สารยับยั้ง acetylcholinesterase ช่วยลดความบกพร่องหลักที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของกลุ่มอาการออทิสติก หรือไม่

ใจความสำคัญ

ในปัจจุบัน ยังไม่ชัดเจนว่าสารยับยั้ง acetylcholinesterase มีประสิทธิผลในการรักษาลักษณะสำคัญของออทิสติก หรือไม่ เนื่องจากมีการศึกษาน้อยมาก การศึกษาทั้ง 2 ฉบับที่เราพบมีขนาดเล็กและรายงานผลลัพธ์ได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม มีการศึกษากำลังดำเนินการจำนวนมากในเรื่องนี้

กลุ่มอาการออทิสติก คืออะไร

กลุ่มอาการออทิสติก (autism) เป็นภาวะที่ส่งผลต่อวิธีคิด ความรู้สึก ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมของบุคคลนั้นๆ พฤติกรรมหลักของออทิสติก คือการแบ่งปันความสนใจที่ลดลง ความยากลำบากในการสื่อสารแบบอวัจนภาษา (เช่น การสบตาน้อย) ความยากลำบากในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ และพฤติกรรมหรือความสนใจที่ถูกจำกัดหรือทำซ้ำๆ พฤติกรรมเหล่านี้อาจมีความรุนแรงแตกต่างกันไป แต่ก็ยังรบกวนการทำงานประจำวันและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของบุคคลนั้น ยาที่เรียกว่าสารยับยั้ง acetylcholinesterase (สารเคมีที่ขัดขวางการสลายปกติของสารส่งสัญญาณประสาท) ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์ (เช่น donepezil และ galantamine) เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข้อเสนอแนะว่ายาเหล่านี้อาจลดความยากลำบากบางอย่างที่พบในคนที่มีอาการออทิสติก

เราต้องการค้นหาอะไร

การใช้ตัวยับยั้ง acetylcholinesterase อย่างเดียวหรือร่วมกับยาอื่นๆ ช่วยลดลักษณะหลักของ autism (การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม พฤติกรรมจำกัดและทำซ้ำๆ) เมื่อเทียบกับยาหลอก (เม็ดยาหลอก) เราต้องการทราบว่าสารยับยั้ง acetylcholinesterase เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่ตรวจสอบว่ามีความแตกต่างใดๆ ในพฤติกรรมของคนที่มีอาการออทิสติกหรือไม่หลังจากที่พวกเขาได้รับสารยับยั้ง acetylcholinesterase เปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และให้คะแนนความเชื่อมั่นของเราในหลักฐานต่างๆ โดยพิจารณาจากสิ่งต่างๆ เช่น การศึกษามีขนาดใหญ่และดำเนินการได้ดีเพียงใด

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้อง การศึกษา 1 ฉบับพิจารณาว่าตัวยับยั้ง acetylcholinesterase ที่เรียกว่า galantamine ร่วมกับยาที่เรียกว่า risperidone (แต่เดิมใช้รักษาโรคจิต) ดีกว่ายาหลอกร่วมกับ risperidone หรือไม่ การศึกษานี้รวมเด็ก 40 คนอายุระหว่าง 4 ถึง 12 ปีที่มีการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก ซึ่งทำใน 10 สัปดาห์ในอิหร่าน การศึกษาที่ 2 เปรียบเทียบตัวยับยั้ง acetylcholinesterase ที่เรียกว่า donepezil กับยาหลอก ในจำนวนนี้มีเด็ก 34 คน อายุระหว่าง 8 ถึง 17 ปี ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา การศึกษาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเด็กที่เข้ารับการรักษาในคลินิกผู้ป่วยนอก

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนวรรณกรรมคืออะไร

ไม่ชัดเจนว่าสารยับยั้ง acetylcholinesterase สร้างความแตกต่างให้กับลักษณะหลักของออทิสติก ในเด็กหรือผู้ใหญ่

Galantamine อาจทำให้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและทักษะการสื่อสารและระดับความหงุดหงิดต่างกันเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในเด็กออทิสติก หลังการรักษา 10 สัปดาห์ ไม่มีหลักฐานว่า galantamine ช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อจำกัดในพฤติกรรมหรือพฤติกรรมซ้ำๆ หรือ ภาวะอยู่ไม่สุขหรืออยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity) Galantamine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น หงุดหงิด ง่วงซึม เจริญอาหาร และอาการสั่น

ไม่มีหลักฐานว่า donepezil ช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับลักษณะสำคัญของออทิสติก หรือปัญหารองที่เกี่ยวข้อง เราไม่สามารถทราบได้ว่าจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ในเด็กออทิสติก หรือไม่ เนื่องจากการศึกษาไม่ได้รายงานผลอย่างสมบูรณ์

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เรามีความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยในหลักฐานสำหรับการใช้ยานี้เพื่อรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับออทิสติก เนื่องจากหลักฐานมาจากการศึกษาขนาดเล็ก 2 ฉบับที่ดำเนินการหรือรายงานได้ไม่ดีนัก แต่ละการศึกษาพิจารณาตัวยับยั้ง acetylcholinesterase ประเภทต่างกัน และวิธีให้ยาต่างกัน ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดที่เราสนใจ และพวกเขาวัดผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน

หากมีการศึกษาเพิ่มเติมในการทบทวนวรรณกรรมในอนาคต ผลลัพธ์เหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้

การทบทวนวรรณกรรมนี้ทันสมัยแค่ไหน

หลักฐานในการทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารยับยั้ง acetylcholinesterase เป็นยาเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการออทิสติก ยังขาดอยู่ และสำหรับเด็กออทิสติกยังไม่แน่นอน

จำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดีขึ้นของผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทางคลินิก บุคคลที่มีอาการออทิสติก และครอบครัวของพวกเขา มีการศึกษาที่กำลังดำเนินการจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับสารยับยั้ง acetylcholinesterase และการปรับปรุงในอนาคตของการทบทวนวรรณกรรมนี้อาจเพิ่มหลักฐานในปัจจุบัน

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

กลุ่มอาการออทิสติก (autism) เป็นภาวะพัฒนาการทางระบบประสาทที่มีลักษณะเฉพาะจากความบกพร่องในการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม รวมถึงรูปแบบพฤติกรรมและความสนใจที่จำกัดและซ้ำซาก ในขณะที่บางคนยอมรับ autism เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของพวกเขา คนอื่นๆ ต่อสู้กับความยากลำบากของพวกเขา และบางคนแสวงหาการรักษา ไม่มีวิธีการในปัจจุบันที่ส่งผลให้คุณลักษณะออทิสติกลดลงอย่างสมบูรณ์

Acetylcholine เป็นสารสื่อประสาทสำหรับระบบ cholinergic และมีบทบาทในด้านความสนใจ การแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ และความจำ ระดับ acetylcholine ที่ต่ำได้รับการตรวจสอบว่ามีส่วนทำให้เกิดอาการ autism Donepezil, galantamine และ rivastigmine (โดยทั่วไปเรียกว่าสารยับยั้ง acetylcholinesterase) ล้วนยับยั้ง acetylcholinesterase และมีรูปแบบการทำงานและความพร้อมใช้งานทางชีวภาพที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นประสิทธิผลและรูปแบบผลข้างเคียงอาจแตกต่างกันไป ผลของสารยับยั้ง acetylcholinesterase ต่างๆ ต่อลักษณะ autism หลักตลอดอายุขัยและผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและอันตรายของสารยับยั้ง acetylcholinesterase สำหรับผู้ที่มีอาการ autism (ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การสื่อสาร และพฤติกรรมซ้ำซากจำเจ)

เพื่อประเมินผลของสารยับยั้ง acetylcholinesterase ต่อคุณลักษณะที่ไม่ใช่ลักษณะหลักของ autism (non-core features of autism)

วิธีการสืบค้น: 

ในเดือนพฤศจิกายน 2022 เราสืบค้นใน CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นๆ 8 ฐานและทะเบียนการทดลอง 2 ฐาน เรายังค้นหารายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมและการทบทวนที่เกี่ยวข้อง และติดต่อผู้ประพันธ์การศึกษาที่เกี่ยวข้อง

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) เปรียบเทียบตัวยับยั้ง acetylcholinesterase (เช่น galantamine, donepezil หรือ rivastigmine) ในขนาดที่แตกต่างกัน ที่ให้ทางปากหรือผ่านแผ่นแปะผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยาเดี่ยวหรือการรักษาเสริม เทียบกับยาหลอก คนทุกวัยที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกว่าเป็น autism มีสิทธิ์เข้าร่วม

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ระเบียบวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้ ผลลัพธ์หลักของเราคือคุณลักษณะหลักของออทิสติกและผลข้างเคียง ผลลัพธ์รอง ได้แก่ ภาษา ความหงุดหงิด มีกิจกรรมมากเกิน และสุขภาพทั่วไปและการทำงาน เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม RCTs 2 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 74 คน) การศึกษา 1 ฉบับ ดำเนินการในอิหร่าน การศึกษาที่สองในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าตำแหน่งที่แน่นอนในสหรัฐอเมริกาจะไม่ชัดเจน

Galantamine กับ Risperidone เทียบกับยาหลอกร่วมกับ Risperidone

การศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบผลของ galantamine กับ risperidone เทียบกับยาหลอกร่วมกับ risperidone (ผู้เข้าร่วม 40 คน อายุ 4 ปีถึง 12 ปี) ผลลัพธ์หลักและผลลัพธ์รองที่น่าสนใจถูกวัดภายหลังการรักษา โดยใช้มาตราส่วนย่อยของ Aberrant Behavior Checklist (คะแนน 0 ถึง 3 คะแนนที่สูงกว่า = ความบกพร่องที่มากขึ้น) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากแสดงให้เห็นว่ามีความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างสองกลุ่มหลังการรักษา สำหรับการสื่อสารทางสังคม (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) -2.75, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) -5.88 ถึง 0.38) และพฤติกรรมจำกัดและทำซ้ำ (MD - 0.55, 95% CI -3.47 ถึง 2.37) ไม่ได้ประเมินลักษณะออทิสติกโดยรวม เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อาจสูงขึ้นในกลุ่มที่ได้รับ galantamine กับ risperidone (75%) เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกกับ risperidone (35%): odds ratio 5.57, 95% CI 1.42 ถึง 21.86, หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นความแตกต่างเล็กน้อยในด้านความหงุดหงิด (MD -3.50, 95% CI -6.39 ถึง -0.61) โดยที่กลุ่ม galantamine กับ risperidone แสดงการลดลงของระดับความหงุดหงิดมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกหลังการรักษา ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่ม สำหรับการมีกิจกรรมมากเกินหลังการรักษา (MD -5.20, 95% CI -10.51 ถึง 0.11) ไม่ได้ประเมินสุขภาพและการทำงานทั่วไป

Donepezil กับยาหลอก

การศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ donepezil กับยาหลอก (ผู้เข้าร่วม 34 คนอายุ 8 ปีถึง 17 ปี) ผลลัพธ์หลักที่น่าสนใจที่วัดหลังการรักษา โดยใช้มาตราส่วนย่อยของ Modified Version of The Real Life Rating Scale (คะแนน 0 ถึง 3 คะแนนที่สูงกว่า = ความบกพร่องที่มากขึ้น) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากไม่แสดงหลักฐานของความแตกต่างของกลุ่มทันทีหลังการรักษาในลักษณะออทิสติกโดยรวม (MD 0.07, 95% CI -0.19 ถึง 0.33) หรือในกลุ่มอาการออทิสติก ของการสื่อสารทางสังคม (MD -0.02, 95% CI -0.34 ถึง 0.30) และพฤติกรรมจำกัดและทำซ้ำ (MD 0.04, 95% CI -0.27 ถึง 0.35) เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่สำคัญที่นำไปสู่การถอนตัวออกจากการศึกษาในผู้เข้าร่วมอย่างน้อย 1 รายได้รับการบอกเป็นนัยในส่วนการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ไม่ได้รายงานอย่างชัดเจน หลักฐานไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของยา donepezil เมื่อเทียบกับยาหลอก ต่อผลลัพธ์รองที่น่าสนใจ ได้แก่ ความหงุดหงิด (MD 1.08, 95% CI -0.41 ถึง 2.57), มีกิจกรรมมากเกิน (MD 2.60, 95% CI 0.50 ถึง 4.70) และสุขภาพทั่วไปและการทำงาน (MD 0.03, 95% CI -0.48 ถึง 0.54) หลังการรักษา

จากการวิเคราะห์ทั้งหมดภายในการเปรียบเทียบนี้ เราตัดสินว่าหลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมากเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอคติ และความไม่แม่นยำที่ร้ายแรงมาก (ผลจากการศึกษาขนาดเล็ก 1 ฉบับที่มีช่วงความเชื่อมั่นกว้าง) การศึกษารายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยบรรยายสำหรับการศึกษาโดยรวม แทนที่จะรายงานตามกลุ่มการรักษา

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 9 มิถุนายน 2023 Edit โดย ผกากรอง 29 กันยายน 2023

Tools
Information