ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

Polyunsaturated fatty acids (PUFA) สำหรับโรคสมาธิสั้น (ADHD) ในเด็กและวัยรุ่น

ADHD คืออะไร

โรคสมาธิสั้น (ADHD) เป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็กและวัยรุ่น ผู้ที่เป็นอาจมีปัญหาในการมีสมาธิ รู้สึกกระสับกระส่าย หรือกระทำสิ่งใดด้วยแรงกระตุ้น จากปัญหาเหล่านี้ ADHD อาจทำให้เกิดปัญหาทางสังคม วิชาการ และสุขภาพจิตในระยะยาว ยาเป็นวิธีการรักษาที่ใช้บ่อยที่สุดสำหรับผู้ป่วยสมาธิสั้น แต่ก็ไม่ได้ผลเสมอไป และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA) คืออะไร

กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA) เป็นไขมันชนิดหนึ่ง พวกมันจำเป็นสำหรับการพัฒนาปกติของสมองและพบได้ในอาหารอย่างเช่น ปลา (โอเมก้า 3 PUFA) และน้ำมันพืช (โอเมก้า 6 PUFA)

PUFA จะมีประโยชน์อย่างไรในเด็กสมาธิสั้น

มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่า ADHD อาจเกี่ยวข้องกับ PUFA ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PUFA โอเมก้า 3 อาหารเสริม PUFA อาจช่วยปรับปรุงอาการสมาธิสั้น ปัญหาพฤติกรรม และอาการทางสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้อง เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร PUFA ช่วยให้อาการสมาธิสั้นในเด็กและวัยรุ่นที่มีสมาธิสั้นดีขึ้นหรือไม่

แม้ว่าจะมีข้อมูลที่จำกัดในการทบทวนวรรณกรรมฉบับเดิม ที่แนะนำว่า PUFA ปรับปรุงอาการของโรคสมาธิสั้น แต่ปัจจุบันมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าการเสริม PUFA มีประโยชน์ สิ่งสำคัญคือต้องปรับปรุงหลักฐานเพื่อรวมการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ตั้งแต่การทบทวนวรรณกรรมฉบับเดิม

เราทำอะไร

เราค้นหาการทดลองทั้งหมดที่เปรียบเทียบ PUFA กับยาหลอก (ยาหลอก) ยา หรือการบำบัดทางจิตวิทยาหรือทางการแพทย์ในเด็กหรือวัยรุ่นที่มีสมาธิสั้น เราค้นหา 13 ฐานข้อมูลและ 2 ทะเบียบการทดลองที่ลงทะเบียนจนถึงเดือนตุลาคม 2021

เราพบอะไร

เราพบการศึกษาใหม่ 24 ฉบับในการปรับปรุงนี้ ทำให้จำนวนการศึกษาทั้งหมดที่รวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมเป็น 37 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเด็กและวัยรุ่นที่มีสมาธิสั้นมากกว่า 2374 คน มีการศึกษา 7 ฉบับทำในอิหร่าน การศึกษา 4 ฉบับในแต่ละประเทศคือสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล การศึกษา 2 ฉบับในแต่ละประเทสคือออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ สวีเดน และสหราชอาณาจักร และ มีการศึกษาดำเนินการในประเทศคือบราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ สเปน ศรีลังกา และไต้หวัน ประเทศละ 1 ฉบับ

การศึกษา 36 ฉบับเปรียบเทียบ PUFA กับยาหลอก การรักษาด้วย PUFA กินเวลาระหว่าง 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือน

แม้ว่าจะมีหลักฐานว่า PUFA สามารถปรับปรุงอาการ ADHD ในเด็กและวัยรุ่นได้ แต่หลักฐานส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า PUFA ไม่ได้ช่วยปรับปรุงอาการ ADHD เช่น ความไม่ตั้งใจหรือสมาธิสั้น-หุนหันพลันแล่น PUFA อาจสร้างความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อผลข้างเคียงโดยรวม หรือการออกจากการศึกษา (คือ ไม่อยู่ในการศึกษาจนครบกำหนด)

เราเชื่อมั่นแค่ไหนกับสิ่งที่พบ

เราเชื่อมั่นว่า PUFA ไม่มีผลต่ออาการสมาธิสั้นเมื่อเทียบกับยาหลอก แม้ว่าจะมีหลักฐานว่าอาการ ADHD อาจมีแนวโน้มดีขึ้นในเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับ PUFA เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่เราก็มีความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยในการค้นพบนี้

เราค่อนข้างเชื่อมั่นว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่ม PUFA และยาหลอกในด้านผลข้างเคียงโดยรวมหรือการออกจากการศึกษากลางคัน

ข้อจำกัดของการวิเคราะห์ได้แก่ขนาดตัวอย่างที่เล็ก ความแปรปรวนของเกณฑ์การคัดเลือก ความแปรปรวนของชนิดและปริมาณของการเสริม และเวลาติดตามผลที่สั้น

บทนำ

โรคสมาธิสั้น (ADHD) เป็นปัญหาสำคัญในเด็กและวัยรุ่น โดยมีลักษณะของความไม่ตั้งใจในระดับที่ไม่เหมาะสมตามวัย สมาธิสั้น และความหุนหันพลันแล่น และมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางสังคม วิชาการ และสุขภาพจิตในระยะยาว ยากระตุ้น methylphenidate and amphetamine เป็นวิธีการรักษาที่ใช้บ่อยที่สุดสำหรับผู้ป่วยสมาธิสั้น แต่ยาเหล่านี้ไม่ได้ผลเสมอไปและอาจเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียง หลักฐานทางคลินิกและทางชีวเคมีบ่งชี้ว่าการขาดกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA) อาจเกี่ยวข้องกับโรคสมาธิสั้น การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเด็กและวัยรุ่นที่มีสมาธิสั้นมี PUFA ในพลาสมาและเลือดต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระดับโอเมก้า 3 PUFA ที่ต่ำกว่า การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าการเสริม PUFA อาจลดปัญหาเกี่ยวกับความตั้งใจและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ADHD การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงจาก Cochrane Review ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ โดยรวมแล้ว มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าการเสริม PUFA ช่วยให้อาการของโรคสมาธิสั้นในเด็กและวัยรุ่นดีขึ้น

วัตถุประสงค์

เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ PUFA กับการรักษารูปแบบอื่นหรือยาหลอกในการรักษาอาการของโรคสมาธิสั้นในเด็กและวัยรุ่น

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา 13 ฐานข้อมูลและ 2 ทะเบียบการทดลองที่ลงทะเบียนจนถึงเดือนตุลาคม 2021 เรายังตรวจสอบรายการอ้างอิงของการศึกษาและการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องสำหรับเอกสารอ้างอิงเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวมการทดลองแบบสุ่มและกึ่งสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่เปรียบเทียบ PUFA กับยาหลอกหรือ PUFA ร่วมกับการรักษาทางเลือก (การรักษาด้วยยา พฤติกรรมบำบัด หรือจิตบำบัด) เทียบกับการรักษาทางเลือกแบบเดียวกันเพียงอย่างเดียวในเด็กและวัยรุ่น (อายุ 18 ปีหรือต่ำกว่า) ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักของเราคือความรุนแรงหรืออาการ ADHD ดีขึ้น ผลลัพธ์รองของเราคือความรุนแรงหรืออุบัติการณ์ของปัญหาพฤติกรรม คุณภาพชีวิต; ความรุนแรงหรืออุบัติการณ์ของอาการซึมเศร้า ความรุนแรงหรืออุบัติการณ์ของอาการวิตกกังวล ผลข้างเคียง; ขาดการติดตามการรักษา; และค่าใช้จ่าย เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์แต่ละรายการ

ผลการวิจัย

เรารวมการทดลอง 37 ฉบับซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 2374 คน ซึ่ง 24 การทดลอง เป็นรายการใหม่สำหรับการปรับปรุงนี้ การทดลอง 5 ฉบับ (รายงาน 7 ฉบับ) ใช้การออกแบบแบบไขว้ ในขณะที่การทดลองที่เหลือ 32 ฉบับ (รายงาน 52 ฉบับ) ใช้การออกแบบแบบคู่ขนาน (parallel design) การทดลอง 7 ฉบับ ดำเนินการในอิหร่าน การทดลอง 4 ฉบับในสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล และ การทดลอง 2 ฉบับในแต่ละประเทศได้แก่ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ สวีเดน และสหราชอาณาจักร มีการศึกษาดำเนินการในบราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ สเปน ศรีลังกา และไต้หวัน ประเทศละ 1 ฉบับ จากการทดลอง 36 ฉบับที่เปรียบเทียบ PUFA กับยาหลอก การทดลอง 19 ฉบับใช้ omega-3 PUFA การทดลอง 6 ฉบับใช้อาหารเสริมomega-3/omega-6 รวมกัน และการทดลองอีก 2 ฉบับใช้ omega-6 PUFA การทดลองที่เหลือ 9 ฉบับ รวมอยู่ในการเปรียบเทียบ PUFA กับยาหลอก แต่ก็มีการรักษาร่วมเดียวกันในกลุ่ม PUFA และยาหลอก ในจำนวนนี้การทดลอง 4 ฉบับเปรียบเทียบ omega-3 PUFA รวมกับ methylphenidate กับ methylphenidate การทดลองแต่ละฉบับเปรียบเทียบ omega-3 PUFA รวมกับ atomoxetine เทียบกับ atomoxetine โอเมก้า; 3 PUFA รวมกับการฝึกร่างกาย เทียบกับการฝึกร่างกาย; และอาหารเสริม omega-3 หรือ omega-6 รวมกับ methylphenidate เทียบกับ methylphenidate; และการทดลอง 2 ฉบับเปรียบเทียบ omega-3 PUFA รวมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเทียบกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การให้อาหารเสริมเป็นระยะเวลาระหว่าง 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือน

แม้ว่าเราจะพบหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่า PUFA เมื่อเทียบกับยาหลอกอาจช่วยให้อาการ ADHD ดีขึ้นในระยะกลาง (risk ratio (RR) 1.95, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 1.47 ถึง 2.60; การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 191 คน) มีหลักฐานความเชื่อมั่นสูงว่า PUFA ไม่มีผลต่ออาการ ADHD ทั้งหมดที่ได้รับการประเมินโดยผู้ปกครองเมื่อเทียบกับยาหลอกในระยะกลาง (ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD) −0.08, 95% CI −0.24 ถึง 0.07; การศึกษา 16 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1166 คน) นอกจากนี้ยังมีหลักฐานความเชื่อมั่นสูงว่าผู้ปกครองให้คะแนนความไม่ตั้งใจ (ระยะกลาง: SMD −0.01, 95% CI −0.20 ถึง 0.17; การศึกษา 12 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 960 คน) และสมาธิสั้น/หุนหันพลันแล่น (ระยะกลาง: SMD 0.09, 95% CI −0.04 ถึง 0.23; การศึกษา 10 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 869 คน) คะแนนไม่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับยาหลอก

มีหลักฐานความเชื่อมั่นระดับปานกลางว่าผลข้างเคียงโดยรวมไม่น่าจะแตกต่างกันระหว่าง PUFA และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (RR 1.02, 95% CI 0.69 ถึง 1.52; การศึกษา 8 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 591 คน) นอกจากนี้ยังมีหลักฐานความเชื่อมั่นในระดับปานกลางว่าการสูญเสียการติดตามระยะกลางมีแนวโน้มคล้ายคลึงกันระหว่างกลุ่ม (RR 1.03, 95% CI 0.77 ถึง 1.37; การศึกษา 13 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1121 คน)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

แม้ว่าเราจะพบหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำว่าเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับ PUFA อาจมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก แต่ก็มีหลักฐานความเชื่อมั่นสูงว่า PUFA ไม่มีผลต่ออาการ ADHD ทั้งหมดที่ผู้ปกครองเป็นผู้ให้คะแนน นอกจากนี้ยังมีหลักฐานความเชื่อมั่นสูงว่าการไม่ตั้งใจและสมาธิสั้น/ความหุนหันพลันแล่นไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม PUFA และยาหลอก

เราพบหลักฐานทความเชื่อมั่นปานกลางว่าผลข้างเคียงโดยรวมไม่มีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่ม PUFA และยาหลอก นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางว่าการติดตามระหว่างกลุ่มมีความคล้ายคลึงกัน

สิ่งสำคัญคือการวิจัยในอนาคตต้องจัดการกับจุดอ่อนในปัจจุบันในด้านนี้ ซึ่งดด้แก่ขนาดตัวอย่างที่เล็ก ความแปรปรวนของเกณฑ์การคัดเลือก ความแปรปรวนของชนิดและปริมาณของการให้สารเสริม และเวลาติดตามผลที่สั้น

บันทึกการแปล

ผู้แปล ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3 พฤษภาคม 2023 Edit โดย ผกากรอง 2 สิงหาคม 2023

Citation
Gillies D, Leach MJ, Perez Algorta G. Polyunsaturated fatty acids (PUFA) for attention deficit hyperactivity disorder (ADHD) in children and adolescents. Cochrane Database of Systematic Reviews 2023, Issue 4. Art. No.: CD007986. DOI: 10.1002/14651858.CD007986.pub3.