การเติมธาตุเหล็กลงในเครื่องปรุงรสและเครื่องปรุงแต่งเพื่อป้องกันโรคโลหิตจางและปรับปรุงสุขภาพ

ใจความสำคัญ

- การเติมธาตุเหล็กลงในเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งอาจช่วยให้สถานะของธาตุเหล็กดีขึ้นเล็กน้อยและลดการขาดธาตุเหล็ก เมื่อเติมธาตุเหล็กร่วมกับสารอาหารรองอื่นๆ อาจช่วยลดภาวะโลหิตจางได้ ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใดๆ

- มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการศึกษาที่รวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ ทำให้ยากต่อการสรุปขั้นสุดท้าย ควรตรวจสอบผลของเครื่องปรุงรสและเครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็กต่อไปในประชากรที่บริโภคสิ่งเหล่านี้โดยการศึกษาที่ออกแบบมาอย่างดี

โรคโลหิตจางคืออะไร

การขาดธาตุเหล็กเป็นหนึ่งในภาวะขาดสารอาหารที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก และมีส่วนสำคัญต่อภาระโรคทั่วโลก มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง รวมถึงการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ (สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคโลหิตจาง) และส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 1.8 พันล้านคนทั่วโลก โดยทั่วไปแล้ว ประเทศที่มีรายได้น้อยจะมีภาวะโลหิตจางมากกว่าประเทศที่มีรายได้สูง การขาดธาตุเหล็กและโรคโลหิตจางมีผลกระทบตลอดชีวิตหลายประการ ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและความรู้ความเข้าใจในเด็ก และประสิทธิภาพการทำงานและความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจในผู้ใหญ่ การเสริมเครื่องปรุงรสหรือเครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็กอาจเป็นวิธีที่มีประโยชน์และคุ้มค่าในการช่วยลดการขาดธาตุเหล็ก จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของวิธีการนี้อย่างเป็นระบบเพื่อการกำหนดนโยบาย

เราต้องการค้นหาอะไร

การเสริมเครื่องปรุงรสและเครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็กเพียงอย่างเดียวหรือธาตุเหล็กบวกกับสารอาหารรองอื่นๆ จะช่วยเพิ่มการวัดคุณค่าทางโภชนาการของธาตุเหล็กในประชากรทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

- โรคโลหิตจาง;

- ความเข้มข้นของเฮโมโกลบิน

การขาดธาตุเหล็ก

- สถานะของธาตุเหล็ก (รวมถึงเฟอร์ริติน ความอิ่มตัวของทรานเฟอร์ริน และอื่นๆ)

เรายังต้องการทราบว่าการบริโภคเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กมีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ หรือไม่

เราทำอะไร
เราค้นหาการศึกษาที่ให้เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กแก่กลุ่มหนึ่ง และเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่ไม่เสริมธาตุเหล็กให้กับอีกกลุ่มหนึ่ง เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและจัดอันดับความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐานตามลักษณะของการศึกษา

เราพบอะไร

เราพบ 16 การศึกษา มีผู้เข้าร่วม 18,410 คนในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ส่วนใหญ่อยู่ในโรงเรียนหรือชุมชน โดยมีระยะเวลาการศึกษาตั้งแต่สามเดือนถึง 2 ปี เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งเสริมธาตุเหล็กที่ใช้ ได้แก่ เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และผงปรุงรส ปริมาณธาตุเหล็กที่ผู้เข้าร่วมได้รับอยู่ระหว่าง 4.4 มก. ถึง 55 มก./วัน

เมื่อเทียบกับเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่ไม่เสริมธาตุเหล็ก พวกที่เสริมธาตุเหล็กน่าจะช่วยให้การขาดธาตุเหล็กดีขึ้นเล็กน้อย เราไม่เชื่อมั่นว่าพวกที่เสริมธาตุเหล็กจะช่วยลดภาวะโลหิตจาง เพิ่มฮีโมโกลบิน หรือการวัดอื่นๆ เกี่ยวกับสถานะธาตุเหล็กหรือไม่ เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กและสารอาหารรองอื่นๆ อาจช่วยลดภาวะโลหิตจางได้ เราไม่เชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบินหรือเฟอร์ริตินหรือไม่ อาจปรับปรุงการขาดธาตุเหล็กและความสามารถในการจับกับธาตุเหล็กทั้งหมด ไม่มีการศึกษาที่รายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาผลของเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กต่อสุขภาพ เช่น อุบัติการณ์ของมาลาเรีย การเจริญเติบโตและการพัฒนา และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐานต่ำมากถึงปานกลาง ปัจจัยหลายประการทำให้ความเชื่อมั่นในหลักฐานลดลง ประการแรก เราสังเกตเห็นข้อจำกัดในการดำเนินการศึกษาบางส่วนเกี่ยวกับการสรรหาผู้เข้าร่วมเพื่อจัดสรรวิธีการ (ซึ่งหมายความว่าความแตกต่างระหว่างกลุ่มอาจเนื่องมาจากความแตกต่างระหว่างบุคคลมากกว่าระหว่างการรักษา) ประการที่สอง ผู้เข้าร่วมในบางการศึกษาอาจทราบว่าตนได้รับการรักษาแบบใด นอกจากนี้ บางการศึกษาไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่งที่สนใจ และผลลัพธ์ในการศึกษาต่างๆ ก็ไม่สอดคล้องกัน ในที่สุด บางการศึกษาก็มีขนาดเล็ก ผลการวิจัยเพิ่มเติมอาจแตกต่างจากผลการทบทวนวรรณกรรมนี้

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนมกราคม 2023

หมายความว่าอะไร

เราตัดสินหลักฐานในการทบทวนนี้ว่ามีความเชื่อมั่นต่ำมากถึงปานกลาง ซึ่งหมายความว่าเราไม่เชื่อมั่นถึงผลของเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เติมธาตุเหล็กในการลดภาวะโลหิตจางและการขาดธาตุเหล็กในคน

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราไม่เชื่อมั่นว่าการบริโภคเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งเสริมธาตุเหล็กจะช่วยลดภาวะโลหิตจาง เพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบิน หรือเพิ่มความเข้มข้นของเฟอร์ริตินได้หรือไม่ อาจลดการขาดธาตุเหล็ก ควรตีความการค้นพบเกี่ยวกับเฟอร์ริตินด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากความเข้มข้นของเฟอร์ริตินจะเพิ่มขึ้นในระหว่างการอักเสบ การบริโภคเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กและสารอาหารรองอื่นๆ อาจช่วยลดภาวะโลหิตจาง และเราไม่เชื่อมั่นว่าวิธีการเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบินหรือความเข้มข้นของเฟอร์ริตินหรือไม่ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อได้ผลที่แท้จริงของเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งเสริมธาตุเหล็กต่อการป้องกันโรคโลหิตจางและปรับปรุงสุขภาพ ผลของวิธีการนี้ต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น อุบัติการณ์ของมาลาเรีย การเติบโตและการพัฒนายังไม่ชัดเจน

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคโลหิตจางส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 1.8 พันล้านคนทั่วโลก กว่า 60% ของผู้ป่วยโรคโลหิตจางทั่วโลกมีสาเหตุมาจากการขาดธาตุเหล็ก (ID) การขาดธาตุเหล็กและโรคโลหิตจางทำให้เกิดภาระโรคทั่วโลก และส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและความรู้ความเข้าใจในเด็ก ตลอดจนประสิทธิภาพการทำงานและความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจในผู้ใหญ่ การเสริมธาตุเหล็กในอาหารเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับสารอาหารอื่นๆ ถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิผลในการควบคุมการขาดธาตุเหล็ก เครื่องปรุงรสและเครื่องปรุงแต่งเป็นพาหะในอุดมคติสำหรับการเสริมธาตุเหล็กในประเทศที่มักใช้

วัตถุประสงค์: 

เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์และความปลอดภัยของเครื่องปรุงรสและเครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็กเพียงอย่างเดียวหรือธาตุเหล็กบวกกับสารอาหารรองอื่นๆ ต่อการขาดธาตุเหล็ก โรคโลหิตจาง และผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในประชากรทั่วไป

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาใน CENTRAL, MEDLINE, Embase, CINAHL และฐานข้อมูลอื่นๆ จนถึงวันที่ 24 มกราคม 2023 นอกจากนี้เรายังค้นหา International clinical trials registry platform (ICTRP) เพื่อหาการทดลองที่กำลังดำเนินอยู่

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) (การสุ่มในระดับบุคคลหรือระดับคลัสเตอร์) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมแบบไม่สุ่ม, interrupted time series ด้วยจุดวัดอย่างน้อย 3 จุดทั้งก่อนและหลังการให้วิธีการ และการศึกษาแบบ controlled before-after ผู้เข้าร่วมคือประชากรทุกวัย (รวมถึงสตรีมีครรภ์) จากประเทศใดก็ได้ ยกเว้นผู้ที่มีอาการป่วยหนักหรือมีโรคร่วมที่รุนแรง เรารวมวิธีการที่เสริมเครื่องปรุงรสหรือเครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ ร่วมกัน โดยไม่คำนึงถึงเทคโนโลยีการเสริมอาหารเสริมที่ใช้

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คนคัดกรองและประเมินคุณสมบัติของการศึกษาโดยอิสระต่อกัน ความขัดแย้งได้รับการแก้ไขผ่านการอภิปรายหรือข้อมูลจากผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรมคนที่ 3 ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คน คัดลอกข้อมูลและประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดอคติ อย่างเป็นอิสระต่อกัน เราปฏิบัติตามวิธีการที่ Cochrane กำหนดและใช้เกณฑ์ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

การค้นหาของเราพบรายงาน 15,902 รายการหลังจากคัดรายงานที่ซ้ำกันออก เรารวบรวม 16 การศึกษา มีผู้เข้าร่วม 20,512 คน (ผู้เข้าร่วม 18,410 คน หลังจากปรับผลของ cluster) ทั้งหมดนี้ดำเนินการในประเทศที่มีรายได้ปานกลางบนและปานกลางล่าง 3 การศึกษาเป็น controlled before-after, 1 การศึกษาเป็นการทดลองแบบไม่สุ่ม และ 12 การศึกษาเป็น RCTs (รวมถึง 3 RCTs แบบคลัสเตอร์) 6 การศึกษา ดำเนินการในโรงเรียน 7 การศึกษาดำเนินการในชุมชน และอย่างละ 1 การศึกษาในสถานรับเลี้ยงเด็ก/โรงเรียนอนุบาล ไร่ชา และโรงงาน 3 การศึกษา ศึกษาในผู้หญิงเท่านั้น 1 การศึกษา ศึกษาทั้งในผู้หญิงและลูก ๆ ของพวกเขา และการศึกษาอื่น ๆ ทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่เด็กและ/หรือวัยรุ่น 9 การศึกษาใช้เกลือเป็นพาหะในการเสริมธาตุเหล็ก 3 การศึกษาใช้น้ำปลา 2 การศึกษาใช้ซีอิ๊ว 1 การศึกษาใช้ผงเครื่องแกง 1 การศึกษาใช้ "ผงปรุงรส" ปริมาณธาตุเหล็กที่ผู้เข้าร่วมได้รับอยู่ระหว่าง 4.4 มก. ถึง 55 มก./วัน ขนาดกลุ่มตัวอย่างในการทดลองอยู่ระหว่าง 123 ถึง 14,398 ราย และระยะเวลาการศึกษาอยู่ระหว่าง 3 เดือนถึง 2 ปี

12 RCTs ให้ข้อมูลสำหรับ meta-analysis 6 การทดลองเปรียบเทียบเครื่องปรุงรสที่เสริมธาตุเหล็กกับเครื่องปรุงรสที่ไม่เสริมธาตุเหล็ก และ 6 การทดลองให้ข้อมูลเปรียบเทียบการเสริมธาตุเหล็กร่วมกับสารอาหารรองอื่นๆ เทียบกับเครื่องปรุงรสเดียวกันกับสารอาหารรองอื่นๆ แต่ไม่มีการเติมธาตุเหล็ก ใน 1 การทดลอง สารเสริมประกอบด้วยสารอาหารรองที่อาจส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็ก โดยรวมแล้วไม่มีการศึกษาใดได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ การศึกษาที่รวบรวมไว้ทั้งหมดได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงโดยรวมสูงต่อการเกิดอคติ โดยข้อกังวลมากที่สุดคือการปกปิดการแบ่งกลุ่ม การปกปิด และการสร้างลำดับการสุ่ม มีความแตกต่างที่สูงมากระหว่างการศึกษาในผลลัพธ์ที่ตรวจสอบเกือบทั้งหมด

เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็ก เทียบกับ เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่ไม่เสริมธาตุเหล็ก

เราไม่เชื่อมั่นว่าการบริโภคเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องปรุงที่ไม่เสริมธาตุเดียวกันจะช่วยลดภาวะโลหิตจางเมื่อสิ้นสุดการรักษาหรือไม่ (risk ratio (RR) 0.34, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.18 ถึง 0.65; ผู้เข้าร่วม 2328 คน; 4 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เราไม่เชื่อมั่นว่าการบริโภคเครื่องปรุงที่เสริมธาตุเหล็กจะเพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบินหรือไม่ (mean difference (MD) 6.40 (กรัม/ลิตร), 95% CI -0.62 ถึง 13.41; ผู้เข้าร่วม 2808 คน; 5 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก การเสริมเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็ก อาจลด ID ลงเล็กน้อย (RR 0.33, 95% CI 0.11 ถึง 1.01; ผู้เข้าร่วม 391 คน; 2 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) เราไม่เชื่อมั่นว่าการเสริมธาตุเหล็กจะเพิ่มความเข้มข้นของเฟอร์ริตินหรือไม่ (MD 14.81 (µg/L), 95% CI 5.14 ถึง 24.48; ผู้เข้าร่วม 4459 คน; 6 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กและสารอาหารรองอื่นๆ เทียบกับเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุอาหารรองอื่นๆ ยกเว้นเหล็ก

การบริโภคเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กและสารอาหารรองอื่นๆ อาจช่วยลดภาวะโลหิตจาง (RR 0.59, 95% CI 0.40 ถึง 0.89; ผู้เข้าร่วม 1007 คน; 4 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่เชื่อมั่นว่าการเสริมเครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งด้วยธาตุเหล็กและสารอาหารรองอื่นๆ จะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบินหรือไม่ (MD 6.22 g/dL, 95% CI 1.60 ถึง 10.83; ผู้เข้าร่วม 1270 คน; 5 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) อาจลด ID (RR 0.36, 95% CI 0.19 ถึง 0.69; ผู้เข้าร่วม 1154 คน; 4 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่เชื่อมั่นว่าการเสริมธาตุเหล็กและสารอาหารรองอื่นๆ จะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเฟอร์ริตินหรือไม่ (MD 10.63 µg/L, 95% CI 2.40 ถึง 18.85; ผู้เข้าร่วม 1251 คน; 5 การศึกษา; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เครื่องปรุงรส/เครื่องปรุงแต่งที่เสริมธาตุเหล็กเทียบกับไม่ใช้วิธีใดๆ

ไม่มีการทดลองรายงานข้อมูลในการเปรียบเทียบนี้

ไม่มีการศึกษาที่รายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ดูเหมือนว่าแหล่งเงินทุนจะไม่บิดเบือนผลลัพธ์ในการทดลองใดๆที่ได้รับการประเมิน

บันทึกการแปล: 

โแปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 19 กันยายน 2023

Tools
Information