ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เฉพาะที่สหรับการรักษาสิว

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

พวกเราทบทวนหลักฐานที่แสดงผลเรื่องความปลอดภัยของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เฉพาะที่ (BPO) อย่างเดียว หรือ การใช้ร่วมกับอย่างอื่น เกณฑ์ในการคัดเข้ามาเปรียบเทียบ คือ การให้ยาหลอก การไม่ได้รับการรักษา หรือการให้ยาทาเฉพาะที่ตัวอื่นเพื่อรักษาสิว (ตัวเดียวหรือให้ร่วมกับยาทาเฉพาะที่ตัวอื่นที่ไม่มีส่วนประกอบของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์) (หลักฐานเป็นปัจจุบันจนถึง กุมภาพันธ์ ปี 2019)

ผลลัพธ์หลักที่สนใจ คือ การทบทวนวรรณกรรมที่ผู้ร่วมโครงการรายงานว่าอาการสิวดีขึ้นและการออกจากการศึกษาเพราะผลข้างเคียงของยา นอกจากนี้ยังคำนึงถึงร้อยละของประสบการณ์ของผู้ร่วมโครงการที่เกี่ยวกับผลข้างเคียง

ความเป็นมา

โรคทางผิวหนังที่พบบ่อย คือ สิว ซึ่งมีผลต่อการแสดงออกทางร่างกาย จิตใจ และสังคมของวันรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นกว่าล้านคน การรักษาสิวที่มีอยู่มีความหลากหลายมาก และการใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เฉพาะที่ ก็เป็นสิ่งที่แนะนำหลักในการรักษาที่สามารถให้ได้ตัวเดียวหรือจะให้ร่วมกับการทาหรือกินยาตัวอื่น ๆ ซึ่งขึ้นกับระดับความรุนแรงของสิว อย่างไรก็ตามประโยชน์และโทษของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ก็เป็นสิ่งที่ต้องประเมินเช่นกัน

ลักษณะของการศึกษา

พวกเรารวบรวมการศึกษา 120 เรื่อง (ที่ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมโครงการ 29,592 คน ในการศึกษา 116 เรื่อง; ในการศึกษา 4 เรื่อง จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน) จาการสืบค้น เราพบว่าแต่ละการศึกษาประเมินความเข็มข้นของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์แตกต่างกัน เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ถูกใช้แตกต่างกัน หรือ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เดี่ยวหรือใช้กับการรักษาอื่น ที่อาจจะเป็นการรักษาหลักหรือไม่ใช่การรักษาหลัก การศึกษาทั้งหมดเปรียบเทียบการรักษาที่มีความแตกต่างในเรื่องความเข็มข้นหรือตรับยาของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, ยาหลอก, หรือไม่ได้รับการรักษา, หรือการให้ยาตัวอื่นเพื่อรักษา ตัวเดียวหรือให้ร่วมกัน

การศึกษาส่วนใหญ่รวมผู้เข้าร่วมโครงการทั้งผู้ชายและผู้หญิงและเป็นสิวที่ระดับน้อยถึงปานกลาง มีเพียง 67% ของการศึกษาที่รายงานอายุของผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งอยู่ในช่วง 18 ถึง 30 ปี ผู้เข้าร่วมโครงการเกือบ 2 ใน 3 ได้รับการรักษามากกว่า 8 สัปดาห์ 2 ใน 5 ของการศึกษามีแหล่งเงินทุนสนับสนุนและมีการศึกษามากกว่าครึ่งที่ไม่มีรายงานเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนสนับสนุน มีการศึกษาเพียงส่วนน้อยที่รายงานเกี่ยวกับสถานที่ทำการศึกษา ซึ่งรวมที่ตั้งทั้งโรงพยาบาล, ศูนย์การแพทย์, สถาบันทางการแพทย์แห่งชาติ, คลินิก, แผนกการแพทย์, และผู้ปฏิบัติงานทั่วไป

ผลการศึกษาที่สำคัญ

เราพบหลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำที่แนะนำว่าการให้การรักษาโดยใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ระยะยาว (ใช้นานมากกว่า 8 สัปดาห์) อาจเพิ่มความสำเร็จในการรักษา เมื่อเทียบกับการให้ยาหลอกหรือการที่ไม่ให้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (การศึกษา 3 เรื่อง), แต่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบการรักษาโดยการให้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์กับอะดาพาลีน (Adapalene) (การศึกษา 5 เรื่อง)หรือ คลินดามัยซิน (Clindamycin) (การศึกษา 1 เรื่อง) ผลการศึกษาไม่มีการรายงานเกี่ยวกับการศึกษาเปรียบเทียบเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์กับอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) หรือ กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid)

การใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ระยะยาวอาจเพิ่มโอกาสในการหยุดการรักษาเมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอกหรือการไม่ได้รับการรักษา (การศึกษา 24 เรื่อง) โดยสาเหตุหลักคือ เกิดอาการแดง คัน และมีอาการแสบร้อนผิว (หลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำ) เมื่อเปรียบเทียบการใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ระยะกลางถึงระยะยาวกับอะดาพาลีน (การศึกษา 11 เรื่อง), คลินดามัยซิน (การศึกษา 8 เรื่อง), อิริโทรมัยซิน (การศึกษา 1 เรื่อง), หรือกรดซาลิไซลิก (การศึกษา 1 เรื่อง) เราพบหลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำที่แสดงว่าแม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือจะไม่แตกต่างกันในการออกจาการศึกษาในคนไข้กลุ่มเหล่านี้ ซึ่งพวกเราไม่แน่ใจเรื่องผลการศึกษา เป็นที่น่าสังเกตุว่าการที่ผู้เข้าร่วมโครงการออกจากการศึกษาอาจเกี่ยวกับเรื่องผลของการรักษาที่อาจเกิดขึ้นได้ (ผิวหนังอักเสบ ผืน หน้าบวม ไวต่อการกระตุ้น) มากกว่าความปลอดภัย

หลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำมากแสดงให้เห็นว่ายังคงมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นมากกว่าในคนที่ใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ที่ใช้ในระยะกลางถึงระยะยาวเมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษาหรือการรักษาด้วยยาหลอก (การศึกษา 21 เรื่อง), อะดาพาลีน (การศึกษา 7 เรื่อง), อิริโทรมัยซิน (การศึกษา 1 เรื่อง), หรือกรดซาลิไซลิก (การศึกษา 1 เรื่อง) การรักษาในระยะปานกลางด้วยเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงเมื่อเปรียบเทียบกับคลินดามัยซิน แต่ผลข้างเคียงของการรักษามีความหลากหลายมาก ดังนั้นการรักษาควรเลือกากรรักษาเหล่านี้อาจสร้างความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างกันเลย ผลข้างเคียงที่รายงานในการศึกษาเหล่านี้มีความรุนแรงระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและที่พบมากที่สุดคืออาการแห้งกร้านระคายเคือง กลากแดง ผื่นแดง ปวดบริเวณที่มีการทา และอาการคัน

ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน

สำหรับการเปรียบเทียบที่สำคัญของเรา เราจัดอันดับความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับ 'การดีขึ้นของสิวที่รายงานโดยผู้เข้าร่วม' อยู่ในระดับต่ำ สำหรับผลลัพธ์ 'การถอนตัวเนื่องจากผลข้างเคียง' และ 'ร้อยละของผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์' หลักฐานส่วนใหญ่มีความน่าเชื่อถือต่ำมาก

การทดลองที่รวบรวมเข้ามามีความเสี่ยงสูงหรือไม่ชัดเจนของอคติ เนื่องจากจำนวนผู้เข้าร่วมมีน้อย ผลลัพธ์ไม่สอดคล้องกันในแต่ละการทดลอง และเราสงสัยว่ามีอคติจากการตีพิมพ์

บทนำ

สิวเป็นภาวะที่พบบ่อยและเป็นภาระทางเศรษฐกิจที่สามารถก่อให้เกิดผลเสียต่อจิตใจและอาจทำให้เกิดแผลเป็น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์เฉพาะที่ (BPO) ใช้ในการรักษาสิวกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพและความปลอดภัยยังไม่ได้รับการประเมินอย่างชัดเจน

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์สำหรับการรักษาสิว

วิธีการสืบค้น

เราได้ค้นหาตามฐานข้อมูลเหล่านี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ได้แก่ the Cochrane Skin Group Specialised Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, และ LILACS เราสืบค้น 5 ฐานข้อมูลที่มีการลงทะเบียนงานวิจัยแบบทดลอง (trials registers) และตรวจสอบเอกสารอ้างอิงของการการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมและการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบที่เกี่ยวข้อง

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวม RCTs ที่เปรียบเทียบการใช้เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์เฉพาะที่เพียงอย่างเดียว (รวมสูตรและความเข้มข้นที่แตกต่างกันของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์) หรือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาร่วมกับยาหลอก ไม่มีการรักษา หรือยาเฉพาะที่อื่น ๆ สำหรับคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นสิว (ใช้ตัวเดียวหรือใช้ร่วมกับยาทาเฉพาะที่อื่นที่ไม่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์) บนใบหน้าหรือลำตัว

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้ระเบียบวิธีการวิจัยตามมาตรฐานของ Cochrane ผลเบื้องต้นคือ 'การประเมินตนเองของผู้เข้าร่วมโครงการในการดีขึ้นของสิวโดยทั่วไป' และ 'การถอนตัวเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ตลอดการทดลอง' 'ร้อยละของผู้เข้าร่วมโครงการที่ประสบกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ตลอดการทดลอง' เป็นผลลัพธ์รองที่สำคัญ

ผลการวิจัย

พวกเรารวบรวมการศึกษา 120 เรื่อง (ที่ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมโครงการ 29,592 คน ในการศึกษา 116 เรื่อง; ในการศึกษาอีก 4 เรื่อง จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน) มีการศึกษา 91 เรื่อง ที่รวมผู้เข้าร่วมทั้งเพศชายและเพศหญิง เมื่อมีการรายงานผลการทดลอง 72 เรื่อง รวมผู้เข้าร่วมโครงการที่มีสิวน้อยถึงปานกลาง 26 การทดลองรวมผู้เข้าร่วมโครงการที่มีสิวรุนแรง และอายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 18 ถึง 30 ปี

การทดลองที่เรารวบรวมเข้ามา ประเมินว่าเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ที่ใช้ตัวเดียว ใช้แบบเสริมหรือรวมกับการรักษาอื่น ๆ เช่นเดียวกับความเข้มข้นที่แตกต่างกันของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์และ สารนำส่งที่แตกต่างกันของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ การศึกษาทั้งหมดเปรียบเทียบการรักษาที่มีความแตกต่างในเรื่องความเข็มข้นหรือตำหรับยาของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, ยาหลอก, หรือไม่ได้รับการรักษา, หรือการให้ยาตัวอื่นเพื่อรักษา ตัวเดียวหรือให้ร่วมกัน ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาใน 80 การทดลอง ยาวนานกว่า 8 สัปดาห์และนานถึง 12 สัปดาห์ใน 108 การทดลอง ได้รับทุนสนับสนุน 50 การทดลอง; 63 การทดลอง ไม่ได้รายงานเกี่ยวกับทุนสนับสนุน เรามักพบว่ามีความเสี่ยงสูงหรือไม่ชัดเจนต่ออคติที่เกิดจากความไม่เท่าเทียมกันในการได้รับการดูแลระหว่างการทำวิจัย อคติจากการประเมินผล หรืออคติจากการหายไปของกลุ่มตัวอย่าง การทดลองยังมีที่ยังไม่รายงาน แต่รวมถึงโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ / แผนกคลินิก คลินิก เวชปฏิบัติทั่วไปและศูนย์สุขภาพนักศึกษา เรารายงานผลลัพธ์ที่ประเมินเมื่อสิ้นสุดการรักษาและเราจัดกลุ่มระยะเวลาการรักษาเป็น ระยะสั้น (สองถึงสี่สัปดาห์) ระยะกลาง (5 ถึง 8 สัปดาห์) หรือระยะยาว (นานมากกว่า 8 สัปดาห์)

สำหรับ 'ผู้เข้าร่วมโครงการรายงานการดีขึ้นของอาการสิว' เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์อาจมีประสิทธิภาพมากกว่ายาหลอกหรือไม่มีการรักษา (risk ratio(RR) 1.27, 95% confidence interval (CI) 1.12 ถึง 1.45; RCTs 3 เรื่อง; ผู้เข้าร่วมการรักษา 2234 คน; การรักษาใช้เวลา 10 ถึง 12 สัปดาห์; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) จากหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือต่ำอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ และ อะดาพาลีน (RR 0.99, 95% CI 0.90 ถึง 1.10; RCTs 5 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 1472 คน; การรักษาใช้เวลา 11 ถึง 12 สัปดาห์) หรือระหว่างเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์และคลินดามัยซิน (RR 0.95, 95% CI 0.68 ถึง 1.34; RCT 1 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 240 คน; ใช้เวลาในการรักษา 10 สัปดาห์) (ผลการศึกษาไม่ได้รายงานผลเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เทียบกับอิริโทรมัยซินหรือกรดซาลิไซลิก)

สำหรับ 'เรื่องการถอนตัวเนื่องจากผลข้างเคียงจากการรักษา' ความเสี่ยงของการหยุดการรักษาอาจสูงกว่าในกลุ่มเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับการรักษา (RR 2.13, 95% CI 1.55 ถึง 2.93; RCTs 24 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 13,744 คน; ใช้เวลาในการรักษา 10 ถึง 12 สัปดาห์; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ); สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการถอนตัวคือเกิดผื่นแดง คันและผิวหนังไหม้ มีหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก สำหรับการเปรียบเทียบดังต่อไปนี้: เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์เทียบกับ อะดาพาลีน (RR 1.85, 95% CI 0.94 ถึง 3.64; RCTs 11 เรื่อง, ผู้เข้าร่วม 3295 คน, ใช้เวลาในการรักษา 11 ถึง 24 สัปดาห์; สาเหตุของการถอนตัวจากการรักษาไม่ชัดเจน), เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เทียบกับ คลินดามัยซิน (RR 1.93, 95% CI 0.90 ถึง 4.11; RCTs 8 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 3330 คน; ใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลา 10 ถึง 12 สัปดาห์; สาเหตุของการถอนตัวจากการรักษา ได้แก่ อาการแพ้เฉพาะที่อาการคัน ผื่นแดง ใบหน้าบวม ผื่นแดง และผิวหนังไหม้), อิรอโทรมัยซิน (RR 1.00, 95% CI 0.07 ถึง 15.26; RCT 1 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 60 คน; ใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลา 8 สัปดาห์; การถอนตัวจากการรักษาเนื่องจากโรคผิวหนังอักเสบ) และกรดซาลิไซลิก (ไม่มีผู้เข้าร่วมถอนตัวจากการรักษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์; RCT 1 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 59 คน; ใช้เวลาในการรักษา 12 สัปดาห์) อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างกลุ่มเหล่านี้ในแง่ของการถอนตัวจากการรักษา; อย่างไรก็ตามเราไม่มั่นใจในผลลัพธ์เนื่องจากหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก

สำหรับ 'สัดส่วนของผู้เข้าร่วมที่ประสบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์' หลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือต่ำมากทำให้เราไม่แน่ใจว่าเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการรักษา (RR 1.40, 95% CI 1.15 ถึง 1.70; 21 การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ;ผู้เข้าร่วมโครงการ 11,028 คน ใช้เวลาทำการรักษาเป็นเวลา 10 ถึง 12 สัปดาห์) อะดาพาลีน (RR 0.71, 95% CI 0.50 ถึง 1.00; 7 การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ; ผู้เข้าร่วมโครงการ 2,120 คน ใช้เวลาในการรักษา 11 ถึง 24 สัปดาห์), กับอิริโทรมัยซิน (ไม่มีผู้เข้าร่วมรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใด ๆ 1 การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ; ผู้เข้าร่วมโครงการ 89 คน; ใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลา 10 สัปดาห์) หรือด้วยกรดซาลิไซลิก (RR 4.77, 95% CI 0.24 ถึง 93.67; 1 การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ; ผู้เข้าร่วมโครงการ 41 คน; ใช้เวลาในการรักษา 6 สัปดาห์) หลักฐานความน่าเชื่อถือปานกลางแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อาจเพิ่มขึ้นสำหรับ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เทียบกับ คลินดามัยซิน (RR 1.24, 95% CI 0.97 ถึง 1.58; RCTs 6 เรื่อง; ผู้เข้าร่วม 3018 คน; ใช้เวลาในการรักษา 10 ถึง 12 สัปดาห์); อย่างไรก็ตาม 95% CI บ่งชี้ว่าเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ อาจสร้างความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลย เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รายงานมากที่สุดคือ ผิวแห้งกร้านและระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ ผื่นแดงปวดบริเวณที่ทา และอาการคัน โดยระดับที่พบมากคืออยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง

ข้อสรุปของผู้วิจัย

หลักฐานในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ที่ใช้รักษาตัวเดียวหรือการรักษาแบบเสริมอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ายาหลอกหรือไม่มีการรักษาเพื่อรักษาสิวและอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กับ อะดาพาลีน หรือ คลินดามัยซิน หลักฐานแสดงประสิทธภาพที่สำคัญของเรานั้นมาจากการประเมินตนเองของผู้เข้าร่วมโครงการ การทดลองของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เทียบกับ อิรอโทรมัยซิน หรือกรดซาลิไซลิก ไม่ได้รายงานผลลัพธ์นี้

สำหรับผลข้างเคียง หลักฐานมีความไม่แน่นอนมากเกี่ยวกับ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เมื่อเทียบกับ อะดาพาลีน, อิริโทรมัยซิน หรือกรดซาลิไซลิ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของการหยุดการรักษาอาจสูงกว่าในการรักษาด้วยเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เมื่อเทียบกับ ยาหลอกหรือไม่มีการรักษา การถอนตัวจากการรักษาอาจเชื่อมโยงกับความทนไม่ไหวมากกว่าความปลอดภัย ความเสี่ยงของเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงน้อยถึงรุนแรงปานกลางอาจสูงกว่าในการรักษาด้วยเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เมื่อเทียบกับ คลินดามัยซิน

การทดลองต่อไปในอนาคตควรประเมินผลเปรียบเทียบผลที่เกิดจากความแตกต่างกันของการเตรียมหรือความเข้มข้นของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ และการใช้ร่วมกันกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เทียบกับการใช้ตัวเดี่ยว การทดลองเหล่านี้ควรประเมินและรายงานผลข้างเคียงอย่างเต็มที่และรายงานผลที่ผู้ป่วยรายงานซึ่งใช้วิธีการวัดตามมาตรฐาน

บันทึกการแปล

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

การอ้างอิง
Yang Z, Zhang Y, Lazic Mosler E, Hu J, Li H, Zhang Y, Liu J, Zhang Q. Topical benzoyl peroxide for acne. Cochrane Database of Systematic Reviews 2020, Issue 3. Art. No.: CD011154. DOI: 10.1002/14651858.CD011154.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า