ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การบำบัดด้วยการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

ในการทบทวน Cochrane นี้เราต้องการทราบว่าการบำบัดด้วยการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมมีประสิทธิผลได้ดีเพียงใดสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า

ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ

ภาวะซึมเศร้าเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบบ่อยซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกเศร้ายาวนานและสูญเสียความสนใจในผู้อื่น ในการทำกิจกรรม และสิ่งต่างๆ ที่เคยรู้สึกสนุกสนาน คนที่มีภาวะซึมเศร้าอาจรู้สึกร้องไห้ฟูมฟาย หงุดหงิดหรือเหนื่อยเกือบตลอดเวลา และอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ สมาธิและความจำ อาการเหล่านี้และอาการอื่น ๆ อาจทำให้การใช้ชีวิตประจำวันยากขึ้นกว่าปกติ

การรักษาภาวะซึมเศร้า ได้แก่ การใช้ยา (ยาต้านอาการซึมเศร้า) และการบำบัดทางจิตใจ (การบำบัดด้วยการพูดคุย) การกระตุ้นพฤติกรรมเป็นวิธีบำบัดทางจิตวิทยาประเภทหนึ่งที่กระตุ้นให้บุคคลพัฒนาหรือกลับเข้ามาทำกิจกรรมที่มีความหมายต่อพวกเขา การบำบัดเกี่ยวข้องกับการจัดตารางกิจกรรมและติดตามการทำพฤติกรรมและดูสถานการณ์เฉพาะที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้และกิจกรรมที่อาจเป็นประโยชน์ นักบำบัดอาจให้การสนับสนุนผู้ป่วยด้วยตนเองทางโทรศัพท์หรือทางออนไลน์โดยปกติจะใช้เวลาพบกันหลายครั้ง

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมอาจเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับสำหรับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่

สิ่งที่เราทำ

ในเดือนมกราคม 2020 เราได้สืบค้นการศึกษาเกี่ยวกับการบำบัดด้วยการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมสำหรับภาวะซึมเศร้าในผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) เราสืบค้นการทดลองแบบสุ่มอาสาสมัครเข้ากลุ่มควบคุมหรือกลุ่มทดลองซึ่งเป็นรูปแบบการวิจัยที่มีความเชื่อถือได้มากที่สุด

เรารวบรวม 53 การศึกษา มีผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยทั้งหมด 5495 คน การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่มีการกระตุ้นพฤติกรรมกับกลุ่มที่ไม่มีการรักษา การดูแลที่เป็นมาตรฐานหรือตามปกติ การรักษาหลอก (กลุ่มหลอก) การรักษาด้วยยา กลุ่มที่มีรายชื่อรอการรักษา หรือการบำบัดทางจิตอื่น ๆ (การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT), CBT คลื่นลูกที่สาม, การบำบัดแบบมนุษยนิยม , จิตบำบัดบำบัดแบบพลวัตร และการบำบัดแบบผสมผสาน)

การศึกษาที่นำมาทบทวน ดำเนินการใน 14 ประเทศ; ส่วนใหญ่ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา (27 การศึกษา) การศึกษาใช้เวลาตั้งแต่ 4 สัปดาห์ถึง 16 สัปดาห์

ผลลัพธ์ที่เราให้ความสำคัญคือกิจกรรมการทดลองการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมได้ผลดีเพียงใดและเป็นที่ยอมรับของผู้เข้าร่วมวิจัยหรือไม่ กิจกรรมการทดลองมีประสิทธิภาพเพียงใด วัดได้จากจำนวนผู้ที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี หรือไม่เข้าเกณฑ์ภาวะซึมเศร้าอีกต่อไปเมื่อสิ้นสุดการรักษา การยอมรับต่อรูปแบบการรักษาประเมินได้จากการนับจำนวนคนที่ออกจากการทดลองในระหว่างการศึกษา

เราพบอะไร

การกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมอาจรักษาอาการซึมเศร้าได้ดีกว่าการได้รับการดูแลตามปกติ เราไม่แน่ใจว่าการกระตุ้นพฤติกรรมได้ผลดีกว่าการใช้ยาหรือดีกว่ากลุ่มที่อยู่ในรายชื่อผู้รอการรักษาหรือไม่และเราไม่พบหลักฐานใด ๆ สำหรับผลลัพธ์นี้เมื่อเปรียบเทียบการกระตุ้นพฤติกรรมกับการไม่ได้รับการรักษาหรือการรักษาด้วยยาหลอก

เราไม่พบความแตกต่างระหว่างการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมและ การรักษาด้วย CBT ในการรักษาภาวะซึมเศร้า แม้ว่าเราไม่พบหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้เพียงพอที่จะเปรียบเทียบการกระตุ้นพฤติกรรมกับจิตบำบัดรูปแบบอื่น ๆ แต่การกระตุ้นพฤติกรรม ก็อาจได้ผลดีกว่าการบำบัดแบบมนุษยนิยมและเราไม่พบความแตกต่างระหว่างการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมและ CBT คลื่นลูกที่สาม หรือการบำบัดทางจิตแบบพลวัตร ไม่มีหลักฐานเปรียบเทียบการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมกับการบำบัดแบบผสมผสาน

การกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมอาจเป็นที่ยอมรับของผู้ป่วยน้อยกว่าการดูแลตามปกติ เราไม่พบความแตกต่างในผลลัพธ์การยอมรับวิธีการรักษาแบบการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่มีการอยู่ในรายชื่อรอการรักษา หรือไม่มีการรักษา หรือการใช้ยาต้านอาการซึมเศร้า หรือการได้รับการรักษาด้วยยาหลอก นอกจากนี้เรายังไม่พบความแตกต่างในการยอมรับรูปแบบการรักษาเมื่อเปรียบเทียบระหว่างการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมกับการบำบัดทางจิตรูปแบบอื่น ๆ ที่ศึกษา (CBT, CBT คลื่นลูกที่สาม, การบำบัดแบบมนุษยนิยม, การบำบัดแบบผสมผสาน) สำหรับการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเมื่อเปรียบเทียบกับการบำบัดทางจิตพลวัตรเราไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการยอมรับรูปแบบการรักษา

บทสรุป

การกระตุ้นพฤติกรรมอาจเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า การเสนอรูปแบบการบำบัดวิธีการนี้ในทางปฏิบัติจะช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้ามีทางเลือกในการรักษามากขึ้น และสามารถศึกษารูปแบบการรักษาและวิธีการของการรักษาที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต ความเชื่อมั่นของเราในการค้นพบนี้มีจำกัด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของหลักฐาน

การค้นพบส่วนใหญ่เป็นเพียงการประเมินผลในระยะสั้นซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถแน่ใจได้ว่าการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าในระยะยาว

ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน

ความเชื่อถือได้ (ความมั่นใจ) ของหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำถึงระดับปานกลาง การค้นพบบางอย่างมาจากการศึกษาเพียงไม่กี่เรื่อง คุณภาพการรายงานผลไม่ดีเพราะผู้เข้าร่วมวิจัยทราบว่าได้รับการรักษาแบบใด ดังนั้นเราจึงไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือเพียงใด ข้อสรุปของเราอาจเปลี่ยนแปลงได้หากมีการศึกษาเพิ่มเติม

บทนำ

การกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเป็นวิธีการทางจิตบำบัดระยะสั้น ที่พยายามเปลี่ยนวิธีการที่บุคคลมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมของตน การกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากอาจเป็นการบำบัดที่คุ้มค่าสำหรับภาวะซึมเศร้าซึ่งอาจใช้ทรัพยากรน้อยและการให้บริการและการดำเนินการอาจทำได้ง่ายกว่าจิตบำบัดประเภทอื่น ๆ

วัตถุประสงค์

เพื่อตรวจสอบผลของการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเปรียบเทียบกับการบำบัดทางจิตวิทยารูปแบบอื่น ๆ สำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า

เพื่อตรวจสอบผลของการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเปรียบเทียบกับการบำบัดด้วยยา สำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า

เพื่อตรวจสอบผลของการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมอื่นๆ เช่น ในการรักษาแบบปกติ หรือกลุ่มที่มีรายชื่อรอรับการบำบัด หรือ กลุ่มหลอกที่ไม่มีการบำบัด ในผู้ใหญ่ที่มีภาวะซึมเศร้า

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้นจาก CCMD-CTR (ปีที่มีข้อมูลทั้งหมด), CENTRAL (ฉบับปัจจุบัน), Ovid MEDLINE (ปี 1946 เป็นต้นไป), Ovid EMBASE (1980 เป็นต้นไป) และ Ovid PsycINFO (1806 เป็นต้นไป) ในวันที่ 17 มกราคม 2020 เพื่อค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs ) ของ 'การกระตุ้นพฤติกรรม' หรือมีองค์ประกอบหลักของการกระตุ้นพฤติกรรมสำหรับภาวะซึมเศร้าในผู้เข้าร่วมวิจัยที่มีภาวะซึมเศร้าที่ได้รับการวินิจฉัยทางการแพทย์หรือมีภาวะซึมเศร้าที่ยังไม่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยโรค เราไม่มีข้อจำกัดการสืบค้นเกี่ยวกับวันที่ ภาษา หรือสถานะการตีพิมพ์ เราสืบค้นจากการลงทะเบียนการทดลองระหว่างประเทศผ่านพอร์ทัลการทดลองขององค์การอนามัยโลก (ICTRP) และ ClinicalTrials.gov เพื่อค้นหาการทดลองที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์หรือกำลังดำเนินอยู่

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ของการกระตุ้นพฤติกรรมเพื่อรักษาภาวะซึมเศร้าหรืออาการของโรคซึมเศร้าในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีหรือมากกว่า เราไม่รวม RCT ที่ดำเนินการในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้เข้าร่วมการทดลองที่ถูกเลือกเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพทางกายร่วม การศึกษานี้ได้รวมงานวิจัยโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่รายงาน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คนทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นอิสระต่อกันในการทำการคัดกรองชื่อเรื่องและบทคัดย่อ และบทความฉบับเต็มตามเกณฑ์การคัดเข้า ผู้วิจัย 2 คนได้คัดเลือกงานวิจัย, ประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ และคัดลอกข้อมูลอย่างเป็นอิสระต่อกัน เมื่อจำเป็นเราจะติดต่อผู้นิพนธ์บทความวิจัยเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

ผลการวิจัย

รวม 53 การศึกษา ที่มีผู้เข้าร่วมวิจัย 5495 คน; RCT แบบ parallel group 51 การศึกษา และ cluster-RCTs 2 การศึกษา

เราพบหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางว่าการกระตุ้นพฤติกรรมมีประสิทธิภาพในระยะสั้นมากกว่าการรักษาตามปกติ (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.40, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 1.10 ถึง 1.78; 7 RCTs, ผู้เข้าร่วม 1533 คน) แม้ว่าความแตกต่างนี้จะไม่เห็นได้ชัดในการวิเคราะห์ความไวโดยใช้สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดหรือการวิเคราะห์ตาม intention-to-treat scenario เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่มีรายชื่อรอการกระตุ้นพฤติกรรม กลุ่มที่ได้รับการกระตุ้นพฤติกรรมอาจมีประสิทธิผลมากกว่า แต่ในการเปรียบเทียบนี้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างมีขนาดเล็กและหลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำ (RR 2.14, 95% CI 0.90 ถึง 5.09; 1 RCT, 26 คน) ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิผลในการรักษาสำหรับการกระตุ้นพฤติกรรมเปรียบเทียบกับยาหลอก และการกระตุ้นพฤติกรรมเปรียบเทียบกับไม่มีการรักษา

เราพบว่าหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางบ่งชี้ว่าในการติดตามประเมินผลระยะสั้นไม่มีความแตกต่างในประสิทธิผลการรักษาระหว่างกลุ่มที่ได้รับการกระตุ้นพฤติกรรมและ กลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วย CBT (RR 0.99, 95% CI 0.92 ถึง 1.07; RCTs 5 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 601 คน) ไม่มีข้อมูลสำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญอื่น ๆ ไม่พบหลักฐานของความแตกต่างในประสิทธิภาพระยะสั้นระหว่างการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมและ การบำบัดด้วย CBT คลื่นลูกที่สาม (RR 1.10, 95% CI 0.91 ถึง 1.33; RCT 2 เรื่อง ผู้เข้าร่วมวิจัย 98 คน ความเชื่อถือได้อยู่ในระดับต่ำ) และการบำบัดทางจิตพลวัตร (RR 1.21, 95% CI 0.74 ถึง 1.99; RCT 1 เรื่อง, มีผู้เข้าร่วมวิจัย 60 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำมาก) การกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมมีประสิทธิผลมากกว่าการบำบัดแบบมนุษยนิยม (RR 1.84, 95% CI 1.15 ถึง 2.95; RCT 2 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 46 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำ) และการรักษาด้วยยา (RR 1.77, 95% CI 1.14 ถึง 2.76; RCT 1 เรื่อง; ผู้เข้าร่วมวิจัย 141 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง) แต่ผลลัพธ์ทั้งสองนี้มาจากการทดลองและผู้เข้าร่วมจำนวนน้อย ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิผลการรักษาด้วยวิธีการกระตุ้นพฤติกรรมเปรียบเทียบกับการได้รับการบำบัดแบบสัมพันธภาพบำบัด การวิเคราะห์การรู้คิด และการบำบัดแบบผสมผสาน

มีหลักฐานที่มีความเชื่อถือได้ในระดับปานกลางว่าการกระตุ้นพฤติกรรมอาจได้รับการยอมรับในการรักษาต่ำ (ใช้ข้อมูลจากอัตราการออกกลางคัน) กว่าการรักษาตามปกติในการประเมินระยะสั้น แม้ว่าข้อมูลจะไม่สนับสนุนความแตกต่างและผลลัพธ์เพราะข้อมูลขาดความแม่นยำ (RR 1.64, 95% CI 0.81 ถึง 3.31; RCTs 14 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 2518 คน) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางไม่ได้แสดงให้เห็นความแตกต่างในการยอมรับรูปแบบการรักษาเมื่อประเมินผลในระยะสั้นระหว่างกลุ่มทดลองที่ได้รับการกระตุ้นพฤติกรรมกับกลุ่มที่มีรายชื่อรอการบำบัด (RR 1.17, 95% CI 0.70 ถึง 1.93; 8 RCTs ผู้เข้าร่วมวิจัย 359 คน) ไม่มีการรักษา (RR 0.97, 95% CI 0.45 ถึง 2.09; RCTs 3 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 187 คน), การรักษาด้วยยา (RR 0.52, 95% CI 0.23 ถึง 1.16; RCTs 2 เรื่อง, ผู้เข้าร่วม วิจัย 243 คน) หรือกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (RR 0.72, 95 % CI 0.31 ถึง 1.67; RCT 1 เรื่อง; ผู้เข้าร่วมวิจัย 96 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำ) สำหรับการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเมื่อเปรียบเทียบกับการบำบัดทางจิตพลวัตรเราไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการยอมรับรูปแบบการรักษา

หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำไม่ได้แสดงให้เห็นความแตกต่างในการยอมรับรูปแบบการรักษาเมื่อประเมินผลระยะสั้น (ใช้อัตราการออกกลางคันเป็นข้อมูลประเมินผล) ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการกระตุ้นพฤติกรรมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการบำบัดแบบ CBT (RR 1.03, 95% CI 0.85 ถึง 1.25; RCTs 12 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 1195 คน), เปรียบเทียบกับ CBT คลื่นลูกที่สาม (RR 0.84, 95% CI 0.33 ถึง 2.10; RCTs 3 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 147 คน); การบำบัดแบบมนุษยนิยม (RR 1.06, 95% CI 0.20 ถึง 5.55; RCTs 2 เรื่อง, ผู้เข้าร่วมวิจัย 96 คน) (หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำมาก) และสัมพันธภาพบำบัด การวิเคราะห์การรู้คิด และการบำบัดแบบผสมผสาน (RR 0.84, 95% CI 0.32 ถึง 2.20; RCTs 4 เรื่อง, ผู้ร่วมวิจัย 123 คน)

ผลการศึกษาจากการประเมินผลลัพธ์หลักในการติดตามประเมินผลระยะกลางและระยะยาว ผลลัพธ์รอง การวิเคราะห์กลุ่มย่อยและการวิเคราะห์ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงได้สรุปไว้ในเนื้อหา

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นพฤติกรรมอาจมีประสิทธิผลมากกว่าการบำบัดแบบมนุษยนิยม การรักษาด้วยยา และการรักษาตามปกติและอาจมีประสิทธิผลไม่น้อยไปกว่าการบำบัดแบบ CBT การบำบัดทางจิตพลวัตร หรือการอยู่ในกลุ่มรอรับการรักษา ความเชื่อมั่นของเราต่อการค้นพบนี้มีจำกัด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของหลักฐาน

เราไม่พบหลักฐานของความแตกต่างในการยอมรับรูปแบบการรักษาในการติดตามประเมินผลระยะสั้น (ประเมินจากข้อมูลการออกกลางคัน) ระหว่างการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมกับกลุ่มเปรียบเทียบเกือบทั้งหมด (CBT, การบำบัดแบบมนุษยนิยม, กลุ่มมีรายชื่อรอรับการรักษา, กลุ่มยาหลอก, การรักษาด้วยยา, ไม่มีการรักษาหรือการรักษาตามปกติ) ความเชื่อมั่นของเราต่อการค้นพบนี้มีจำกัด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเมื่อเทียบกับยาหลอกหรือเกี่ยวกับการยอมรับรูปแบบการรักษาเปรียบเทียบการกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมกับการบำบัดทางจิตพลวัตร สัมพันธภาพบำบัด การวิเคราะห์การรู้คิดและการบำบัดแบบผสมผสาน

หลักฐานจะมีจุดแข็งมีความเชื่อถือได้มากขึ้นหากมีการรายงานที่ดีขึ้นและ RCTs ที่ใช้วิธีการกระตุ้นพฤติกรรมมีคุณภาพการวิจัยที่ดีขึ้นและโดยการประเมินกลไกการทำงานของการกระตุ้นพฤติกรรม

บันทึกการแปล

แปลโดย สมพร รุ่งเรืองกลกิจ ภาควิชาการพยาบาลจิตเวช คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 14 เมษายน 2021

การอ้างอิง
Uphoff E, Ekers D, Robertson L, Dawson S, Sanger E, South E, Samaan Z, Richards D, Meader N, Churchill R. Behavioural activation therapy for depression in adults. Cochrane Database of Systematic Reviews 2020, Issue 7. Art. No.: CD013305. DOI: 10.1002/14651858.CD013305.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า