ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการแท้งซ้ำในสตรีที่มีแอนไทฟอสโฟไลปิด แอนติบอดี้ (antiphospholipid antibodies)

เราต้องการตรวจสอบว่ายาต้านลิ่มเลือดช่วยทำให้ผลการตั้งครรภ์ดีขึ้นหรือไม่ในสตรีที่มีระดับ antiphospholipid antibody แบบถาวรที่มีการแท้งหลายครั้ง

เรื่องนี้มีปัญหาอย่างไร

โมเลกุลของฟอสโฟไลปิดช่วยสร้างเยื่อหุ้มเซลล์และมีความสำคัญต่อความสามารถของเซลล์ในการทำงาน ระบบภูมิคุ้มกันสามารถพัฒนาแอนติบอดี้ที่ต่อต้านกับโปรตีนที่ยึดติดกับฟอสโฟลิปิด antiphospholipid antibodies ที่พบมีหลายชนิด การมีแอนติบอดี้เหล่านี้สามารถนำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในทั้งในหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดง และยังทำให้เกิดการแท้งซ้ำได้

ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ

Antiphospholipid antibodies มีความสัมพันธ์ต่อการมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภท์ที่สูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงของการเกิดภาวะแท้ง การใช้ยาต้านลิ่มเลือดในระหว่างการตั้งครรภ์อาจช่วยป้องกันการแท้งสำหรับสตรีที่เคยมีประวัติการแท้งซ้ำ แอสไพริน (Aspirin) เป็นยาแก้อักเสบที่ช่วยลดการรวมตัวของเกล็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือด เฮพาริน (Heparin) เป็นสารป้องกันการแข็งตัวของเลือดโดยออกฤทธิ์ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด แอสไพรินและเฮพารินอาจลดความเสี่ยงของการแท้งที่เกี่ยวข้องกับ antiphospholipid antibodies เฮพารินน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (Low-molecular-weight heparin) ง่ายต่อการใช้งานและทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อแม่น้อยกว่าเฮพารินแบบเก่าซึ่งเป็นชนิดโมเลกุลใหญ่ (unfractionated heparin)

ผู้วิจัยพบหลักฐานเชิงประจักษ์อะไรบ้าง

เราค้นหาเอกสารทางการแพทย์เพื่อหาหลักฐานจากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ จนถึงมิถุนายน 2019 เราพบการศึกษาจำนวน 11 เรื่อง ซึ่งทำการศึกษาในผู้หญิงจำนวน 1672 คน ที่มีประวัติการแท้งอย่างน้อยสองครั้งและมี antiphospholipid antibodies แบบถาวรในเลือด การศึกษาส่วนใหญ่เริ่มทำการศึกษาในผู้หญิงที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกซึ่งใช้ยาแอสไพรินก่อนที่จะตั้งครรภ์ และ มีการสุ่มผู้หญิงเหล่านี้เพื่อให้ได้รับเฮพารินเพิ่ม หรือ ไม่ให้ เมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่ามีการตั้งครรภ์ ปริมาณยาและประเภทของเฮพารินที่ใช้ในแต่ละการศึกษาพบว่ามีความหลากหลาย เช่นเดียวกับเวลาที่เริ่มการรักษาและระยะเวลาที่ผู้หญิงได้รับการรักษา

หลักฐานที่เราพบมีความน่าเชื่อถือในระดับต่ำ เนื่องจากมีจำนวนผู้หญิงที่เข้าร่วมการศึกษาน้อย และมีความเสี่ยงของการเกิดอคติในการศึกษา

เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก เราไม่แน่ใจอย่างมากว่าแอสไพรินมีผลกระทบต่อการเกิดมีชีพของทารก ภาวะครรภ์เป็นพิษ การแท้ง การคลอดก่อนกำหนดของทารกที่เกิดมีชีพ ภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า หรือเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ในเด็กทารกหรือแม่ ไม่มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงในการศึกษาที่เปรียบเทียบผลของแอสไพรินกับยาหลอก

การใช้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินอาจเพิ่มจำนวนการเกิดมีชีพของทารกและอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแท้ง

เมื่อเปรียบเทียบกับแอสไพรินเพียงอย่างเดียว เราไม่แน่ใจว่าการใช้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินมีผลต่อความเสี่ยงของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ การคลอดก่อนกำหนดของทารกที่เกิดมีชีพ ภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า หรือภาวะเลือดออกในแม่

ไม่มีผู้หญิงทั้งในกลุ่มที่ได้เฮพารินร่วมกับแอสไพริน หรือ กลุ่มที่ได้แอสไพรินเพียงอย่างเดียว มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่เกิดจากเฮพาริน การเกิดอาการแพ้ หรือลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดง ในทำนองเดียวกันไม่มีทารกที่มีความผิดปกติแต่กำเนิด

หลักฐานนี้หมายความว่าอย่างไร

การให้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินในระหว่างตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงที่มี antiphospholipid antibodies ถาวร อาจเพิ่มจำนวนการเกิดมีชีพที่สูงกว่าการรักษาด้วยยาแอสไพรินเพียงอย่างเดียว เราไม่มั่นใจว่าการรักษาด้วยเฮพารินและแอสไพรินมีความปลอดภัยสำหรับแม่และทารกเนื่องจากยังไม่พบข้อมูลที่ระบุถึงการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ การศึกษาในอนาคตควรมีจำนวนผู้หญิงที่เข้าร่วมการศึกษาในจำนวนที่เพียงพอและควรมีการประเมินประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยาชนิดนี้ให้ครบถ้วน

บทนำ

แอสไพรินและเฮพารินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อใช้ในการป้องกันสำหรับลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแท้งในผู้หญิงที่มี antiphospholipid antibodies (aPL)

การทบทวนวรรณกรรมในครั้งนี้เป็นการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยเพื่อใช้แทนการทบทวนวรรณกรรมชิ้นก่อนหน้านี้ที่ล้าสมัยแล้วซึ่งเป็นการทบทวนวิธีการรักษาทั้งหมดเพื่อใช้ในการป้องกันการเกิดภาวะแท้งซ้ำในผู้หญิงที่เป็นโรค aPL การทบทวนในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่ขอบเขตที่แคบลงเนื่องจากการปฏิบัติทางคลินิกในปัจจุบันถูกจำกัดให้ใช้แอสไพริน หรือ เฮพาริน หรือ ใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน สำหรับผู้หญิงที่มี aPL เพื่อที่จะลดภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินผลของยาแอสไพริน หรือ ยาเฮพาริน หรือใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน สำหรับการทำให้ผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ดีขึ้น์ในสตรีที่มี aPL ถาวร (โดยเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง) ทั้ง lupus anticoagulant (LAC) anticardiolipin (ACL) หรือ aβ2-glycoprotein-I antibodies (aβ2GPI) หรือมีทั้งสองอย่างร่วมกับเคยมีประวัติเกิดการแท้งซ้ำ (การแท้งมากกว่าหรือเท่ากับสองครั้งขึ้นไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการแท้งในครรภ์ลำดับที่เกิดต่อเนื่องกัน)

วิธีการสืบค้น

ผู้วิจัยได้สืบค้นหลักฐานจากฐานข้อมูล Pregnancy and Childbirth'sTrials Register, ClinicalTrials.gov, the WHO International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP) (จนถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2019) และสืบค้นเอกสารอ้างอิงของรายงานการศึกษาที่สืบค้นได้ ในกรณีที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เราได้พยายามติดต่อขอข้อมูลจากผู้ที่ทำการวิจัยโดยตรง

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองแบบสุ่ม การทดลองแบบสุ่มที่ดำเนินการสุ่มแบบกลุ่ม และการทดลองแบบกึ่งทดลอง ที่ประเมินผลของยาแอสไพริน เฮพารินน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (low-molecular-weight heparin: LMWH) หรือ เฮพารินแบบเก่าซึ่งเป็นชนิดโมเลกุลใหญ่ (unfractionated heparin: UFH) หรือการให้ยาแอสไพรินร่วมกับเฮพาริน เปรียบเทียบกับการไม่ให้ยา หรือ การให้ยาหลอกหรืออื่น ๆ ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี aPL ถาวรและมีภาวะการแท้งซ้ำ จะถูกคัดเลือกเข้ามา สูตรการรักษาทั้งหมดจะถูกพิจารณา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทำการทบทวนวรรณกรรมจำนวน 2 คน ทำการประเมินและคัดเลือกการศึกษาตามเกณฑ์การคัดเลือกรวมถึงการประเมินอคติที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละการศึกษาอย่างเป็นอิสระต่อกัน ผู้ทำการทบทวนวรรณกรรมจำนวน 2 คน สกัดข้อมูลอย่างเป็นอิสระต่อกัน และตรวจสอบความถูกต้อง ประเมินคุณภาพของหลักฐานที่ได้โดยวิธีการของเกรด (GRADE)

ผลการวิจัย

พบการศึกษาที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจำนวน 11 การศึกษา (ผู้หญิงจำนวน 1672 คน); 9 การศึกษา เป็นการศึกษาเชิงทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ และ 2 การศึกษา เป็นการศึกษาแบบกึ่งทดลองที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (quasi-RCTs) การศึกษาได้ดำเนินการในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร จีน นิวซีแลนด์ อิรัก และอียิปต์ มีหนึ่งการศึกษา ดำเนินการศึกษาในผู้หญิงจำนวน 1015 คน การศึกษาชิ้นอื่น ๆ มีจำนวนผู้เข้าร่วมต่ำกว่าค่อนข้างมาก (เช่น ดำเนินการศึกษาในผู้หญิงจำนวน 141 คน หรือ น้อยกว่านี้)

การศึกษาบางเรื่องมีความเสี่ยงในการเกิดอคติสูงในด้านการเลือกกลุ่มตัวอย่างและด้านการสูญหายของกลุ่มตัวอย่าง และพบว่าหลายการศึกษารายงานข้อมูลไม่เพียงพอที่จะประเมินความเสี่ยงจากอคติด้านการรายงานผลลัพธ์ ในภาพรวม ระดับความน่าเชื่อถือของหลักฐานที่พบอยู่ในระดับต่ำมาก ถึง ระดับต่ำ เนื่องจากในหลายๆ การศึกษามีจำนวนผู้เข้าร่วมการศึกษาน้อยและมีความเสี่ยงที่จะเกิดอคติ

ปริมาณและประเภทของเฮพารินและแอสไพรินมีความแตกต่างกันในแต่ละการศึกษา มีการศึกษาจำนวน 1 การศึกษา เปรียบเทียบการให้แอสไพรินอย่างเดียวกับยาหลอก; ไม่มีการศึกษาที่เปรียบเทียบการให้เฮพารินอย่างเดียวกับยาหลอก และไม่มีการศึกษาใดเปรียบเทียบกับการไม่ได้รับการรักษาในระหว่างตั้งครรภ์; การศึกษาจำนวน 5 การศึกษา สำรวจประสิทธิภาพของเฮพาริน (ทั้ง UFH หรือ LMWH) ร่วมกับแอสไพรินเปรียบเทียบกับแอสไพรินอย่างเดียว; การศึกษาจำนวน 1 การศึกษา เปรียบเทียบ LMWH กับแอสไพริน; การศึกษาจำนวน 2 การศึกษา เปรียบเทียบการให้ร่วม LMWH ร่วมกับแอสไพริน กับ การให้ UFH ร่วมกับแอสไพริน; การศึกษาจำนวน 2 การศึกษา ประเมินการให้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินในปริมาณที่แตกต่างกัน การศึกษาทั้งหมดใช้แอสไพรินในขนาดต่ำ

การเปรียบเทียบระหว่างแอสไพรินกับยาหลอก

เราไม่แน่ใจอย่างมากว่าการให้แอสไพรินมีผลกระทบต่อการเกิดมีชีพของทารกเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (risk ratio (RR) 0.94, 95% confidence interval (CI) 0.71 ถึง 1.25, การศึกษาจำนวน 1 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 40 คน, หลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำมาก)

เราไม่แน่ใจอย่างมากว่าการให้แอสไพรินมีผลต่อความเสี่ยงของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนดของทารกที่เกิดมีชีพ ภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า หรือเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ในเด็กทารกหรือแม่ เมื่อเปรียบเทียบผลการรักษากับยาหลอก เราไม่แน่ใจอย่างมากว่าการให้แอสไพรินมีผลกระทบต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (ภาวะเลือดออก) ในแม่เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (RR 1.29, 95% CI 0.60 ถึง 2.77, การศึกษาจำนวน 1 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 40 คน) ความน่าเชื่อถือของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์เหล่านี้อยู่ในระดับต่ำมากเนื่องจากความไม่แน่ชัดของหลักฐาน เนื่องจากมีจำนวนผู้หญิงที่เข้าร่วมในการศึกษาจำนวนน้อย และขนาดของช่วงความเชื่อมั่น 95% CIs ที่กว้าง และเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการมีอคติ

ไม่มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงในการศึกษาที่รวบรวมเข้ามา

เฮพารินร่วมกับแอสไพริน เปรียบเทียบกับ แอสไพรินเพียงอย่างเดียว

การให้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินอาจเพิ่มจำนวนการเกิดมีชีพ (RR 1.27, 95% CI 1.09 ถึง 1.49, การศึกษาจำนวน 5 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 1295 คน, หลักฐานมีความน่าเชื่อถือต่ำ)

เราไม่แน่ใจว่าการให้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินมีผลต่อความเสี่ยงของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ การคลอดก่อนกำหนดของทารกที่เกิดมีชีพ หรือภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า เมื่อเปรียบเทียบกับการให้แอสไพรินเพียงอย่างเดียว เพราะมีความเสี่ยงของการเกิดอคติและมีความไม่แน่ชัดของหลักฐานเนื่องจากมีจำนวนผู้หญิงที่เข้าร่วมในการศึกษาจำนวนน้อย และขนาดของช่วงความเชื่อมั่น 95% CIs ที่กว้าง เราไม่แน่ใจอย่างมากว่าการให้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินมีผลทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (เลือดออก) ในแม่เมื่อเทียบกับการให้แอสไพรินอย่างเดียว (RR 1.65, 95% CI 0.19 ถึง 14.03, การศึกษาจำนวน 1 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 31 คน)

ไม่มีผู้หญิงทั้งในกลุ่มที่ได้เฮพารินร่วมกับแอสไพริน หรือ กลุ่มที่ได้แอสไพรินเพียงอย่างเดียว มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่เกิดจากเฮพาริน การเกิดอาการแพ้ หรือลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดง ในทำนองเดียวกันไม่มีทารกที่มีความผิดปกติแต่กำเนิด

การให้เฮพารินร่วมกับแอสไพรินอาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดการแท้ง (RR 0.48, 95% CI 0.32 to 0.71, การศึกษาจำนวน 5 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 1295 คน, หลักฐานความน่าเชื่อถือต่ำ)

เมื่อเปรียบเทียบการให้ LMWH ร่วมกับแอสไพริน กับ การให้แอสไพรินเพียงอย่างเดียวค่าผลรวมของ RR (pooled RR) สำหรับทารกคลอดมีชีวิตคือ 1.20 (95% CI 1.04 ถึง 1.38, การศึกษาจำนวน 3 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 1155 คน) เมื่อเปรียบเทียบการให้ UFH ร่วมกับแอสไพริน กับ การให้แอสไพรินเพียงอย่างเดียว ค่า RR สำหรับการคลอดทารกมีชีวิตเท่ากับ 1.74 (95% CI 1.28 ถึง 2.35, การศึกษาจำนวน 2 การศึกษา, ผู้หญิงจำนวน 140 คน)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การให้เฮพาริน (UFH หรือ LMWH) ร่วมกับแอสไพรินในระหว่างการตั้งครรภ์อาจเพิ่มอัตราการเกิดมีชีพของทารกในผู้หญิงที่มี aPL ถาวรเมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยแอสไพรินเพียงอย่างเดียว ประโยชน์ที่สังเกตได้ของเฮพารินนั้นมาจากการศึกษาที่มีขนาดใหญ่จำนวน 1 การศึกษา ซึ่งให้ LMWH ร่วมกับแอสไพรินเปรียบเทียบกับการให้แอสไพรินเพียงอย่างเดียว เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ไม่ได้รับรายงานอย่างสม่ำเสมอหรือไม่มีการรายงานในการศึกษาที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเข้ามา จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมในด้านนี้เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากการรักษานี้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีภาวะ aPL และภาวะแท้งซ้ำ เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันภาวะแท้งซ้ำ

บันทึกการแปล

Translation notes CD012852.pub2

การอ้างอิง
Hamulyák EN, Scheres LJJ, Marijnen MC, Goddijn M, Middeldorp S. Aspirin or heparin or both for improving pregnancy outcomes in women with persistent antiphospholipid antibodies and recurrent pregnancy loss. Cochrane Database of Systematic Reviews 2020, Issue 5. Art. No.: CD012852. DOI: 10.1002/14651858.CD012852.pub2.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า