การกระตุ้นไข่ในสตรีหลังการฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง (ICSI)

การดำเนินการขั้นตอนเพิ่มเติมในการกระตุ้นไข่เทียมจะช่วยเพิ่มความสำเร็จของการฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง (intracytoplasmic sperm injection; ICSI) ในสตรีที่เข้ารับการช่วยเหลือการเจริญพันธุ์หรือไม่

ใจความสำคัญ

เราไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลของการกระตุ้นไข่เทียมต่ออัตราการเกิดมีชีวิตและอัตราการแท้งบุตรในสตรีที่มีเหตุผลหลายประการในการเข้ารับการรักษา ICSI

สำหรับคู่ครองที่เข้ารับการรักษา ICSI ที่มีประวัติการปฏิสนธิต่ำหรือไม่มีเลย การทำการกระตุ้นไข่เทียมอาจช่วยปรับปรุงอัตราการเกิดมีชีวิตได้ในขณะที่แทบไม่ส่งผลต่ออัตราการแท้งบุตรเลย

จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสำรวจผลการค้นพบเหล่านี้ก่อนที่เราจะสามารถสรุปผลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการกระตุ้นไข่เทียมเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโดยการฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง

การกระตุ้นไข่เทียมคืออะไร

ICSI คือการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่ของมนุษย์โดยตรง (โอโอไซต์) เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ (การรวมกันของไข่และอสุจิ)

การกระตุ้นไข่เทียมเป็นขั้นตอนพิเศษในการรักษา ICSI เกี่ยวข้องกับไข่ของมนุษย์ที่ฉีดอสุจิเข้าไปและสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยแคลเซียมเพื่อปรับปรุงอัตราการปฏิสนธิ อัตราการปฏิสนธิที่เพิ่มขึ้นหลังการกระตุ้นไข่เทียมอาจช่วยให้สตรีที่เข้ารับการทำ ICSI มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการค้นหาประโยชน์และความเสี่ยงในการทำขั้นตอนเพิ่มเติมของการกระตุ้นไข่เทียมในสตรีที่เข้ารับการรักษาด้วยการฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง (ICSI) เมื่อเปรียบเทียบกับ ICSI ทั่วไป

นอกจากนี้ เราอยากทราบด้วยว่าวิธีการกระตุ้นไข่เทียมแบบหนึ่งจะดีกว่าวิธีอื่นหรือไม่

เราทำอะไรบ้าง

การทบทวนวรรณกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการค้นหาการศึกษาที่ประเมินประโยชน์ของการกระตุ้นไข่เทียมเมื่อเทียบกับการรักษาแบบมาตรฐานในสตรีที่เข้ารับการทำ ICSI เราวางแผนที่จะรวบรวมผลลัพธ์จากการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและประเมินระดับความเชื่อมั่นของเราเกี่ยวกับหลักฐาน

เราค้นพบอะไร

เราพบการศึกษา 20 ฉบับ โดย 16 ฉบับศึกษาเกี่ยวกับโอโอไซต์และรายงานการวัดผลในห้องปฏิบัติการ (ซึ่งเราจะนำเสนอในการทบทวนวรรณกรรมฉบับเต็ม)

เราพบการศึกษา 4 ฉบับที่สุ่มสตรีให้เข้ากลุ่มกระตุ้นไข่และกลุ่มไม่กระตุ้น ด้านล่างนี้เป็นผลลัพธ์จากการศึกษาเพียงฉบับเดียวจาก 4 ฉบับที่เราตัดสินว่ามีคุณภาพสูง การศึกษาคุณภาพสูงนี้รวมผู้เข้าร่วม 343 รายที่กำลังเข้ารับการทำ ICSI การศึกษานี้ประเมินการกระตุ้นไข่เทียมในคู่สามีภรรยาที่มีประวัติการปฏิสนธิต่ำหรือไม่มีเลยมาก่อน หรือฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติ

ผลลัพธ์หลัก

เราไม่ทราบว่าการกระตุ้นไข่มีผลต่ออัตราการคลอดมีชีวิตและอัตราการแท้งบุตรเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่กระตุ้นไข่ในสตรีที่เข้ารับการรักษา ICSI หรือไม่

นอกจากนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าการกระตุ้นไข่มีผลต่อการตั้งครรภ์ทางคลินิก การตั้งครรภ์แฝด หรืออัตราการปฏิสนธิทั้งหมดหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่กระตุ้นไข่ในสตรีที่เข้ารับการรักษา ICSI

เมื่อเราพิจารณาปัจจัยภาวะมีบุตรยากต่าง ๆ แยกกัน เราพบว่าในคู่ครองที่เข้ารับการรักษา ICSI ซึ่งมีประวัติการปฏิสนธิต่ำหรือไม่มีเลย การกระตุ้นไข่อาจช่วยเพิ่มอัตราการเกิดมีชีวิตได้ โดยไม่ส่งผลต่ออัตราการแท้งบุตรมากนักหรือแทบไม่ส่งผลต่อเลย จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทดสอบว่าผลลัพธ์นี้เชื่อถือได้หรือไม่

เราไม่พบการศึกษาวิจัยในสตรีที่เข้ารับการรักษา ICSI ที่เปรียบเทียบวิธีการกระตุ้นไข่วิธีหนึ่งกับอีกวิธีหนึ่ง

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เรามีความเชื่อมั่นในระดับต่ำถึงต่ำมากเกี่ยวกับการค้นพบของเรา จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสำรวจประโยชน์และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการกระตุ้นไข่เทียมในสตรีที่เข้ารับการทำ ICSI

การศึกษาทั้งหมดไม่ได้รายงานถึงความพิการของทารกแรกเกิด การขาดข้อมูลด้านความปลอดภัยในระยะสั้นหรือระยะยาวถือเป็นข้อจำกัดที่สำคัญของการทบทวนวรรณกรรมและการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

การทบทวนวรรณกรรมนี้อัปเดตถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2024

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับผลของ AOA ต่ออัตราการคลอดมีชีวิตและการแท้งบุตรในสตรีที่เข้ารับการทำ ART ICSI ในกลุ่มประชากรย่อยที่เคยมีประวัติการปฏิสนธิต่ำหรือไม่มีการปฏิสนธิมาก่อน การใช้ AOA อาจส่งผลให้มีอัตราการเกิดมีชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ ICSI ทั่วไปที่ไม่มีการใช้ AOA ในขณะที่แทบไม่มีความแตกต่างหรือไม่มีเลยในอัตราแท้งบุตร มีความแตกต่างอย่างมากในโปรโตคอลที่ใช้สำหรับ AOA ทางเคมี ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการนำผลลัพท์ที่พบแปรผลสู่ประชากรเป้าหมาย เนื่องจากความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมาก จึงควรตีความผลลัพธ์ด้วยความระมัดระวัง

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง (intracytoplasmic sperm injection; ICSI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ประเภทหนึ่ง (assisted reproductive technology; ART) ถือเป็นทางเลือกในการรักษาภาวะมีบุตรยากจากสาเหตุของฝ่ายชาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อบ่งชี้ในการทำ ICSI ได้ขยายกว้างขึ้น แม้จะมีความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับประโยชน์และอันตรายเมื่อเทียบกับวิธีการปฏิสนธิแบบเดิม การกระตุ้นไข่เทียม (artificial oocyte activation; AOA) ซึ่งสามารถทำได้ด้วย วิธีการทางเคมี, ไฟฟ้า, หรือในทางกลไก ถูกนำมาใช้ในระหว่างการรักษาด้วย ART ICSI ในกรณีที่มีประวัติอัตราการปฏิสนธิต่ำหรือความล้มเหลวในการปฏิสนธิโดยสิ้นเชิง และมีรายงานว่าการกระตุ้นนี้ช่วยให้ผลการเจริญพันธุ์ดีขึ้น การประเมินประสิทธิผลทางคลินิกและความปลอดภัยของ AOA ในสตรีที่เข้ารับการรักษา ART ICSI ถือเป็นสิ่งสำคัญ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของการกระตุ้นไข่เทียมในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากที่เข้ารับการรักษาฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้: Cochrane Gynaecology and Fertility Group Specialised Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, ClinicalTrials.gov และ WHO international Clinical Trials Registry Platform (8 สิงหาคม 2024) นอกจากนี้ เรายังค้นหารายการอ้างอิงของบทความที่เกี่ยวข้องและติดต่อผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นด้วย

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่เปรียบเทียบการกระตุ้นไข่เทียม (artificial oocyte activation; AOA) (วิธีการทางเคมี ไฟฟ้า หรือทางกลไก) กับการไม่ใช้วิธีการใด, การใช้ยาหลอก หรือวิธีการกระตุ้นไข่เทียมอื่น ๆ ในสตรีที่เข้ารับการรักษา ART

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้กระบวนการระเบียบวิธีมาตรฐานตามที่ Cochrane กำหนดไว้ เราประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ ในการศึกษาที่รวบรวมเข้ามาโดยใช้ ROB 2 ผลลัพธ์หลักคืออัตราการเกิดมีชีวิตและการแท้งบุตร เราวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ risk ratio (RR) และ fixed-effect model เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้เกณฑ์ GRADE เราจำกัดการวิเคราะห์เบื้องต้นให้เฉพาะการศึกษาที่ความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ

ผลการวิจัย: 

เราได้รวมการศึกษาทั้งหมด 20 ฉบับ โดย 4 ฉบับเป็นการทดลองแบบสุ่มที่มีผู้เข้าร่วม 743 ราย ส่วนที่เหลืออีก 16 ฉบับเป็นการศึกษาสุ่มแบบ sibling-oocyte-model เราใช้ผลการวิจัยทางคลินิกหลักจากการทดลองแบบ RCT ที่อิงตามผู้เข้าร่วมเป็นพื้นฐาน (participant-based RCTs) สำหรับการทบทวนวรรณกรรมปัจจุบัน และเราจำกัดการวิเคราะห์เบื้องต้นของเราเฉพาะกับการศึกษาที่ความเสี่ยงของการมีอคติต่ำเท่านั้น

จากการทดลอง 1 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 343 รายที่เราได้รวมไว้ในการวิเคราะห์หลักของเรา พบว่าหลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ AOA ต่ออัตราการเกิดมีชีวิตเมื่อเปรียบเทียบกับ ICSI แบบดั้งเดิมโดยไม่ใช้ AOA ในสตรีที่เข้ารับ ART ICSI (RR 1.97, 95% CI 1.29 ถึง 3.01; การทดลอง 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 343 ราย) สำหรับคลินิกทั่วไปที่มีอัตราการเกิดมีชีวิต 18% หลังจาก ART การเพิ่ม AOA อาจส่งผลให้มีอัตราการเกิดมีชีวิตระหว่าง 24% ถึง 55% แต่หลักฐานนี้ยังคงไม่เชื่อมั่นอย่างมาก

หลักฐานยังคงไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ AOA ต่ออัตราการแท้งบุตรเมื่อเทียบกับ ICSI แบบดั้งเดิมโดยไม่ใช้ AOA ในสตรีที่เข้ารับ ART ICSI (RR 0.99, 95% CI 0.48 ถึง 2.04; การทดลอง 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 343 ราย) หากอัตราการแท้งบุตรอยู่ที่ 9% หลังจากการรักษาด้วย ART การเพิ่มการกระตุ้นไข่ก็อาจส่งผลให้มีอัตราการแท้งบุตรอยู่ระหว่าง 4% ถึง 18% แต่หลักฐานนี้ยังคงไม่เชื่อมั่นอย่างมาก

หลักฐานยังคงไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ AOA ต่ออัตราการแท้งบุตรเมื่อเทียบกับ ICSI แบบดั้งเดิมโดยไม่ใช้ AOA ในสตรีที่เข้ารับ ART ICSI (RR 1.67, 95% CI 1.20 ถึง 2.32; การทดลอง 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 343 ราย)

หลักฐานยังคงไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ AOA ต่ออัตราการตั้งครรภ์แฝดต่อผู้เข้าร่วมเมื่อเปรียบเทียบกับ ICSI แบบดั้งเดิมโดยไม่ใช้ AOA ในสตรีที่เข้ารับการรักษา ART ICSI (RR 1.91, 95% CI 0.48 ถึง 7.67; การทดลอง 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 343 คน)

หลักฐานยังคงไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ AOA ต่ออัตราความล้มเหลวในการปฏิสนธิทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบกับ ICSI แบบดั้งเดิมโดยไม่ใช้ AOA ในสตรีที่เข้ารับการรักษา ART ICSI (RR 0.05, 95% CI 0.01 ถึง 0.40; การทดลอง 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 343 คน)

เมื่อเราแบ่งกลุ่มการวิเคราะห์ของเราตามปัจจัยภาวะมีบุตรยากต่าง ๆ เราก็พบหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำว่าในคู่สมรสที่เข้ารับการรักษา ICSI ซึ่งมีประวัติการปฏิสนธิต่ำหรือไม่มีการปฏิสนธิ AOA อาจช่วยปรับปรุงอัตราการเกิดมีชีวิตได้ในขณะที่แทบไม่ทำให้เกิดความแตกต่างใด ๆ ต่ออัตราการแท้งบุตร จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันหรือหักล้างการค้นพบนี้

การทดลองทั้งหมดไม่ได้รายงานความผิดปกติแต่กำเนิด (ข้อบกพร่องทางการเกิด) เป็นผลลัพธ์ การขาดข้อมูลด้านความปลอดภัยในระยะสั้นหรือระยะยาวถือเป็นข้อจำกัดที่สำคัญของการทบทวนวรรณกรรมและการทดลองในสาขานี้

เราไม่พบการทดลองใด ๆ ที่เปรียบเทียบสองวิธีที่แตกต่างกันในการกระตุ้นโอโอไซต์

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ สาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 16 มกราคม 2025

Tools
Information