ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การบำบัดทางจิตเพื่อป้องกันการเกิด ความผิดปกติในการมีบาดแผลทางใจ (PTSD) ในเด็กและวัยรุ่น

ทำไมการทบทวนวรรณกรรมนี้จึงมีความสำคัญ

เด็กและวัยรุ่นที่มีประสบการณ์บอบช้ำทางจิตใจมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรค PTSD และมีผลทางลบต่อจิตใจและสังคม

ใครที่จะมีความสนใจในการทบทวนวรรณกรรมนี้

เด็กและวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บทางใจและครอบครัวและผู้ดูแลจะสนใจในการทบทวนนี้ ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในบริการด้านสุขภาพจิตสำหรับเด็กและวัยรุ่น

การทบทวนวรรณกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำถามอะไร

เพื่อประเมินผลของการบำบัดทางจิตในการป้องกัน PTSD และผลด้านลบทางอารมณ์ พฤติกรรม และสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องในเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ

• การบำบัดทางจิตวิทยารูปแบบใดมีประสิทธิผลมากที่สุด

• การบำบัดทางจิตมีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาด้วยยาหรือการรักษารูปแบบอื่นๆ หรือไม่

การศึกษาใดที่นำเข้าในการทบทวนวรรณกรรม

ผู้วิจัยสืบค้นจากฐานข้อมูลจนถึงเดือนพฤษภาคม 2015 เพื่อค้นหาการทดลองที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษาจะต้องเป็นแบบ randomized controlled trials และต้องรวมทั้งเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บทางใจ

เรารวมการทดลอง 51 รายการ มีผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมด 6201 คน ผู้เข้าร่วมการศึกษามีประสบการณ์ ได้รับบาดแผลทางใจหลายรูปแบบ ดังนี้ มีการศึกษาจำนวน 12 รายการ ที่ผู้เข้าร่วมการศึกษาถูกล่วงละเมิดทางเพศ, มีการศึกษาจำนวน 10 รายการ ผู้เข้าร่วมการศึกษาเผชิญกับสงครามหรือความรุนแรงในชุมชน มีผู้เข้าร่วมการศึกษาที่เผชิญกับการบาดเจ็บทางร่างกายและภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างละ 6 การศึกษา และมีการศึกษา 3 รายการที่ผู้ร่วมการศึกษาได้รับความรุนแรงจากการมีสัมพันธ์ภาพระหว่างบุคคล ในการศึกษาแต่ละรายการมีผู้เข้าร่วมวิจัยได้รับความทรมานจากการเจ็บป่วยที่คุกคามชีวิต หรือผู้เข้าร่วมวิจัยมีประสบการณ์ถูกทารุณกรรมทางร่างกายหรือถูกทารุณกรรม ผู้เข้าร่วมการศึกษาในการศึกษาที่นำมาทบทวนเผชิญกับความบอบช้ำทางใจหลายอย่าง

การทดลองส่วนใหญ่เปรียบเทียบการบำบัดทางจิตกับกลุ่มควบคุม เช่น การรักษาตามปกติ กลุ่มที่มีรายชื่อรอรับการรักษาหรือกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเปรียบเทียบกับการบำบัดทางจิตวิทยาในรูปแบบที่แตกต่างกัน

การศึกษาทั้งหมด 43 รายการ รายงานผลลัพธ์ที่มีการติดตามประเมินผลภายในเดือนแรกหลังการรักษา; การศึกษา 27 รายการ รายงานผลลัพธ์ตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 1 ปี และการศึกษา 8 รายการ รายงานข้อมูลหลังการรักษาเป็นเวลา 1 ปีหรือนานกว่านั้น

หลักฐานจากการทบทวนวรรณกรรมบอกอะไรเราบ้าง

เด็กและวัยรุ่นที่ได้รับการบำบัดทางจิตวิทยามีโอกาสน้อยที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค PTSD และมีอาการของ PTSD ลดน้อยลงจนถึง 1 เดือนหลังการรักษา เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับการรักษา การรักษาตามปกติ หรืออยู่ในรายการรอรับการรักษา ความเชื่อมั่นของเราในการค้นพบนี้มีจำกัด เนื่องจากคุณภาพโดยรวมของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก ไม่มีหลักฐานว่าการรักษาทางจิตวิทยามีประสิทธิผลนานเกิน 1 เดือน มีหลักฐานที่มีคุณภาพระดับปานกลางรายงานว่าการบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) อาจมีประสิทธิภาพในการลดอาการของ PTSD มากกว่าการรักษาทางจิตวิทยารูปแบบอื่น ๆ นานถึงหนึ่งเดือน ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใดๆ ไม่มีการศึกษาที่เปรียบเทียบการบำบัดทางจิตกับการรักษาด้วยยา

อะไรที่ควรจะเกิดขึ้นต่อไป

นักวิจัยควรทำการทดลองออกแบบงานวิจัยที่มีคุณภาพสูงเพื่อประเมินประสิทธิผลของการบำบัดทางจิตสำหรับเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับบาดแผลทางใจต่อไป การทดลองเหล่านี้ควรได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมวิจัยและครอบครัวไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับการรักษาทางจิตวิทยา หรือไม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้เข้าร่วมวิจัยหรือผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมเป็นผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด นอกจากนี้ ควรมีความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่ามีอัตราการติดตามประเมินผลที่สูงเกิน 1 เดือน หลังจากเสร็จสิ้นการรักษา

นอกจากนี้ การศึกษาควรเปรียบเทียบการบำบัดทางจิตวิทยาประเภทต่างๆ เพื่อให้มีข้อมูลได้ดีขึ้นว่าเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บทางใจประเภทต่างๆ มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการรักษาเหล่านี้มากหรือน้อย

บทนำ

เด็กและวัยรุ่นที่มีประสบการณ์บอบช้ำทางจิตใจมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรค PTSD และผลกระทบด้านอารมณ์ พฤติกรรม และสุขภาพจิตด้านลบอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลและค่าใช้จ่ายทางสุขภาพที่สูง การรักษาทางจิตวิทยาที่หลากหลายถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันผลลัพธ์ด้านลบที่เกี่ยวข้องกับการมีบาดแผลทางใจในเด็กและวัยรุ่น

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของการบำบัดทางจิตในการป้องกัน PTSD และผลด้านลบทางอารมณ์ พฤติกรรม และสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องในเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้นข้อมูลจาก the Cochrane Common Mental Disorders Group's Specialised Register จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2015 ทะเบียนนี้มีรายงานของการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่เกี่ยวข้องจาก The Cochrane Library ( ทุกปี), EMBASE (1974 จนถึงปัจจุบัน), MEDLINE (1950 จนถึงปัจจุบัน) และ PsycINFO (1967 จนถึงปัจจุบัน) เราตรวจสอบรายการอ้างอิงของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและจากงานวิจัยที่นำมาทบทวน ในการสืบค้นไม่จำกัดภาษาและสถานะการตีพิมพ์

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมของการบำบัดทางจิตวิทยาเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม เช่น การรักษาตามปกติ กลุ่มที่มีรายชื่อรอรับการบำบัด หรือกลุ่มที่ไม่มีการรักษา การรักษาด้วยยาหรือการรักษาอื่นๆ ในเด็กหรือวัยรุ่นที่เคยผ่านเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

สมาชิก 2 คนของทีมที่ทบทวนวรรณกรรมตรวจสอบแยกข้อมูลอย่างเป็นอิสระต่อกัน เราคำนวณ odds ratios สำหรับผลลัพธ์ binary และความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐานสำหรับผลลัพธ์ต่อเนื่องโดยใช้ random- effects model เราวิเคราะห์ข้อมูลที่ติดตามประเมินผลในระยะสั้น (สูงสุดถึง 1 เดือนหลังการรักษา) ระยะกลาง (1 เดือน ถึง 1 ปีหลังการรักษา) และระยะยาว (1 ปีหรือนานกว่านั้น)

ผลการวิจัย

ผู้วิจัยรวมผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยจำนวน 6201 คนจากงานวิจัยเชิงทดลองจำนวน 51 รายการ งานวิจัยจำนวน 20 รายการ ทำการศึกษาเฉพาะเด็ก มีการศึกษา 2 รายการ ทำการศึกษาในเด็กก่อนวัยเรียน และการศึกษา 10 รายการศึกษาเฉพาะในวัยรุ่น การศึกษาที่เหลือทำการศึกษาทั้งในเด็กและวัยรุ่น มีการศึกษาจำนวน 12 รายการ ที่ผู้เข้าร่วมการศึกษาถูกล่วงละเมิดทางเพศ การศึกษาจำนวน 10 รายการ ผู้เข้าร่วมการศึกษาเผชิญกับสงครามหรือความรุนแรงในชุมชน มีผู้เข้าร่วมการศึกษาที่เผชิญกับการบาดเจ็บทางร่างกายและภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างละ 6 การศึกษา และมีการศึกษา 3 รายการที่ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับความรุนแรงจากการมีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับความทรมานจากการเจ็บป่วยที่คุกคามชีวิต และถูกทารุณกรรมทางร่างกายหรือถูกทารุณกรรม จำนวน 1 การศึกษา ผู้เข้าร่วมการศึกษาต้องเผชิญกับความบอบช้ำทางใจหลายอย่าง

การทดลองส่วนใหญ่เปรียบเทียบการบำบัดทางจิตวิทยากับกลุ่มควบคุม เช่น การรักษาตามปกติ กลุ่มที่มีรายชื่อรอรับการรักษา หรือกลุ่มที่ไม่มีการรักษา การทดลอง 17 รายการใช้การบำบัดด้านการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT); การทดลอง 4 รายการใช้ครอบครัวบำบัด; การทดลอง 3 รายการใช้ debriefing (การซักถามเกี่ยวกับจิตวิทยา); การทดลอง 2 รายการ ใช้การให้มีการตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของดวงตาและการประมวลผลซ้ำ (EMDR), การบำบัดด้วยการเล่าเรื่อง, สุขภาพจิตศึกษา และการบำบัดด้วยการสนับสนุน และมีการทดลอง 1 รายการที่ใช้การให้เผชิญกับเหตุการณ์รุนแรง และ CBT ร่วมกับการให้เล่าเรื่อง การทดลอง 8 รายการ เปรียบเทียบ CBT กับการรักษาแบบประคับประคอง, การทดลอง 2 รายการ เปรียบเทียบ CBT กับ EMDR และการทดลอง 1 รายการ เปรียบเทียบ CBT กับการบำบัดทางจิตพลศาสตร์ (psychodynamic), การเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรงร่วมกับการบำบัดแบบประคับประคองเปรียบเทียบกับการรักษาแบบประคับประคองอย่างเดียว และการบำบัดด้วยการเล่าเรื่องร่วมกับ CBT เปรียบเทียบกับ CBT เพียงอย่างเดียว มีการศึกษา 4 รายการ เปรียบเทียบการให้การบำบัดทางจิตวิทยาเป็นรายบุคคลเปรียบเทียบกับการรักษาแบบเดียวกันแต่เป็นรูปแบบกลุ่มบำบัด และการทดลอง 1 รายการ เปรียบเทียบ CBT สำหรับเด็กเปรียบเทียบกับ CBT สำหรับทั้งแม่และเด็ก

เด็กและวัยรุ่น ที่ได้รับการบำบัดทางจิตวิทยามีโอกาสได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น PTSD ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับการรักษา หรือได้การรักษาตามปกติ หรืออยู่ในกลุ่มมีรายชื่อรอรับการรักษานานสูงสุดถึง 1 เดือนหลังการรักษา (odds ratio (OR) 0.51 , ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.34 ถึง 0.77; จำนวนที่จำเป็นในการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม (NNTB) 6.25, 95% CI 3.70 ถึง 16.67; การศึกษา 5 รายการ; ผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวน 874 คน) อย่างไรก็ตาม คุณภาพโดยรวมของหลักฐานสำหรับการวินิจฉัย PTSD ถูกจัดอยู่ในระดับต่ำมาก อาการ PTSD ลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังการรักษาเป็นระยะเวลา 1 เดือน (standardised mean Difference (SMD) -0.42, 95% CI -0.61 ถึง -0.24; การศึกษา 15 รายการ; ผู้เข้าร่วมการศึกษา 2051 คน) และคุณภาพของหลักฐานถูกจัดอยู่ในระดับต่ำ ผลกระทบของการบำบัดทางจิตวิทยาเหล่านี้ไม่ปรากฏให้เห็นในการติดตามประเมินผลในระยะยาว

พบว่า CBT มีประสิทธิผลไม่มากหรือน้อยกว่า EMDR และการรักษาแบบประคับประคองในการลดการวินิจฉัยการเป็น PTSD ในการติดตามประเมินผลระยะสั้น (OR 0.74, 95% CI 0.29 ถึง 1.91; 2 การศึกษา; ผู้เข้าร่วมการศึกษาจำนวน 160 คน) อย่างไรก็ตามผลการศึกษานี้มาจากหลักฐานที่มีคุณภาพระดับต่ำ สำหรับการลดอาการ PTSD ในการติดตามประเมินผลระยะสั้น พบว่า CBT มีผลต่อการลดอาการ PTSD มากกว่าการรักษาแบบ EMDR, การเล่นบำบัด และการรักษาแบบประคับประคอง ในระดับเล็กน้อย (SMD -0.24, 95% CI -0.42 ถึง -0.05; การศึกษา 7 รายการ; ผู้เข้าร่วมการศึกษาจำนวน 466 คน) คุณภาพของหลักฐาน สำหรับผลลัพธ์นี้อยู่ในระดับต่ำมาก

เราไม่พบการศึกษาใดๆ ที่เปรียบเทียบการบำบัดทางเภสัชวิทยากับการบำบัดทางจิต

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การวิเคราะห์เมตต้าในการทบทวนนี้ให้หลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับประสิทธิผลของการบำบัดทางจิตในการป้องกันการเกิด PTSD และการลดอาการในเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บนานสูงถึง 1 เดือน อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของเราในการค้นพบนี้ถูกจำกัดโดยคุณภาพของการศึกษาที่รวบรวมมาและโดยความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการศึกษา จำเป็นต้องมีหลักฐานอีกมากเพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของการบำบัดทางจิตรูปแบบต่างๆ สำหรับเด็กที่ได้รับบาดแผลทางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดตามประเมินผลระยะยาว ควรทำการศึกษาที่มีคุณภาพสูงเพื่อเปรียบเทียบรูปแบบการบำบัดเหล่านี้

บันทึกการแปล

แปลโดย สมพร รุ่งเรืองกลกิจ ภาควิชาการพยาบาลจิตเวช คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 24 มิถุนายน 2021

การอ้างอิง
Gillies D, Maiocchi L, Bhandari AP, Taylor F, Gray C, O'Brien L. Psychological therapies for children and adolescents exposed to trauma. Cochrane Database of Systematic Reviews 2016, Issue 10. Art. No.: CD012371. DOI: 10.1002/14651858.CD012371.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า