ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

Rifaximin สำหรับการป้องกันและรักษาโรคสมองจากโรคตับในผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง

ใจความสำคัญ

การป้องกันและการรักษาโรคสมองจากโรคตับในผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการใช้ lactulose ที่เป็นสารประกอบ ปัจจุบัน rifaximin ไม่ได้ใช้รักษาโรคสมองจากโรคตับ แต่ใช้เป็นส่วนเสริมของ lactulose เพื่อช่วยป้องกันโรคสมองจากโรคตับในผู้ที่ตอบสนองต่อ lactulose ไม่เพียงพอ

เราพบว่าการใช้ rifaximin ร่วมกับ lactulose ช่วยให้โรคสมองจากโรคตับดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง นอกเหนือจากการป้องกันการกำเริบของโรคในอนาคต

ควรพิจารณาการใช้ที่กว้างขึ้นในการจัดการผู้ที่เป็นโรคสมองจากโรคตับ

โรคตับแข็งและโรคสมองจากตับคืออะไร

โรคตับแข็งเป็นภาวะระยะยาวที่เนื้อเยื่อแผลเป็น (พังผืด) เข้ามาแทนที่เนื้อเยื่อตับปกติ ซึ่งมักเป็นผลจากแอลกอฮอล์ส่วนเกิน การมีน้ำหนักเกิน หรือมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี/ซีเรื้อรัง คนที่เป็นโรคตับแข็งมักเกิดภาวะที่เรียกว่าโรคสมองจากโรคตับ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของจิตใจและการทำงานของระบบประสาท ภาวะนี้อาจส่งผลเสียต่อการอยู่รอดได้ สาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมคนที่เป็นโรคตับแข็งจึงเกิดโรคสมองจากโรคตับนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าแอมโมเนียที่เป็นพิษซึ่งผลิตในลำไส้เป็นหลักนั้นมีบทบาทสำคัญ ความรุนแรงของอาการของโรคสมองจากโรคตับมีตั้งแต่ความยากลำบากเล็กน้อยในการทำงานของจิตไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว สถานะทางจิตใจ และความรู้สึกตัว การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในด้านความสามารถในการสนใจ พฤติกรรม และการทำงานในแต่ละวันจัดเป็นโรคสมองจากโรคตับน้อยที่สุด ความผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึกที่เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นจัดเป็นโรคสมองจากโรคตับแบบชัดเจน อาการที่ชัดเจนอาจเกิดขึ้นเป็นครั้ง ๆ หรืออาจเกิดขึ้นตลอดเวลา

โรคสมองจากโรคตับได้รับการรักษาอย่างไร

ไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ (น้ำตาล), lactulose และ lactitol เป็นวิธีการรักษาที่ใช้กันมากที่สุดสำหรับโรคสมองจากโรคตับ ลดระดับแอมโมเนียในเลือดด้วยการกระทำหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลำไส้ rifaximin เป็นยาปฏิชีวนะที่ไม่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด แต่ออกฤทธิ์เฉพาะในลำไส้ ซึ่งจะช่วยลดการผลิตแอมโมเนียโดยแบคทีเรียในลำไส้และการดูดซึมแอมโมเนียเข้าสู่ระบบเลือด ผลกระทบนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคสมองจากโรคตับ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่า rifaximin สามารถใช้ป้องกันและรักษาโรคสมองจากโรคตับในผู้ที่เป็นโรคตับแข็งได้หรือไม่ ไม่ว่าจะทำได้ดีกว่าการไม่ใช้ยาใดๆ ยาหลอก หรือไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ ไม่ว่าจะมีประโยชน์เพิ่มเติมหรือไม่หากใช้ rifaximin ร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ และมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่ศึกษา rifaximin เปรียบเทียบกับการไม่รักษา ยาหลอก หรือไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ในผู้ที่เป็นโรคตับแข็งที่มีหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองจากโรคตับ นอกจากนี้เรายังค้นหาการศึกษาที่ใช้ rifaximin ร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ เปรียบเทียบกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมเพียงอย่างเดียว

เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และประเมินความเชื่อถือของเราต่อหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา

ผู้วิจัยค้นพบอะไร

เรารวบรวมการศึกษาทางคลินิก 41 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 4545 คน ซึ่งได้รับการสุ่มเข้ากลุ่มการรักษา ผู้เข้าร่วมทุกคนเป็นโรคตับแข็งเนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง ผู้เข้าร่วมถูกจัดว่ามีภาวะสมองจากโรคตับเฉียบพลัน (การศึกษา 13 ฉบับ) แบบเรื้อรัง (การศึกษา 7 ฉบับ) หรือเป็นโรคสมองจากโรคตับในระดับน้อยที่สุด (การศึกษา 8 ฉบับ) หรือถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของสมอง (การศึกษา 13 ฉบับ) การศึกษาเปรียบเทียบ rifaximin กับยาหลอก (การศึกษา 12 ฉบับ) ไม่มีการแทรกแซง (การศึกษา 1 ฉบับ) หรือแลคทูโลส/แลคติทอล (การศึกษา 14 ฉบับ) ในการศึกษา 18 ฉบับ ให้ยา rifaximin ร่วมกับแลคทูโลส/แลคติทอล และผลลัพธ์เมื่อเปรียบเทียบกับผลของการให้แลคทูโลส/แลคติทอลเพียงอย่างเดียว

ผลการวิเคราะห์พบว่าการให้ rifaximin เพียงอย่างเดียวอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและประสิทธิภาพของการทดสอบที่ใช้ในการประเมินการทำงานทางจิตในผู้ที่เป็นโรคสมองจากโรคตับน้อย อย่างไรก็ตาม แลคทูโลสอาจมีประสิทธิผลพอๆ กันและมีราคาถูกกว่ามาก ประโยชน์และผลข้างเคียงของ rifaximin ไม่มีความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบโดยตรงกับแลคทูโลส/แลคติทอล อย่างไรก็ตาม เมื่อให้ rifaximin ร่วมกับแลคทูโลส/แลคติทอล จะช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต (จาก 14.8% เหลือ 10.1%) ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ (จาก 34.4% เหลือ 17.6%) และส่งผลให้โรคสมองจากโรคตับดีขึ้น (จาก 86.9% เป็น 33.8%) เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แลคโตโลสเพียงอย่างเดียว

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เราไม่แน่ใจหรือมีความมั่นใจเพียงปานกลางในการค้นพบของเรา ซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถให้ข้อสรุปที่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับผลของ rifaximin ได้ สาเหตุหลักมาจากผู้คนในการศึกษาอาจทราบว่าตนได้รับการรักษาแบบใด และการศึกษาบางส่วนไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เราสนใจ นอกจากนี้ การศึกษาจำนวนมากมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับเราที่จะมั่นใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ของพวกเขา จำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่และมีคุณภาพสูงมากขึ้น

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนมกราคม 2023

บทนำ

โรคสมองจากโรคตับอธิบายถึงขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงทางประสาทจิตเวชที่อาจส่งผลให้โรคตับแข็งซับซ้อนและส่งผลเสียต่อผลลัพธ์ แอมโมเนียมีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดอาการ rifaximin เป็นยาปฏิชีวนะที่ไม่สามารถดูดซึมได้ซึ่งยับยั้งแบคทีเรียที่สร้างยูเรียเอสและลดการดูดซึมแอมโมเนียในอาหารและแบคทีเรีย

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลประโยชน์และผลเสียของ rifaximin เทียบกับยาหลอก การไม่มีการแทรกแซง หรือไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้สำหรับ: (i) การป้องกันโรคสมองจากโรคตับ และ (ii) การรักษาโรคสมองจากโรคตับในระดับน้อยที่สุดและเป็นมากในผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง ทั้งสองอย่าง เมื่อใช้เพียงอย่างเดียวและเมื่อร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้นใน Cochrane Hepato-Biliary Group Clinical Trials Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นอีก 3 แหล่ง รายการอ้างอิงของเอกสารที่ระบุ และการดำเนินการประชุมที่เกี่ยวข้อง เราเขียนถึงผู้เขียนและบริษัทยาเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองอื่น ๆ ที่ตีพิมพ์ ยังไม่ได้เผยแพร่ หรือที่กำลังดำเนินการอยู่ ทำการค้นหาจนถึงเดือนมกราคม 2023

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวมการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มเพื่อประเมินการป้องกันหรือการรักษาโรคสมองจากโรคตับด้วย rifaximin เพียงอย่างเดียว หรือด้วย disaccharide ที่ไม่สามารถดูดซึม เทียบกับยาหลอก/ไม่มีการแทรกแซง หรือ disaccharide ที่ไม่สามารถดูดซึมเพียงอย่างเดียว

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้เขียน 6 คนค้นหาการศึกษา ดึงข้อมูล และตรวจสอบผลการวิจัยอย่างอิสระต่อกัน เราประเมินการออกแบบ ความเสี่ยงของการมีอคติ และลักษณะผู้เข้าร่วม/ลักษณะของวิธีการที่ใช้ (intervention characteristics) ของการศึกษาที่นำเข้า เราประเมินการเสียชีวิต เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โรคสมองจากโรคตับ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ไม่ร้ายแรง แอมโมเนียในเลือด Number Connection Test-A และระยะเวลาในการอยู่โรงพยาบาล

ผลการวิจัย

เรารวมการทดลอง 41 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย 4545 คนที่มีอาการหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองจากโรคตับ เราคัดการทดลอง 89 ฉบับออก และพบการศึกษาที่กำลังดำเนินอยู่ 13 ฉบับ การทดลองบางเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมที่มีโรคสมองจากโรคตับมากกว่า 1 ประเภท หรือมีการเปรียบเทียบการรักษามากกว่า 1 การเปรียบเทียบ โรคสมองจากโรคตับจัดอยู่ในประเภทเฉียบพลัน (การทดลอง 13 ฉบับ) เรื้อรัง (การทดลอง 7 ฉบับ) หรืออาการน้อย (การทดลอง 8 ฉบับ) หรือผู้เข้าร่วมอื่น ๆ ได้รับการพิจารณาว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการ (การทดลอง 13 ฉบับ) กลุ่มควบคุมได้รับยาหลอก (การทดลอง 12 ฉบับ) ไม่มี/การรักษามาตรฐาน (การทดลอง 1 ฉบับ) หรือไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ (การทดลอง 14 ฉบับ) การทดลอง 18 ฉบับ ประเมิน rifaximin ร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ เทียบกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้เพียงอย่างเดียว เราจัดประเภทการทดลอง 11 ฉบับที่มีความเสี่ยงสูงของการมีอคติโดยรวมของการเสียชีวิต และ 28 ฉบับสำหรับผลลัพธ์ที่ไม่เสียฃีวิต ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดการปกปิดกลุ่ม ข้อมูลผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ และการเลือกรายงานผลลัพธ์

เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก/ไม่มีการใช้ rifaximin ไม่น่าจะมีผลกระทบโดยรวมต่อการเสียชีวิต (risk ratio (RR) 0.83, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% CI) 0.50 ถึง 1.38; P = 48, I 2 = 0%; การทดลอง 13 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1007 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจไม่มีผลกระทบโดยรวมเมื่อเปรียบเทียบกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ (RR 0.99, 95% CI 0.49 ถึง 1.97; P = 0.97, I 2 = 0%; การทดลอง 10 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 786 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่จะลดความเสี่ยงโดยรวมของการเสียชีวิตเมื่อเปรียบเทียบ rifaximin ร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ กับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้เพียงอย่างเดียว (RR 0.69, 95% CI 0.55 ถึง 0.86; จำนวนที่จำเป็นในการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม 1 ราย ( NNTB) = 22; P = 0.001, I 2 = 0%; การทดลอง 14 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1946 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง)

มีแนวโน้มว่าไม่มีผลกระทบต่อความเสี่ยงโดยรวมของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงเมื่อเปรียบเทียบ rifaximin กับยาหลอก/ไม่มีการแทรกแซง (RR 1.05, 95% CI 0.83 ถึง 1.32; P = 68, I2 = 0%; การทดลอง 9 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 801 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจไม่มีผลกระทบโดยรวมเมื่อเทียบกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่ดูดซึม (RR 0.97, 95% CI 0.66 ถึง 1.40; P = 85, I2 = 0%; การทดลอง 8 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 681 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมากว่าการใช้ rifaximin ร่วมกับ disaccharide ที่ไม่สามารถดูดซึมได้อาจมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงมากกว่าการใช้ disaccharide ที่ไม่สามารถดูดซึมเพียงอย่างเดียว (RR 0.66, 95% CI 0.45 ถึง 0.98; P = 0.04, I 2 = 60%; การทดลอง 7 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1076 คน)

Rifaximin น่าจะส่งผลให้เกิดผลกระทบโดยรวม ต่อ คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก/ไม่มีการแทรกแซง (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) -1.43, 95% CI -2.87 ถึง 0.02; P = 0.05, I 2 = 81%; การทดลอง 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 214 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในผู้ที่มีโรคสมองจากตับระดับน้อยที่สุด (MD -2.07, 95% CI -2.79 ถึง -1.35; P < 0.001, I 2 = 0%; การทดลอง 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 176 คน) ผลโดยรวมต่อคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเมื่อเปรียบเทียบ rifaximin กับ disaccharides ที่ไม่สามารถดูดซึมได้นั้นไม่แน่นอนอย่างมาก (MD -0.33, 95% CI -1.65 ถึง 0.98; P = 0.62, I 2 = 0%; การทดลอง 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 249 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการทดลองใดที่รายงาน การใช้ไดแซ็กคาไรด์แบบดูดซึมไม่ได้ร่วมกับ rifaximin ในผลลัพธ์นี้

มีแนวโน้มที่จะมีผลประโยชน์โดยรวมต่อโรคสมองจากโรคตับเมื่อเปรียบเทียบ rifaximin กับยาหลอก/ไม่มีการแทรกแซง (RR 0.56, 95% CI 0.42 ถึง 0.77; NNTB = 5; P < 0.001, I 2 = 68%; การทดลอง 13 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 1009 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) ผลกระทบนี้อาจสังเกตได้ชัดเจนกว่าในผู้ที่มีโรคสมองจากตับน้อยที่สุด (RR 0.40, 95% CI 0.31 ถึง 0.52; NNTB = 3; P < 0.001, I 2 = 10%; การทดลอง 6 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 364 คน) และในการทดลองป้องกัน (RR 0.71 , 95% CI 0.56 ถึง 0.91; NNTB = 10; P = 0.007, I 2 = 36%; การทดลอง 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 474 คน) อาจมีผลโดยรวมเพียงเล็กน้อยต่อโรคสมองจากโรคตับเมื่อเปรียบเทียบ rifaximin กับ disaccharides ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ (RR 0.85, 95% CI 0.69 ถึง 1.05; P = 0.13, I 2 = 0%; การทดลอง 13 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 921 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม อาจมีประโยชน์โดยรวมต่อโรคสมองจากโรคตับเมื่อเปรียบเทียบ rifaximin ร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้กับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมเพียงอย่างเดียว (RR 0.58, 95% CI 0.48 ถึง 0.71; NNTB = 5; P < 0.001, I 2 = 62%; การทดลอง 17 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 2332 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก/ไม่มีการใช้ rifaximin น่าจะปรับปรุงคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในผู้ที่เป็นโรคสมองจากโรคตับน้อย และอาจปรับปรุงโรคสมองจากโรคตับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประชากรที่มีโรคสมองจากโรคตับน้อยที่ และเมื่อใช้ในการป้องกัน rifaximin ไม่น่าจะมีผลกระทบโดยรวมต่อการเสียชีวิต เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือโรคสมองจากโรคตับ เมื่อเปรียบเทียบกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ร่วมกับไดแซ็กคาไรด์ที่ไม่สามารถดูดซึมได้ อาจจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตโดยรวม ความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง ช่วยให้โรคสมองจากโรคตับดีขึ้น ลดระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล และป้องกันการเกิด/การกลับเป็นซ้ำของโรคสมองจากโรคตับ ความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์เหล่านี้ต่ำมากถึงปานกลาง จำเป็นต้องมีการทดลองคุณภาพสูงเพิ่มเติม

บันทึกการแปล

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พญ ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 9 ตุลาคม 2024

การอ้างอิง
Zacharias HD, Kamel F, Tan J, Kimer N, Gluud LL, Morgan MY. Rifaximin for prevention and treatment of hepatic encephalopathy in people with cirrhosis. Cochrane Database of Systematic Reviews 2023, Issue 7. Art. No.: CD011585. DOI: 10.1002/14651858.CD011585.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า