ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อาหารเสริมที่มีเกลือ (โซเดียม) ปริมาณสูงกว่าหรือต่ำกว่าดีกว่าสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและการเจริญเติบโตและพัฒนาการดีขึ้นหรือไม่

ใจความสำคัญ

• ในช่วงวันแรกๆหลังคลอดทารกที่คลอดก่อนกำหนดจำเป็นต้องได้รับเกลือ (โซเดียม) น้อยกว่าเพื่อป้องกันภาวะโซเดียมในเลือดสูง อย่างไรก็ตาม เราไม่แน่ใจว่าจะมีผลกระทบใดๆ ต่อการเสียชีวิตของทารกหรือสุขภาพของทารกแรกเกิดขณะอยู่ในโรงพยาบาลหรือไม่ ส่วนใหญ่ไม่มีการรายงานผลลัพธ์การเจริญเติบโตและการพัฒนาการในระยะยาวในการศึกษาการเสริมโซเดียมในระยะแรก

• หลังจากวันแรกๆหลังคลอด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดจำเป็นต้องได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าเพื่อป้องกันระดับโซเดียมในเลือดต่ำ โซเดียมปริมาณที่สูงกว่าอาจช่วยลดความล้มเหลวของการเจริญเติบโตหลังคลอดของทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่แน่ใจว่ามีผลกระทบใดๆ ต่อการเสียชีวิต สุขภาพของทารกแรกเกิดขณะอยู่ในโรงพยาบาล หรือการพัฒนาการในระยะยาวหรือไม่

• เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ เราไม่ทราบว่าการให้โซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในวันแรกๆหลังคลอดและประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังคลอดจะส่งผลต่อระดับโซเดียมในเลือด การเจริญเติบโต การเสียชีวิต ผลลัพธ์ขณะอยู่ในโรงพยาบาล (รวมถึงปัญหาปอดเรื้อรังและการบาดเจ็บของลำไส้อย่างรุนแรง ภาวะลำไส้เน่า) และการพัฒนาการในระยะยาว

โซเดียมสูงคืออะไร

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมาก (ก่อนอายุครรภ์ 32 สัปดาห์) มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อภาวะระดับโซเดียมในเลือดสูง (เกลือ) (150 มิลลิโมล/ลิตร หรือสูงกว่า) ในวันแรกๆ (ภาวะโซเดียมในเลือดสูงระยะแรก) โดยส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียน้ำผ่านทางผิวหนังในปริมาณมาก

โซเดียมต่ำคืออะไร

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมากยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะมีระดับโซเดียมในเลือดต่ำ (น้อยกว่า 130 มิลลิโมล/ลิตร) หลังจากวันแรกๆ (ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำในช่วงหลัง) สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียโซเดียมในปัสสาวะสูงและความต้องการในการเจริญเติบโตของทารก

เราต้องการค้นหาอะไร

การได้รับโซเดียมปริมาณมากเกินไปหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของทารกแรกเกิดในโรงพยาบาล การเจริญเติบโตและพัฒนาการ เรามีเป้าหมายเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อระดับโซเดียม ผลลัพธ์ของทารกแรกเกิดใน nursery (รวมถึงปัญหาการเสียชีวิต ปัญหาเกี่ยวกับลำไส้และปอด) การเจริญเติบโตและพัฒนาการซึ่งเกี่ยวข้องกับการได้รับโซเดียมปริมาณสูงกว่าทียบกับปริมาณที่ต่ำกว่าในทารกที่คลอดก่อนกำหนด

เราทำอะไรไปแล้วบ้าง

เราค้นหาการศึกษาที่ศึกษาการได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในทารกคลอดก่อนกำหนดโดยผ่านทางหลอดเลือดดำ (แบบหยดเข้าเส้นเลือด) หรือทางลำไส้ (ผ่านทางสายให้อาหารทางปากหรือจมูก) แก่ทารกคลอดก่อนกำหนด เราทำการเปรียบเทียบแยกการศึกษาที่ประเมินตั้งแต่แรก (น้อยกว่าอายุ 7 วันหลังคลอด) หลัง (อายุ 7 วันหรือมากกว่าหลังคลอด) และการเสริมโซเดียมในช่วงแรกและหลัง

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 4 ฉบับกับทารก 103 คนที่เปรียบเทียบการให้ในระยะแรก (น้อยกว่าอายุ 7 วันหลังคลอด) การศึกษา 4 ฉบับกับทารก 138 คนที่เปรียบเทียบการให้ระยะหลัง (อายุ 7 วันหรือมากกว่าหลังคลอด) และการศึกษา 1 เรื่องกับทารก 20 คนที่รายงานการให้โซเดียมในระยะแรก และระยะหลัง ให้ปริมาณโซเดียมสูงกว่าหรือต่ำกว่า

ผลลัพธ์หลัก

การได้รับปริมาณโซเดียมที่สูงกว่าตั้งแต่ระยะแรก (อายุก่อน 7 วันหลังคลอด) อาจส่งผลให้ทารกมีระดับโซเดียมสูง แต่ก็พบว่าจำนวนทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีระดับโซเดียมต่ำมีจำนวนใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม เราไม่แน่ใจว่าจะมีผลกระทบใดๆ ต่อการเสียชีวิตของทารกหรือสุขภาพอื่นๆของทารกแรกเกิดขณะอยู่ในโรงพยาบาลหรือไม่ มีงานวิจัยเพียงไม่กี่ฉบับที่รายงานการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในระยะยาวหลังจากออกจากโรงพยาบาล

การได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าในช่วงหลัง (อายุตั้งแต่ 7 วันขึ้นไปหลังคลอด) อาจลดอุบัติการณ์ของระดับโซเดียมต่ำได้ เราไม่แน่ใจว่าการได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าในระยะหลังจะส่งผลต่ออุบัติการณ์ของระดับโซเดียมสูงหรือไม่ การได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าในช่วงหลังอาจลดความล้มเหลวในการเจริญเติบโตหลังคลอด เราไม่แน่ใจว่าการได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าในช่วงหลังส่งผลต่อการเสียชีวิตของทารกหรือมีผลกระทบอื่นๆ ต่อสุขภาพขณะอยู่ในโรงพยาบาล หรือพัฒนาการของทารกในระยะยาวหลังจากออกจากโรงพยาบาลหรือไม่

เราไม่ทราบว่าการได้รับโซเดียมที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการได้รับโซเดียมที่ต่ำกว่าในช่วงแรกและหลังจะส่งผลต่อระดับโซเดียมในเลือด การเจริญเติบโต การเสียชีวิตของทารก สุขภาพทารกแรกเกิดในโรงพยาบาล และผลลัพธ์ระยะยาวหรือไม่

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

การศึกษาในการทบทวนนี้เป็นการศึกษาขนาดเล็กทั้งหมด และมีผลลัพธ์จำนวนมากที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ได้รายงาน ผลพบว่าเราไม่แน่ใจอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบของการได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่า หรือ ต่ำกว่า สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีผลต่อสุขภาพของทารกในขณะที่อยู่ในโรงพยาบาล รวมถึงการเสียชีวิตของทารก การเจริญเติบโต และพัฒนาการของทารกในระยะยาวหลังจากออกจากโรงพยาบาล จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อพิจารณาปริมาณโซเดียมที่ดีที่สุดที่ควรได้รับในวันแรกหลังคลอด ผลกระทบของการได้รับโซเดียมที่สูงกว่าเทียบกับการได้รับโซเดียมที่ต่ำกว่าในช่วงสัปดาห์แรกต่อผลลัพธ์ของการอยู่โรงพยาบาล การเติบโตและผลลัพธ์ระยะยาว และผลกระทบของการได้รับปริมาณโซเดียมที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการได้รับปริมาณโซเดียมปานกลางหลังจากสัปดาห์แรกในด้านการเจริญเติบโต ผลลัพธ์ของการอยู่โรงพยาบาล และพัฒนาการของทารกในระยะยาวหลังจากออกจากโรงพยาบาล

หลักฐานนี้มีความทันสมัยแค่ไหน

หลักฐานนี้เป็นข้อมูลล่าสุดถึงเดือนสิงหาคม 2022

บทนำ

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการเกิดภาวะโซเดียมในเลือดสูงในช่วงแรก (ระดับโซเดียมในเลือดสูงกว่าปกติ) และภาวะโซเดียมในเลือดต่ำในช่วงหลัง (ระดับโซเดียมในเลือดต่ำกว่าปกติ) มีความกังวลว่าความไม่สมดุลของการให้โซเดียมอาจส่งผลต่อการเจ็บป่วย การเจริญเติบโต และผลลัพธ์พัฒนาการของทารกแรกเกิด

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของการเสริมโซเดียมในปริมาณสูงกว่าเทียบกับการเสริมโซเดียมในปริมาณต่ำกว่าในทารกคลอดก่อนกำหนด

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้นจาก CENTRAL ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023; และ MEDLINE, Embase และการลงทะเบียนการทดลองในเดือนมีนาคมและเมษายน 2022 เราตรวจสอบรายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมไว้และการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวิธีการหรือประชากรที่ในการทบทวนนี้ เราเปรียบเทียบการเสริมโซเดียมตั้งแต่ช่วงแรก (อายุ < 7 วันหลังคลอด) ช่วงหลัง (อายุ ≥ 7 วันหลังคลอด) และการเสริมโซเดียมในช่วงแรกและหลังโดยแยกกัน

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวมการทดลองแบบสุ่ม แบบกึ่งสุ่ม หรือแบบควบคุมแบบคลัสเตอร์ที่เปรียบเทียบการเสริมโภชนาการที่รวมการเสริมโซเดียมปริมาณสูงเทียบกับการเสริมโซเดียมปริมาณต่ำโดยการให้ทางหลอดเลือดดำหรือทางการรับประทาน หรือทั้งสองอย่าง ผู้เข้าร่วมการศึกษาคือทารกคลอดก่อนกำหนดที่เกิดก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ หรือมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่า 2500 กรัม หรือทั้งสองอย่าง เราไม่รวมการศึกษาที่มีการกำหนดปริมาณการได้รับปริมาณน้ำที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ประพันธ์ 2 คนทำการประเมินการศึกษาที่เข้าเกณฑ์การคัดเลือก รวมถึงการประเมินความเสี่ยงของการเกิดอคติ ดึงข้อมูลอย่างอิสระต่อกัน เราใช้วิธี GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย

เรารวบรวมการศึกษาทั้งหมด 9 ฉบับ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถดึงข้อมูลจากการศึกษา 1 ฉบับ (ทารก 20 คน) การศึกษาบางการศึกษามีส่วนทำให้เกิดการเปรียบเทียบมากกว่า 1 การเปรียบเทียบ มีการศึกษา 8 ฉบับ (ทารก 241 คน) สำหรับการประเมิน meta-analysis การศึกษา 4 ฉบับ (ทารก 103 คน) เปรียบเทียบปริมาณโซเดียมที่ได้รับในปริมาณที่สูงกว่าเทียบกับปริมาณโซเดียมที่ได้รับในปริมาณที่ต่ำกว่าในช่วงแรก และการศึกษา 4 ฉบับ (ทารก 138 คน) เปรียบเทียบการได้รับปริมาณโซเดียมที่สูงกว่ากับการได้รับปริมาณโซเดียมที่ต่ำกว่าในช่วงหลัง การศึกษา 2 ฉบับ (ทารก 103 คน) เปรียบเทียบการเสริมปริมาณโซเดียมในระดับกลาง (≥ 3 มิลลิโมล/กก./วัน ถึง < 5 มิลลิโมล/กก./วัน) กับการไม่มีการเสริม และการศึกษา 2 ฉบับ (ทารก 52 คน) เปรียบเทียบการเสริมโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่า (≥ 5 มิลลิโมล/กก./วัน) ) กับการไม่มีการเสริม เราประเมินพบว่ามีเพียงการศึกษา 2 ฉบับ (ทารก 63 คน) ที่มีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ

การได้รับโซเดียมในช่วงแรก (น้อยกว่า 7 วันหลังคลอด) ในปริมาณที่สูงกว่าเทียบกับการได้รับในปริมาณที่ต่ำกว่า

การได้รับปริมาณโซเดียมที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในช่วงแรกอาจไม่ส่งผลต่อการเสียชีวิต (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.02, ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 95% 0.38 ถึง 2.72; I 2 = 0%; การศึกษา 3 ฉบับ, ทารก 83 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่มีรายงานการติดตามพัฒนาการทางระบบประสาท การได้รับปริมาณโซเดียมที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในช่วงแรกอาจนำไปสู่อุบัติการณ์ของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ < 130 มิลลิโมล/ลิตร (RR 0.68, 95% CI 0.40 ถึง 1.13; I 2 = 0%; การศึกษา 3 ฉบับ, ทารก 83 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) แต่พบการเพิ่มขึ้นของอุบัติการณ์ของภาวะโซเดียมในเลือดสูง ≥ 150 มิลลิโมล/ลิตร (RR 1.62, 95% CI 1.00 ถึง 2.65; I 2 = 0%; การศึกษา 4 ฉบับ ทารก 103 คน; ความแตกต่างความเสี่ยง (RD) 0.17, 95% CI 0.01 ถึง 0.34; จำนวนที่ต้องรักษาสำหรับผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายเพิ่มเติม 6, 95% CI 3 ถึง 100; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่มีรายงานความล้มเหลวในการเจริญเติบโตหลังคลอด หลักฐานไม่แน่นอนสำหรับผลกระทบต่อภาวะลำไส้เน่า (RR 4.60, 95% CI 0.23 ถึง 90.84; การศึกษา 1 ฉบับ, ทารก 46 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีรายงานโรคปอดเรื้อรังที่ 36 สัปดาห์

การได้รับโซเดียมในช่วงหลัง (ตั้งแต่ 7 วันหลังคลอด) ในปริมาณที่สูงกว่าเทียบกับการได้รับในปริมาณที่ต่ำกว่า

ปริมาณโซเดียมที่ได้รับในปริมาณที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในช่วงหลังอาจไม่ส่งผลต่อการเสียชีวิต (RR 0.13, 95% CI 0.01 ถึง 2.20; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 49 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีรายงานการติดตามพัฒนาการทางระบบประสาท การได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในช่วงหลังอาจลดอุบัติการณ์ของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ < 130 มิลลิโมล/ลิตร (RR 0.13, 95% CI 0.03 ถึง 0.50; I 2 = 0%; การศึกษา 2 ฉบับ, ทารก 69 คน; RD −0.42, 95% CI −0.59 ถึง −0.24; จำนวนที่ต้องรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม 2, 95% CI 2 ถึง 4; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) หลักฐานไม่แน่ชัดถึงผลกระทบต่อภาวะโซเดียมในเลือดสูง ≥ 150 มิลลิโมล/ลิตร (RR 7.88, 95% CI 0.43 ถึง 144.81; I 2 = 0%; การศึกษา 2 ฉบับ, ทารก 69 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) การศึกษาขนาดเล็กหนึ่งการศึกษารายงานว่าการบริโภคโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าเทียบกับการบริโภคในปริมาณที่ต่ำกว่าในภายหลังอาจลดอุบัติการณ์ของความล้มเหลวในการเจริญเติบโตหลังคลอด (RR 0.25, 95% CI 0.09 ถึง 0.69; การศึกษา 1 ฉบับ; ทารก 29 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) หลักฐานมีความไม่แน่นอนสำหรับผลกระทบต่อภาวะลำไส้เน่า (RR 0.07, 95% CI 0.00 ถึง 1.25; การศึกษา 1 ฉบับ, ทารก 49 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) และโรคปอดเรื้อรัง (RR 2.03, 95% CI 0.80 ถึง 5.20; การศึกษา 1 ฉบับ ทารก 49 ราย หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

ช่วงแรกและช่วงหลัง (วันที่ 1 ถึง 28 หลังคลอด) ปริมาณการได้รับปริมาณโซเดียมที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับปริมาณที่ต่ำกว่าสำหรับทารกคลอดก่อนกำหนด

การได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในช่วงแรกและช่วงหลังอาจไม่ส่งผลต่อภาวะโซเดียมในเลือดสูง ≥ 150 มิลลิโมล/ลิตร (RR 2.50, 95% CI 0.63 ถึง 10.00; การศึกษา 1 ฉบับ, ทารก 20 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการรายงานผลลัพธ์รองอื่น ๆ

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การได้รับโซเดียมปริมาณที่สูงกว่าในช่วงแรก (< 7 วันหลังคลอด) อาจส่งผลให้อุบัติการณ์ภาวะโซเดียมในเลือดสูงเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้มีอุบัติการณ์ของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำใกล้เคียงกันเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมที่ต่ำกว่า เราไม่แน่ใจว่ามีผลกระทบใดๆ ต่อการเสียชีวิตหรือการเจ็บป่วยของทารกแรกเกิดหรือไม่ ส่วนใหญ่ไม่มีการรายงานผลลัพธ์การเจริญเติบโตและการพัฒนาในระยะยาวในการทดลองการเสริมโซเดียมในระยะแรก

การเสริมโซเดียมในปริมาณที่สูงขึ้นระยะหลัง (≥ 7 วันหลังคลอด) อาจลดอุบัติการณ์ของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ เราไม่แน่ใจว่าการได้รับในปริมาณที่สูงกว่าในระยะหลังจะส่งผลต่ออุบัติการณ์ของภาวะโซเดียมในเลือดสูงหรือไม่เมื่อเทียบกับการได้รับในปริมาณที่ต่ำ การได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าในช่วงหลังอาจลดความล้มเหลวในการเจริญเติบโตหลังคลอด เราไม่แน่ใจว่าการได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าในช่วงหลังจะส่งผลต่อการเสียชีวิต การเจ็บป่วยอื่นๆของทารกแรกเกิด หรือการพัฒนาการในระยะยาวหรือไม่

เราไม่แน่ใจว่าการให้โซเดียมปริมาณที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าในช่วงแรกและหลังจะส่งผลต่อผลลัพธ์หรือไม่

บันทึกการแปล

แปลโดย ผศ.พิเศษ พญ.นันท์ธิดา ภัทราประยูร วันที่ 27 ตุลาคม 2023

การอ้างอิง
Diller N, Osborn DA, Birch P. Higher versus lower sodium intake for preterm infants. Cochrane Database of Systematic Reviews 2023, Issue 10. Art. No.: CD012642. DOI: 10.1002/14651858.CD012642.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า