Cilostazol สำหรับ โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย

ความเป็นมา

การอุดตันในหลอดเลือดแดงที่ขา - โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย - ส่งผลกระทบต่อ 20% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีและ 4% ถึง 12% ของผู้ที่มีอายุ 55 ถึง 70 ปี ประมาณ 40% ของผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายบ่นว่ามีอาการปวดที่ขาหรือก้น ที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายและบรรเทาลงด้วยการพักผ่อน ภาวะนี้เรียกว่าอาการปวดน่องเป็นพักๆ และอาการเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้สำหรับการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงที่ถูกอุดตันในส่วนอื่นของร่างกาย ผู้ที่มีภาวะอาการปวดน่องเป็นพักๆ มีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 ถึง 6 เท่าอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกันโดยไม่มี อาการปวดน่องเป็นพักๆ

ผู้ที่มีอาการปวดน่องเป็นพักๆ จะได้รับการจัดการทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยง เช่น การเลิกสูบบุหรี่ และการออกกำลังกายที่มีแบบแผน การปรับเปลี่ยนความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มเติมรวมถึงการรักษาความดันโลหิตสูง เบาหวาน และการลดคอเลสเตอรอล ในทางปฏิบัติ การปฏิบัติตามการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดนั้นไม่ดี และคนส่วนใหญ่ยังคงมีอาการปวดน่องเป็นพักๆ การรักษาด้วยยาบางชนิด เช่น cilostazol ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยปรับปรุงอาการของีอาการปวดน่องเป็นพักๆ ดังนั้นเราจึงตรวจสอบหลักฐานเพื่อดูว่า cilostazol ปรับปรุงระยะเดิน คุณภาพชีวิต และผลลัพธ์ที่สำคัญอื่นๆ หรือไม่เมื่อเทียบกับยาหลอก (ยาหลอก) หรือยาอื่นที่ใช้สำหรับอาการปวดน่องเป็นพักๆ

ลักษณะของการศึกษาและผลการศึกษาที่สำคัญ

เรารวมการทดลองแบบ double-blind, randomised controlled trials 16 รายการโดยมีผู้ใหญ่ 3972 คน (สืบค้นจนถึง 9 พฤศจิกายน 2020) ผู้เข้าร่วมที่ใช้ cilostazol เป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือนสามารถเดินต่อไปได้ประมาณ 26 เมตรก่อนปวดน่องและอีก 40 เมตรโดยรวมเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เข้าร่วมที่ได้รับยาหลอก อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมที่ใช้ cilostazol มีโอกาสปวดศีรษะที่เกี่ยวข้องกับยาที่ใช้ในการศึกษาเกือบ 3 เท่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิผลของ cilostazol สำหรับเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การตัดแขนขา การเกิดหลอดเลือดใหม่ และเหตุการณ์หัวใจและหลอดเลือด แม้จะมีความสำคัญ แต่มีการศึกษาเพียง 4 รายการเท่านั้นที่รายงานคุณภาพชีวิตโดยใช้เครื่องมือและวิธีการรายงานที่แตกต่างกัน ข้อมูลที่จำกัดมากแสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างระหว่าง cilostazol และ pentoxifylline ในการปรับปรุงระยะการเดิน และไม่มีข้อมูลเพียงพอที่เปรียบเทียบ cilostazol กับ pentoxifylline สำหรับผลลัพธ์อื่นๆ

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

เราตัดสินว่าความเชื่อมั่นของหลักฐานนั้น 'ต่ำมาก' ถึง 'ต่ำ' สำหรับผลลัพธ์ทั้งหมด ยกเว้นอาการปวดหัว ซึ่ง 'มีความเชื่อมั่นปานกลาง' การศึกษาทั้งหมดถูกปรับลดลงเนื่องจากเราสงสัยอย่างยิ่งว่ามีอคติในการตีพิมพ์จากการมีส่วนร่วมของบริษัทยา

บทสรุป

Cilostazol สามารถเพิ่มระยะทางในการเดินทั้งโดยรวมและก่อนเริ่มมีอาการปวดเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก cilostazol สัมพันธ์กับอาการปวดศีรษะที่เพิ่มขึ้น และไม่มีหลักฐานสำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญอื่นๆ เช่น การตัดแขนขา หลอดเลือดตีบ และเหตุการณ์หัวใจและหลอดเลือด

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

Cilostazol ได้แสดงให้เห็นว่าช่วยปรับปรุงระยะการเดินในผู้ที่มี intermitteny claudication อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ cilostazol มีโอกาสปวดศีรษะสูงกว่า มีหลักฐานไม่เพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิผลของ cilostazol สำหรับเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การตัดแขนขา การเกิดหลอดเลือดใหม่ และเหตุการณ์หัวใจและหลอดเลือด แม้ว่า QoL จะมีความสำคัญต่อผู้ป่วย แต่ไม่สามารถทำ meta-analysis ได้ เนื่องจากความแตกต่างในการวัดผลที่ใช้และการรายงาน ข้อมูลที่จำกัดมากบ่งชี้ว่าไม่มีความแตกต่างระหว่าง cilostazol และ pentoxifylline สำหรับการปรับปรุงระยะการเดิน และข้อมูลถูกจำกัดเกินไปสำหรับข้อสรุปใดๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์อื่นๆ

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (PAD) มีผลใน 4% ถึง 12% ของคนอายุ 55 ถึง 70 ปี และ 20% ของคนที่มีอายุมากกว่า 70 ปี อาการโดยทั่วไปคือ อาการปวดน่องเป็นพักๆ (อาการปวดขาส่วนล่างที่เกิดจากการออกกำลังกาย บรรเทาลงด้วยการพักผ่อน) ผู้ป่วยเหล่านี้มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น 3 ถึง 6 เท่า cilostazol เป็นยาที่ได้รับอนุญาตสำหรับทำให้อาการปวดน่องเป็นพักๆดีขึ้น และหากพบว่าลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด อาจให้ประโยชน์ทางคลินิกเพิ่มเติม นี่คือการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2007

วัตถุประสงค์: 

เพื่อตรวจสอบผลของ cilostazol ต่อระยะทางเริ่มต้นและระยะสมบูรณ์ของการปวดน่อง การตายและเหตุการณ์ของหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการปวดน่องเป็นพักๆ

วิธีการสืบค้น: 

ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลหลอดเลือดของ Cochrane ได้ค้นหาฐานข้อมูล Cochrane Vascular Specialized Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, CINAHL และ AMED และฐานข้อมูล World Health Organization International Clinical Trials Registry Platform และ ClinicalTrials.gov trials registries เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เราพิจารณาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) แบบ double-blind ของ cilostazol เทียบกับยาหลอก หรือเทียบกับยาอื่นๆ ที่ใช้ในการปรับปรุงระยะ claudication ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดน่องเป็นพักๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ประพันธ์ 2 คนประเมินการทดลองเพื่อคัดเลือกและดึงข้อมูลอย่างอิสระต่อกัน เราแก้ไขความขัดแย้งใด ๆ ด้วยการปรึกษาหารือ เราประเมินความเสี่ยงของการมีอคติด้วยเครื่องมือประเมินความเสี่ยงของการมีอคติของ Cochrane ประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้วิธีการ GRADE สำหรับผลลัพธ์แบบ dichotomous เราใช้ odds ratio (OR) พร้อมกับช่วงความเชื่อมั่น (CI) 95% และสำหรับผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลต่อเนื่อง เราใช้ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) และ 95% CI เรารวมข้อมูลโดยใช้ fixed effect model หรือ random effect model เมื่อพบ heterogeneity ผลลัพธ์หลักคือระยะ initial claudication distance (ICD) และคุณภาพชีวิต (QoL) ผลลัพธ์รองคือ absolutr claudication distance (ACD), revascularization, การตัดแขนขา, เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และเหตุการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือด

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม double blind RCTs 16 รายการ (ผู้เข้าร่วม 3,972 คน) ที่เปรียบเทียบ cilostazol กับยาหลอก ซึ่งการศึกษา 5 รายการ ยังเปรียบเทียบ cilostazol กับ pentoxifylline ระยะเวลาการรักษาอยู่ระหว่าง 6 ถึง 26 สัปดาห์ ผู้เข้าร่วมทั้งหมดมีอาการปวดน่องเป็นพักๆ จาก PAD ขนาดของ cilostazol อยู่ระหว่าง 100 มก. ถึง 300 มก.; ปริมาณของ pentoxifylline อยู่ระหว่าง 800 มก. ถึง 1200 มก. ความเชื่อมั่นของหลักฐานถูกลดระดับลง 1 ระดับสำหรับการศึกษาทั้งหมด เนื่องจากสงสัยว่ามีอคติในการตีพิมพ์อย่างมาก เหตุผลอื่นๆ ของการปรับลดระดับคือ imprecision, inconsistency และ selective reporting

Cilostazol เทียบกับยาหลอก

ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ cilostazol มี ICD สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก (MD 26.49 เมตร; 95% CI 18.93 ถึง 34.05; ผู้เข้าร่วม 1722 คน; 6 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เรารายงานการวัดผล QoL โดยการบรรยาย เนื่องจากรายละเอียดทางสถิติในการศึกษาไม่เพียงพอที่จะรวมผลลัพธ์ มีหลักฐานที่เป็นไปได้ว่า QoL ดีขึ้นในกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วย cilostazol (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ cilostazol มี ACD สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (39.57 เมตร; 95% CI 21.80 ถึง 57.33; ผู้เข้าร่วม 2360 คน; 8 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) อาการไม่พึงประสงค์ที่รายงานบ่อยที่สุด ได้แก่ ปวดศีรษะ, ท้องร่วง, อุจจาระผิดปกติ, เวียนศีรษะ, อาการปวดและใจสั่น ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ cilostazol มีโอกาสปวดศีรษะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมที่ได้รับยาหลอก (OR 2.83; 95% CI 2.26 ถึง 3.55; ผู้เข้าร่วม 2584 คน; 8 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) มีการศึกษาน้อยมากที่รายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์อื่นๆ ดังนั้นจึงได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ revascularisation, amputation, หรือ cardiovascular events ไม่สามารถทำได้

Cilostazol เทียบกับ Pentoxifylline

ไม่พบความแตกต่างระหว่าง cilostazol และ pentoxifylline สำหรับระยะเดินที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของ ICD (MD 20.0 เมตร, 95% CI -2.57 ถึง 42.57; ผู้เข้าร่วม 417 คน; 1 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ); และ ACD (MD 13.4 เมตร, 95% CI -43.50 ถึง 70.36; ผู้เข้าร่วม 866 คน; 2 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) การศึกษา 1 รายการรายงาน QoL; ผู้ทำการศึกษารายงานว่าไม่มีความแตกต่างใน QoL ระหว่างกลุ่มการรักษา (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีรายงานการศึกษาเกี่ยวกับ revascularisation, amputation หรือ cardiovascular events ผู้เข้าร่วมที่ได้ cilostazol มีโอกาสปวดศีรษะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมที่ได้รับ pentoxifylline ที่ 24 สัปดาห์ (OR 2.20, 95% CI 1.16 ถึง 4.17; ผู้เข้าร่วม 982 คน; 2 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 11 กรกฎาคม 2021

Tools
Information