คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
การใช้เซนเซอร์ตรวจระดับน้ำตาลแบบฝังใต้ผิวหนัง (subcutaneous sensors) สำหรับการวัดระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง (CGM) ทั้งแบบมีหรือไม่มีอัลกอริธึมเพื่อช่วยปรับแก้ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงหรือต่ำเกินไป มีประโยชน์และโทษอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ (intermittent modalities) โดยอาจมีหรือไม่มีการใช้สูตรคำนวณ (algorithm) เพื่อช่วยปรับแก้ระดับน้ำตาลที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปในกลุ่มทารกคลอดก่อนกำหนดดังนี้:1. ทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ2. ทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป และ 3. ทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป
ความเป็นมา
ทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนดมีแนวโน้มที่จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป ทารกคลอดก่อนกำหนดส่วนใหญ่ที่มีความเข้มข้นที่ผิดปกติเหล่านี้จะมีการฟื้นตัวสมบูรณ์ หรือมีปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทารกคลอดก่อนกำหนดบางรายที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำมาก (หรือเป็นเวลานาน) อาจทำให้เสียชีวิตหรือเกิดปัญหาในภายหลังได้
เป้าหมายของการทบทวนวรรณกรรมฉบับปรับปรุงนี้ คือ เพื่อประเมินว่าการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (CGM) สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการระยะยาว หรือช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในทารกคลอดก่อนกำหนดได้หรือไม่ อุปกรณ์ CGM จะถูกใส่ไว้ใต้ผิวหนังและให้ข้อมูลระดับน้ำตาลในเลือดแบบเรียลไทม์ วิธีมาตรฐานในการวัดระดับน้ำตาลในเลือดประกอบด้วยการวัดความเข้มข้นของระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ โดยการดูดเลือดออกมาในปริมาณเล็กน้อย มักทำโดยการเจาะส้นเท้า
ลักษณะของการศึกษา
เราได้รวบรวมและวิเคราะห์การศึกษาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบคำถามการทบทวน และพบการศึกษา 4 ฉบับที่ศึกษาเด็กทารก 300 คน การศึกษาเหล่านี้ได้เปรียบเทียบการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) เทียบกับการตรวจวัดเป็นระยะๆ ในทารกกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป
ผลลัพธ์ที่สำคัญ
การศึกษาทั้ง 4 ฉบับนี้ไม่พบรายงานผลลัพธ์ด้านพัฒนาการทางประสาทในระยะยาวของทารกคลอดก่อนกำหนด การศึกษามีขนาดเล็กเกินไปที่จะระบุได้ว่า CGM มีผลต่อการอยู่รอดของทารกหรือไม่ ยังคงมีการศึกษาวิจัย 1 เรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ แม้ว่าการศึกษา 1 ฉบับที่ตีพิมพ์ในปี 2021 จะรายงานว่าอุบัติการณ์ของการบาดเจ็บที่ลำไส้ร้ายแรง (ภาวะลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอาการอักเสบของลำไส้รุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้) ต่ำกว่าในกลุ่ม CGM แต่ผลลัพธ์นี้ยังไม่แน่นอนอย่างมากเนื่องจากผลลัพธ์ยังไม่แม่นยำมาก จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม
คุณภาพของหลักฐานงานวิจัย
หลักฐานที่ได้มีคุณภาพต่ำมาก เพราะมีการศึกษาเพียงไม่กี่ฉบับ และมีจำนวนทารกที่เข้าร่วมในการศึกษาน้อย
การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
เราค้นหาการศึกษาวิจัยที่มีจนถึงวันที่ 1 เมษายน 2021
อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
ทารกคลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาทางระบบประสาทที่ไม่พึงประสงค์ การใช้เครื่องตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง (continuous glucose monitoring; CGM) อาจช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงปกติ และลดความจำเป็นในการตรวจเลือด อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) อาจเกี่ยวข้องกับอันตรายบางอย่างในทารกคลอดก่อนกำหนด
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (CGM) เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ (intermittent modalities) ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่ 1.มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycaemia) หรือสูง (hyperglycaemia); 2.ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ; หรือ 3.ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
วิธีการสืบค้น
เราค้นหา CENTRAL (2021, ฉบับที่ 4); PubMed; Embase; และ CINAHL ในเดือนเมษายน 2021 เรายังได้สืบค้นข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกในฐานข้อมูลต่างๆ, รายงานผลการประชุมวิชาการ, และรายการอ้างอิงของบทความที่รวบรวมได้ เพื่อค้นหางานวิจัยประเภทการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trials หรือ RCTs) และการทดลองแบบกึ่งสุ่ม (quasi-RCTs)
เกณฑ์การคัดเลือก
เราได้คัดเลือกการศึกษาประเภทการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (RCTs) และการทดลองแบบกึ่งสุ่ม (quasi-RCTs) ที่เปรียบเทียบการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) กับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ เพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดของทารกคลอดก่อนกำหนดในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง; กลุ่มที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ; หรือกลุ่มที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
เราได้ประเมินคุณภาพด้านระเบียบวิธีวิจัยของการศึกษาที่คัดเลือกเข้ามา โดยใช้เกณฑ์ของกลุ่ม Cochrane Effective Practice and Organisation of Care (EPOC) (ซึ่งประเมินในประเด็นต่างๆ ได้แก่ การสุ่ม, การปิดบัง (blinding), การขาดหายไปของผู้เข้าร่วมระหว่างการติดตามผล, และการจัดการข้อมูลผลลัพธ์) เราได้ประเมินผลของการรักษาโดยใช้ fixed-effect model โดยใช้อัตราส่วนความเสี่ยง (Risk Ratio; RR) พร้อมช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% Confidence Intervals; CI) สำหรับข้อมูลแบบกลุ่ม (categorical data) และใช้ค่าเฉลี่ย (Mean), ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation; SD) และความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (Mean Difference; MD) สำหรับข้อมูลต่อเนื่อง (continuous data) เราใช้แนวทาง GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน
ผลการวิจัย
เราได้รวบรวมการทดลอง 4 ฉบับ โดยมีเด็กทารกเข้าร่วม 300 คน ในการทบทวนวรรณกรรมฉบับปรับปรุงนี้ เราได้เพิ่มการศึกษาใหม่เข้ามา 1 ฉบับ และคัดการศึกษาที่เคยรวมไว้ก่อนหน้านี้ออก 1 ฉบับ (เนื่องจากมีการปรับเกณฑ์การคัดเลือกของการทบทวนวรรณกรรมนี้ให้แคบลง) เราเปรียบเทียบการใช้เครื่อง CGM กับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ ในทารกเกิดก่อนกำหนดที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง แต่มีการศึกษา 1 ฉบับที่ถูกนำมาวิเคราะห์แยกต่างหาก เพราะเป็นการใช้เครื่อง CGM แบบเดี่ยว โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับชุดคำสั่งควบคุม (control algorithm) ซึ่งแตกต่างจากการศึกษาฉบับอื่น เราไม่พบงานวิจัยที่ศึกษาในกลุ่มทารกคลอดก่อนกำหนดซึ่งมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงที่ได้รับการยืนยันแล้ว
จากการศึกษาทั้ง 4 ฉบับที่คัดเลือกมา ไม่มีการรายงานผลด้านพัฒนาการทางระบบประสาท (ซึ่งเป็นผลลัพธ์หลักของการทบทวนนี้) และภาวะชัก ผลของการใช้ CGM ต่ออัตราการเสียชีวิตระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลยังคงไม่ชัดเจน (RR 0.59, 95% CI 0.16 ถึง 2.13; RD −0.02, 95% CI −0.07 ถึง 0.03; ผู้เข้าร่วม 230 ราย; การศึกษา 2 ฉบับ; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ความเชื่อมั่นของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำมากสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดเนื่องจากข้อจำกัดในการออกแบบการศึกษา และความไม่แม่นยำของการประมาณการ มีการศึกษา 1 ฉบับที่กำลังดำเนินการอยู่ (ขนาดตัวอย่างโดยประมาณคือทารก 60 คน) และมีแผนที่จะแล้วเสร็จในปี 2022
ข้อสรุปของผู้วิจัย
ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุได้ว่า CGM ส่งผลต่ออัตราการเสียชีวิตหรือการเจ็บป่วยของทารกคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ เรายังไม่มั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (CGM) และอัลกอริธึมที่ใช้ในการจัดการระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังมีภาวะแทรกซ้อนอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการรายงาน ทารกคลอดก่อนกำหนดที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมในการศึกษาทั้ง 4 ฉบับที่นำเข้ามาในการทบทวนวรรณกรรมนี้ ยังไม่มีการศึกษาใดที่ศึกษาในกลุ่มทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับการยืนยันว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ไม่มีการรายงานผลลัพธ์ระยะยาว เหตุการณ์ของภาวะลำไส้เน่าซึ่งมีรายงานในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2021 ต่ำกว่าในกลุ่ม CGM อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของ CGM ต่อผลลัพธ์นี้ยังคงไม่แน่นอนอย่างมาก จำเป็นต้องมีการทดลองทางคลินิกเพื่อกำหนดรูปแบบการใช้ CGM และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในทารกคลอดก่อนกำหนด ก่อนที่จะสามารถดำเนินการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อประเมินประสิทธิผลของ CGM ในการลดอัตราการเสียชีวิต ภาวะแทรกซ้อน และความบกพร่องด้านพัฒนาการทางระบบประสาทในระยะยาวได้
ผู้แปล พญ.ชุติมา ชุณหะวิจิตร วันที่ 23 มิถุนายน 2025