศึกษาที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการรอดชีวิตหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

ผู้เขียนค้นหาการศึกษาที่ตีพิมพ์จนถึงเดือนเมษายน 2018

บทนำ

มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง เมื่อได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น นอนไม่หลับ ซึมเศร้า และวิตกกังวล การลดความเครียดโดยอาศัยการฝึกสติ (MBSR) เป็นโปรแกรมที่มุ่งลดความเครียดโดยการพัฒนาสติ ซึ่งหมายถึงการตระหนักรู้ในแต่ละช่วงเวลาโดยไม่ตัดสินและยอมรับ MBSR ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางอารมณ์และอาการปวดเรื้อรัง และอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมด้วยเช่นกัน

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของการลดความเครียดโดยการฝึกสติ (MBSR) ในผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม

วิธีการสืบค้น

ในเดือนเมษายน 2018 เราได้ดำเนินการค้นหาทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างครอบคลุมสำหรับการศึกษา MBSR ในสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านมใน Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE, Embase และทะเบียนการทดลองสองแห่ง (International Clinical Trials Registry Platform ขององค์การอนามัยโลก (WHO ICTRP) และ ClinicalTrials.gov) เรายังได้ค้นคว้า รายงานการประชุมทางวิชาการ ที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม (RCT) ที่เปรียบเทียบ MBSR กับการไม่มีการแทรกแซงใดๆในสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านม

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้ระเบียบวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้ โดยใช้แบบฟอร์มการเก็บข้อมูลที่มีการกำหนดมาตรฐาน ผู้เขียนการทบทวนได้ดึงข้อมูลแบบทำซ้ำเกี่ยวกับคุณภาพของวิธีวิจัย ลักษณะผู้เข้าร่วมการศึกษา วิธีการแทรกแซง และผลลัพธ์ที่สนใจ (ได้แก่ คุณภาพชีวิต ความเหนื่อยล้า ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล คุณภาพการนอนหลับ การอยู่รอดโดยรวม และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์) สำหรับผลลัพธ์ที่ประเมินด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกัน เราใช้ค่าเฉลี่ยผลต่าง (MD) เป็นสถิติสรุปสำหรับการวิเคราะห์เมตต้า ส่วนผลลัพธ์ที่ประเมินด้วยเครื่องมือต่างชนิดกัน เราใช้ค่าเฉลี่ยผลต่างมาตรฐาน (SMD) ผลของการฝึกสติแบบ MBSR ได้รับการประเมินในระยะสั้น (เมื่อสิ้นสุดการแทรกแซง), ระยะกลาง (ภายใน 6 เดือนหลังการแทรกแซง) และระยะยาว (ภายใน 24 เดือนหลังการแทรกแซง)

ผลการวิจัย

มี RCTs จำนวน 14 ฉบับที่เข้าเกณฑ์การคัดเลือก โดยงานวิจัยส่วนใหญ่รายงานว่าเป็นการศึกษากับผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น การวิเคราะห์แบบเมตต้า สามารถรวมข้อมูลจากการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (RCTs) ได้ทั้งหมด 10 ฉบับ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรวม 1571 ราย ขณะที่อีก 4 ฉบับ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรวม 185 ราย ไม่ได้นำเสนอผลลัพธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ในการวิเคราะห์ การสอบถามไปยังผู้เขียนการศึกษาทั้งสี่นี้ไม่ประสบผลสำเร็จ การศึกษาทุกฉบับมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงในด้านการปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมและอคติในการประเมินผล เนื่องจากไม่สามารถปกปิดผู้เข้าร่วมการวิจัยได้ และมีเพียง 3 ใน 14 ฉบับเท่านั้นที่มีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำในการเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ การศึกษา 8 ใน 10 ฉบับที่รวมอยู่ใน meta-analysis ได้คัดเลือกผู้เข้าร่วมที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น (การทดลองอีก 2 ฉบับที่เหลือไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะมะเร็งชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น) การศึกษาส่วนใหญ่พิจารณาจากผู้หญิงที่ได้รับการรักษามะเร็งจนเสร็จสิ้นแล้ว

การฝึกสติแบบ MBSR อาจช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้เล็กน้อยเมื่อสิ้นสุดการแทรกแซง (อ้างอิงจากหลักฐานที่ความเชื่อมั่นต่ำ จากการศึกษา 3 ฉบับ รวมผู้เข้าร่วม 339 คน) แต่อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีความแตกต่างในช่วงถึง 6 เดือนหลังการแทรกแซง (จากหลักฐานที่ความเชื่อมั่นต่ำ จากการศึกษา 3 ฉบับ รวมผู้เข้าร่วม 428 คน) มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับคุณภาพชีวิต (นานถึง 2 ปีหลังจากเสร็จสิ้น MBSR) สำหรับการศึกษา 1 ฉบับ ในผู้เข้าร่วม 97 ราย (MD 0.00 ในแบบสอบถาม FACT-B, 95% CI −5.82 ถึง 5.82; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

ในระยะสั้น MBSR น่าจะช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ (SMD −0.50, 95% CI −0.86 ถึง −0.14; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 5 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 693 คน) นอกจากนี้ ยังน่าจะช่วยลดความวิตกกังวลได้เล็กน้อย (SMD −0.29, 95% CI −0.50 ถึง −0.08; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 6 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 749 คน) และลดภาวะซึมเศร้า (SMD −0.54, 95% CI −0.86 ถึง −0.22; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง; การศึกษา 6 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 745 คน) น่าจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้เล็กน้อย (SMD −0.38, 95% CI −0.79 ถึง 0.04; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 4 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 475 คน) อย่างไรก็ตาม ช่วงความเชื่อมั่นเหล่านี้ (ยกเว้นในกรณีภาวะซึมเศร้าระยะสั้น) ยังสอดคล้องได้ทั้งกับผลที่แสดงถึงการมีแนวโน้มดีขึ้น และผลที่แสดงว่าอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย

ในระยะกลาง MBSR อาจทำให้ความเหนื่อยล้าในระยะกลางมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (SMD −0.31, 95% CI −0.84 ถึง 0.23; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 4 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 607 คน) การแทรกแซงนี้ น่าจะช่วยลดความวิตกกังวลได้เล็กน้อย (SMD −0.28, 95% CI −0.49 ถึง −0.07; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 7 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 1094 คน) ภาวะซึมเศร้า (SMD −0.32, 95% CI −0.58 ถึง −0.06; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 7 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 1097 คน) และปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับเล็กน้อย (SMD −0.27, 95% CI −0.63 ถึง 0.08; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง; การศึกษา 4 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 654 คน) อย่างไรก็ตาม ช่วงความเชื่อมั่นเหล่านี้มีความสอดคล้องได้ทั้งกับผลที่แสดงถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นและผลที่แสดงว่าอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

ในระยะยาว หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า MBSR อาจทำให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในเรื่องความวิตกกังวล (SMD −0.09, 95% CI −0.35 ถึง 0.16; การศึกษา 2 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 360 คน) หรือภาวะซึมเศร้า (SMD −0.17, 95% CI −0.40 ถึง 0.05; การศึกษา 2 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 352 คน) ไม่มีข้อมูลในระยะยาวเกี่ยวกับความเหนื่อยล้าหรือคุณภาพการนอนหลับ

ไม่มีการศึกษาที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการรอดชีวิตหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ข้อสรุปของผู้วิจัย

MBSR อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตเล็กน้อยเมื่อสิ้นสุดการแทรกแซง แต่ในภายหลังอาจไม่มีความแตกต่างหรือแทบไม่มีความแตกต่างเลย MBSR น่าจะช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้เล็กน้อย และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับเล็กน้อยทั้งในช่วงสิ้นสุดการแทรกแซงและนานถึง 6 เดือนต่อมา ประโยชน์ต่ออาการอ่อนล้าปรากฏชัดเจนในช่วงสิ้นสุดการแทรกแซงแต่ไม่ถึง 6 เดือนหลังจากนั้น หลังการแทรกแซงนานถึง 2 ปี MBSR อาจทำให้ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้ามีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย และไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเหนื่อยล้าหรือคุณภาพการนอนหลับ

บันทึกการแปล

แปลโดย พญ.ชุติมา ชุณหะวิจิตร วันที่ 22 กรกฎาคม 2025

การอ้างอิง
Schell LK, Monsef I, Wöckel A, Skoetz N. Mindfulness-based stress reduction for women diagnosed with breast cancer. Cochrane Database of Systematic Reviews 2019, Issue 3. Art. No.: CD011518. DOI: 10.1002/14651858.CD011518.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า