ใจความสำคัญ
- ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมอาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยในการลดน้ำหนักตัวโดยรวมของผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เมื่อเทียบกับยาหลอก
- ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมน่าจะช่วยลดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และเส้นรอบเอวได้เล็กน้อย
- จำเป็นต้องมีงานวิจัยคุณภาพสูงเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมกับน้ำหนักตัว
โรคอ้วนคืออะไร
น้ำหนักเกินและโรคอ้วนหมายถึงการสะสมไขมันมากเกินไปซึ่งมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ ดัชนีมวลกาย (BMI) ที่มากกว่า 25 ถือว่ามีน้ำหนักเกิน และมากกว่า 30 ถือว่าอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคเบาหวาน โรคอ้วนเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญระดับโลก
การเสริมแคลเซียมคืออะไร
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในการสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรงและทำหน้าที่สำคัญอื่นๆ การเสริมแคลเซียมคือการรับประทานแคลเซียมเสริมในรูปแบบต่างๆ เช่น ยาเม็ด หรือจากอาหารและเครื่องดื่มที่เติมแคลเซียม
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการค้นหาว่าผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมหรืออาหารที่เสริมแคลเซียมช่วยให้ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนลดน้ำหนักได้หรือไม่ เรายังต้องการค้นหาด้วยว่าผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ หรือไม่
เราทำอะไรบ้าง
เราค้นหาการศึกษาที่ตรวจสอบผลของการเสริมแคลเซียมในผู้ที่มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และประเมินความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา
เราพบอะไร
เราพบ 18 การศึกษา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 1873 คน การศึกษาทั้งหมดให้ผู้เข้าร่วมรับประทานแคลเซียมในรูปแบบยาเม็ดในขนาดที่แตกต่างกันไป เราไม่พบการศึกษาใดๆ ที่ประเมินเกี่ยวกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่เสริมแคลเซียม การศึกษาเหล่านี้คัดเลือกผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ถึง 80 ปีเข้าร่วม สิบฉบับจากการศึกษาทั้งหมด 18 ฉบับ มีผู้เข้าร่วมเป็นผู้หญิงเท่านั้น และเมื่อพิจารณาภาพรวมของการศึกษาทั้งหมด ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง แปดการศึกษาดำเนินการในสหรัฐอเมริกา, หกการศึกษาในอิหร่าน, อย่างละ 1 การศึกษาในบราซิล จีน และเปอร์โตริโก และอีกหนึ่งการศึกษาดำเนินการในศูนย์วิจัยหลายแห่งในอาร์เจนตินา ซิมบับเว และแอฟริกาใต้
- ผลการศึกษาของเราชี้ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลยต่อการลดน้ำหนักตัวโดยรวม เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับประทานผลิตภัณฑ์เสริม
- ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมน่าจะช่วยลดค่าดัชนีมวลกาย (หรือ BMI ซึ่งเป็นดัชนีวัดไขมันในร่างกายจากส่วนสูงและน้ำหนักที่ใช้ได้กับผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิง) และเส้นรอบเอวได้เล็กน้อย
- ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมอาจส่งผลให้มวลไขมันในร่างกายลดลงเล็กน้อย (หรือที่เรียกว่า 'ไขมันสะสม' ซึ่งร่างกายใช้เป็นพลังงาน เป็นฉนวนให้ร่างกาย ห่อหุ้มอวัยวะ และอยู่ใต้ผิวหนัง)
มีเพียง 5 การศึกษาเท่านั้นที่ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่ ผลจากการศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ามีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์น้อยมาก โดยไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกลุ่มที่ได้รับผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมและกลุ่มที่ไม่ได้รับ ไม่มีการศึกษาใดที่นำมาวิเคราะห์ที่ประเมินผลลัพธ์สามประการของการทบทวนวรรณกรรมนี้ ได้แก่: คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของผู้เข้าร่วม, การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ, หรือการเจ็บป่วยและภาวะแทรกซ้อน
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
โดยรวมแล้ว เรามีความมั่นใจเพียงเล็กน้อยในหลักฐานเนื่องจากการศึกษาจำนวนมากมีขนาดเล็ก ความแปรปรวนของผลลัพธ์ในการศึกษาต่างๆ และการขาดความชัดเจนในการรายงานบางประเด็น เช่น วิธีการจัดสรรผู้เข้าร่วมไปยังกลุ่มในการศึกษาบางเรื่อง
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2023
อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
โรคอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญทั่วโลก เนื่องจากสามารถนำไปสู่ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน และการดื้อต่ออินซูลิน ความชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทั่วโลกในกลุ่มอายุต่างๆ มีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่างปริมาณแคลเซียมกับน้ำหนักตัว มีการตั้งคำถามถึงความเกี่ยวข้องทางคลินิกของการลดน้ำหนักตัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในระดับประชากร ผลเพียงเล็กน้อยก็อาจช่วยบรรเทาแนวโน้มที่พบเห็นทั่วโลกได้
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินผลของการเสริมแคลเซียมต่อการลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
วิธีการสืบค้น
เราได้สืบค้นฐานข้อมูล CENTRAL, MEDLINE, Embase, LILACS (ฐานข้อมูล Latin American and Caribbean Health Science Information) และฐานข้อมูลทะเบียนการทดลองทางคลินิกอีก 2 แห่ง วันที่สืบค้นครั้งล่าสุดของทุกฐานข้อมูล (ยกเว้น Embase) คือวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 ไม่มีการจำกัดด้านภาษา
เกณฑ์การคัดเลือก
เราได้คัดเลือกงานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (randomised controlled trials) ที่ประเมินผลของแคลเซียมในผู้เข้าร่วมที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน โดยไม่จำกัดอายุหรือเพศ เราได้คัดออกงานวิจัยที่ศึกษาในผู้เข้าร่วมที่มีปัญหาด้านการดูดซึม เรารวมการศึกษาขนาดยาใดๆ ที่มีระยะเวลาการศึกษาอย่างน้อย 2 เดือน เราได้รวมการเปรียบเทียบดังต่อไปนี้: การเสริมแคลเซียมเทียบกับยาหลอก, อาหารหรือเครื่องดื่มที่เสริมแคลเซียมเทียบกับยาหลอก, หรืออาหารหรือเครื่องดื่มที่เสริมแคลเซียมเทียบกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ได้เสริมแคลเซียม เราได้คัดออกงานวิจัยที่ประเมินผลของแคลเซียมร่วมกับวิตามินดีหรือแร่ธาตุรวมเมื่อเทียบกับยาหลอก
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
เราใช้กระบวนการดำเนินการวิจัยตามมาตรฐานที่ Cochrane กำหนด ผลลัพธ์หลักของเราคือ น้ำหนักตัว คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ผลลัพธ์รองของเราคือ ค่าการวัดสัดส่วนร่างกายอื่นๆ นอกเหนือจากน้ำหนักตัว อัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ และอัตราการเจ็บป่วย
ผลการวิจัย
เราพบการศึกษา 18 ฉบับที่ประเมินผลของแคลเซียมเมื่อเทียบกับยาหลอกหรือกลุ่มควบคุม โดยมีผู้เข้าร่วมที่ได้รับการสุ่มรวมทั้งสิ้น 1873 คน (ผู้เข้าร่วม 950 คนในกลุ่มที่ได้รับการเสริมแคลเซียม และ 923 คนในกลุ่มควบคุม) การศึกษาทั้งหมดที่คัดเลือกมาให้การเสริมแคลเซียมในรูปแบบรับประทานเป็นการแทรกแซง เราไม่พบการศึกษาใดๆ ที่ประเมินเกี่ยวกับอาหารที่เสริมแคลเซียม เราคัดออกการศึกษา 38 ฉบับ พบการศึกษาที่กำลังดำเนินการอยู่ 4 ฉบับ และระบุ 1 ฉบับว่า 'รอการจำแนกประเภท' (awaiting classification)
การศึกษา 16 ฉบับเปรียบเทียบการเสริมแคลเซียมกับยาหลอก ส่วนอีก 2 ฉบับเปรียบเทียบการเสริมแคลเซียมในขนาดที่แตกต่างกัน ขนาดที่ใช้มีตั้งแต่ต่ำมาก (แคลเซียม 0.162 กรัม/วัน) ไปจนถึงสูง (แคลเซียม 1.5 กรัม/วัน) การศึกษาส่วนใหญ่ดำเนินการในประเทศสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 6 เดือน และมีผู้เข้าร่วมเป็นผู้หญิงเท่านั้น
หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นระดับต่ำชี้ให้เห็นว่าการเสริมแคลเซียมเมื่อเทียบกับยาหลอกหรือกลุ่มควบคุมอาจทำให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยในด้านน้ำหนักตัว (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) -0.15 กก., ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) -0.55 ถึง 0.24; P = 0.45, I 2 = 46%; 17 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 1317 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำ) เราได้ลดระดับความเชื่อมั่นของหลักฐานลง 2 ระดับเนื่องจากความเสี่ยงของการมีอคติ (risk of bias) และความแตกต่างกัน (heterogeneity)
ไม่มีการศึกษาใดที่คัดเลือกมาที่รายงานผลด้านคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ หรืออัตราการเจ็บป่วย/ภาวะแทรกซ้อนเป็นผลลัพธ์ มีเพียง 5 การศึกษาเท่านั้นที่ประเมินหรือรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นระดับต่ำชี้ให้เห็นถึงความถี่ในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ต่ำ โดยไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกลุ่มที่ได้รับการแทรกแซงและกลุ่มควบคุม
หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่าการเสริมแคลเซียมเมื่อเทียบกับยาหลอกหรือกลุ่มควบคุมอาจส่งผลให้มีการลดลงเล็กน้อยของดัชนีมวลกาย (BMI) (MD -0.18 กก./ม. 2 ) ค่าความเชื่อมั่น 95% -0.22 ถึง -0.13; P < 0.001, ผม 2 = 0%; 9 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 731 คน) และรอบเอว (MD -0.51 ซม., 95% CI -0.72 ถึง -0.29; P < 0.001, I 2 = 0%; 6 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 273 คน) หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าการเสริมแคลเซียมเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือกลุ่มควบคุมอาจส่งผลให้มวลไขมันในร่างกายลดลงเล็กน้อย (MD -0.34 กก., 95% CI -0.73 ถึง 0.05; P < 0.001, I 2 = 97%; 12 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 812 คน)
ข้อสรุปของผู้วิจัย
การเสริมแคลเซียมเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ถึง 24 เดือน อาจทำให้น้ำหนักตัวของผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย หลักฐานปัจจุบันมีความเชื่อมั่นต่ำ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการมีอคติและความแตกต่างทางสถิติ เราพบว่าระดับของความแตกต่างกัน (heterogeneity) อาจอธิบายได้ส่วนหนึ่งจากขนาดของแคลเซียมที่ใช้, การมีหรือไม่มีการแทรกแซงร่วม, และการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ intention-to-treat analysis แม้ว่าการวิเคราะห์ของเราจะชี้ให้เห็นว่าการเสริมแคลเซียมอาจส่งผลให้เกิดการลดลงเล็กน้อยของค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เส้นรอบเอว และมวลไขมัน แต่หลักฐานนี้มีความเชื่อมั่นในระดับต่ำถึงปานกลาง
การศึกษาในอนาคตควรตรวจสอบผลของการเสริมแคลเซียมต่อมวลกายไร้ไขมัน (lean body mass) เพื่อสำรวจว่ามีการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบของร่างกายหรือไม่
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย ศ. พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 16 กรกฎาคม 2025