ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ยาต้านเบาหวานบางประเภทสามารถช่วยปกป้องสมองหลังจากโรคหลอดเลือดสมองตีบรุนแรง (เกิดจากหลอดเลือดอุดตัน) ได้หรือไม่

ใจความสำคัญ

1. มีหลักฐานจำกัดที่บอกว่า Glyburide (Sulfonylurea หรือยาประเภทที่ใช้รักษาโรคเบาหวานประเภท 2) อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลยต่อการทำงานของร่างกายหลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมอง 90 วัน หรือต่อจำนวนผู้เสียชีวิตหลังจากเกิดโรค 90 วัน อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลยต่อการเสื่อมถอยทางระบบประสาทภายใน 3 วัน เช่น ระดับความรู้สึกตัว การพูด หรืออาการอ่อนแรง และน่าจะมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลยต่อผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หรือโรคปอดบวม

2. Glyburide อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเพิ่มขึ้น

3. จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมและกว้างขวางยิ่งขึ้นเพื่อทำความเข้าใจผลของยา Sulfonylurea ต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบรุนแรง (การอุดตันในการส่งเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง) ได้ดียิ่งขึ้น

โรคหลอดเลือดสมองอุดตันคืออะไร

โรคหลอดเลือดสมองอุดตันเกิดจากการอุดตันในการส่งเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ถ้าเป็นมาก (เรียกว่าภาวะสมองขาดเลือดมากแบบครึ่งซีก) อาจส่งผลต่อสมองเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เกิดความบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เช่น ปัญหาในการพูด อ่อนแรง การเดิน และความจำ มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง แม้จะได้รับการรักษาทางการแพทย์และการผ่าตัดที่มีประสิทธิผลสูงสุดแล้วก็ตาม หากบุคคลนั้นรอดชีวิตก็อาจยังคงประสบกับปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของสมองและคุณภาพชีวิต

ยา Sulfonylurea คืออะไร

ยา Sulfonylurea เช่น Glyburide เป็นกลุ่มยาที่มักใช้กับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาในสัตว์แสดงให้เห็นว่า Glyburide สามารถลดจำนวนการเสียชีวิตและปรับปรุงผลลัพธ์ทางระบบประสาทภายหลังโรคหลอดเลือดสมองตีบได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลเช่นเดียวกันกับคนหรือไม่

สิ่งที่เราต้องการทราบคืออะไร

1. ยา Sulfonylurea ช่วยปรับปรุงการทำงานของร่างกายและผลลัพธ์ทางระบบประสาทในผู้ป่วยหลังโรคหลอดเลือดสมองรุนแรงหรือไม่

2. ยา Sulfonylurea ส่งผลต่อการตายและคุณภาพชีวิตอย่างไร

3. ยา Sulfonylurea ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

เราทำอะไรบ้าง

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบยา Sulfonylurea กับการรักษา 'หลอก' หรือการดูแลปกติ เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดการศึกษา

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 2 ฉบับโดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 621 ราย การศึกษาทั้ง 2 ฉบับเปรียบเทียบผลของการฉีด Glyburide เข้าเส้นเลือดกับการฉีดสารละลายหลอกเข้าเส้นเลือด การศึกษา 1 ฉบับ ดำเนินการในโรงพยาบาล 18 แห่งในสหรัฐอเมริกา ต้องยุติลงก่อนกำหนดเนื่องจากการขาดแคลนเงินทุน การศึกษาอีกฉบับหนึ่งทำใน 20 ประเทศทั่วทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยูเรเซีย หยุดลงก่อนกำหนด เนื่องจากมีความยากลำบากในการปฏิบัติการและการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

หลักฐานชี้ให้เห็นว่า Glyburide อาจทำให้การทำงานของร่างกายมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยหลังจาก 90 วัน หรือจำนวนผู้เสียชีวิตหลังจาก 90 วัน อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเสื่อมถอยทางระบบประสาทภายใน 3 วัน และอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับหัวใจหรือปอดบวม อย่างไรก็ตาม Glyburide อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ไม่มีการศึกษาใดรายงานผลลัพธ์ทางระบบประสาท

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ความเชื่อมั่นของเรามีจำกัดเนื่องจากเราพบการศึกษาขนาดเล็ก 2 ฉบับเท่านั้น และเราไม่เชื่อมั่นในความถูกต้องของข้อมูล ผลลัพธ์จากการทบทวนนี้ควรให้ถือว่าเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประโยชน์และอันตรายของยา Sulfonylureas ต่อโรคหลอดเลือดสมองตีบ

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 23 มีนาคม 2024

บทนำ

ภาวะสมองขาดเลือดครึ่งซีกขนาดใหญ่ (LHI) ซึ่งเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดแดง carotid หรือ middle cerebral artery ถือเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบชนิดที่ร้ายแรงที่สุด เนื่องจากอาการบวมน้ำในกะโหลกศีรษะรุนแรง อัตราการเสียชีวิตจึงผันผวนระหว่าง 53% ถึง 78% แม้จะได้รับการรักษาทางการแพทย์ที่มีประสิทธิผลสูงสุดแล้วก็ตาม การผ่าตัดลดแรงกดในกะโหลกศีรษะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ประมาณ 17% ถึง 36% แต่ผลลัพธ์ทางระบบประสาทไม่น่าพอใจ และยังมีข้อห้ามในการผ่าตัดอีกด้วย การลดอุณหภูมิร่างกายเพื่อการรักษาแสดงให้เห็นผลที่ดีใน Preclinical research แต่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย และการศึกษาทางคลินิกก็ยังไม่ยืนยันประสิทธิภาพ Glibenclamide เป็นสารซัลโฟนิลยูเรียชนิดหนึ่ง Preclinical research แสดงให้เห็นว่า Glibenclamide สามารถลดอัตราการเสียชีวิตและอาการบวมน้ำในสมอง และปรับปรุงผลลัพธ์ทางระบบประสาทในสัตว์ทดลองที่จำลองโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดได้ ซัลโฟนิลยูเรียอาจเป็นการรักษาที่มีแนวโน้มดีสำหรับผู้ที่มี LHI

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของยา Sulfonylureas ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบครึ่งซีกขนาดใหญ่

วิธีการสืบค้น

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, 5 ฐานข้อมูลอื่นๆ และ 3 ทะเบียนการทดลอง นอกจากนี้ เรายังค้นหา gray literature ตรวจสอบบรรณานุกรมของการศึกษาที่รวมอยู่และ การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ ที่เกี่ยวข้อง และใช้การค้นหาข้อมูลอ้างอิงที่อ้างอิงใน Google Scholar วันที่ค้นหาล่าสุดคือวันที่ 23 มีนาคม 2024

เกณฑ์การคัดเลือก

เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) ที่เปรียบเทียบซัลโฟนิลยูเรียกับยาหลอก, การทำให้อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ, หรือการดูแลตามปกติในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดตีบในสมองอย่างรุนแรง

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้ระเบียบวิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักของเราคือผลลัพธ์ทางระบบประสาทและการทำงาน ผลลัพธ์รองของเราได้แก่ การเสียชีวิต, คุณภาพชีวิต, เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และภาวะแทรกซ้อน เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับแต่ละผลลัพธ์

ผลการวิจัย

การทบทวนวรรณกรรมนี้รวบรวม RCTs 2 ฉบับ (N = 621) ได้แก่ การทดลอง GAMES-RP (ศึกษาประโยชน์ของ Glyburide ในอาการบวมน้ำอย่างรุนแรงและโรคหลอดเลือดสมอง) และการทดลอง CHARM (การศึกษาระยะที่ 3 เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ BIIB093 (glibenclamide) ให้ทางหลอดเลือดดำสำหรับอาการบวมน้ำในสมองอย่างรุนแรงอันเป็นผลจากภาวะสมองขาดเลือดครึ่งซีกขนาดใหญ่) การศึกษาทั้ง 2 ฉบับได้เปรียบเทียบผลของ Glyburide ให้ทางเส้นเลือดดำ (ฉีดเข้าเส้นเลือดดำขนาด 0.13 มก. ในเวลา 2 นาทีแรก จากนั้นให้ยาหยดเข้าเส้นเลือดด้วยขนาด 0.16 มก./ชม. ในเวลา 6 ชั่วโมงแรก และตามด้วยขนาด 0.11 มก./ชม. เป็นเวลา 66 ชั่วโมงที่เหลือ) กับยาหลอก การทดลอง GAMES-RP (N = 86) ดำเนินการในโรงพยาบาล 18 แห่งในสหรัฐอเมริกา (อายุเฉลี่ย: กลุ่มให้การแทรกแซง = 58 ± 11 ปี กลุ่มควบคุม = 63 ± 9 ปี); การทดลอง CHARM (N = 535) ดำเนินการใน 20 ประเทศทั่วทั้งอเมริกาเหนือและใต้และยูเรเซีย (อายุเฉลี่ย: กลุ่มให้การแทรกแซง = 60.5 ± 11.17 ปี กลุ่มควบคุม = 61.6 ± 10.81 ปี) ความเสี่ยงของการมีอคติ อยู่ในระดับสูงในการทดลองทั้ง 2 ฉบับ

การทดลองทั้ง 2 ฉบับไม่ได้รายงานผลลัพธ์ทางระบบประสาท เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก ยา Glyburide อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยต่อผลลัพธ์ด้านการทำงานของร่างกาย ซึ่งประเมินด้วยมาตรวัด modified Rankin Scale (ช่วงคะแนน 0 ถึง 4) ณ วันที่ 90 (risk ratio (RR) 1.08, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.89 ถึง 1.32; P = 0.43; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 508 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นระดับต่ำ) หรือต่ออัตราการเสียชีวิต (RR 0.78, 95% CI 0.36 ถึง 1.69; P = 0.53; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 595 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นระดับต่ำ) ยา Glyburide มีแนวโน้มที่จะทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเพิ่มขึ้นอย่างมาก (RR 4.66, 95% CI 1.59 ถึง 13.67; P = 0.005; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 601 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างกลุ่มในเหตุการณ์เกี่ยวกับหัวใจ (RR 0.73, 95% CI 0.47 ถึง 1.14; P = 0.17; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 601 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) หรือปอดบวม (RR 0.72, 95% CI 0.36 ถึง 1.44; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 518 ราย; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างกลุ่มในความเสื่อมถอยทางระบบประสาทภายใน 3 วัน (RR 0.88, 95% CI 0.61 ถึง 1.27; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 77 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

เมื่อเทียบกับยาหลอก การให้ Glyburide ทางเส้นเลือดอาจส่งผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่ส่งผลเลยต่อผลลัพธ์ด้านการทำงานของร่างกาย ซึ่งประเมินด้วยมาตรวัด modified Rankin Scale หรือต่ออัตราการเสียชีวิต อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเสื่อมถอยทางระบบประสาทภายใน 3 วัน และอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับหัวใจหรือปอดบวม อย่างไรก็ตาม การให้ Glyburide ทางเส้นเลือดอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเพิ่มขึ้นมาก

การทบทวนวรรณกรรมนี้รวบรวม RCTs ไว้เพียง 2 ฉบับ ซึ่งโดยรวมแล้วมีความเสี่ยงของการมีอคติในระดับสูง เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะประเมินผลของยา Sulfonylureas ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบได้ การศึกษาวิจัยขนาดใหญ่เพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมยากลุ่ม Sulfonylurea หลายชนิด โดยใช้วิธีการให้ยาและขนาดยาที่แตกต่างกัน และศึกษาในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มอายุต่างๆ จะช่วยลดความไม่แน่นอนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 16 เมษายน 2025 Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 17 มิถุนายน 2025

การอ้างอิง
Fan L, Xu J, Wang T, Yang K, Bai X, Yang W. Sulfonylurea drugs for people with severe hemispheric ischemic stroke. Cochrane Database of Systematic Reviews 2025, Issue 3. Art. No.: CD014802. DOI: 10.1002/14651858.CD014802.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า