ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มีการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในสตรีที่ได้รับการรักษาด้วยยาสำหรับภาวะมีบุตรยากหรือไม่?

ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ยาเพื่อกระตุ้นรังไข่ได้ถูกนำมาใช้สำหรับรักษาภาวะมีบุตรยากตั้งแต่ต้นปี คศ1960 มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาเหล่านี้และความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้, ภาวะมีบุตรยากนั้นพบว่าเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่โดยตัวโรคเองเช่นกัน

วัตถุประสงค์ของการทบทวน
การอัพเดทรีวิวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปหลักฐานที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่ในสตรีที่มีบุตรยากและได้รับการรักษาด้วยยากระตุ้นรังไข่เมื่อเทียบกับสตรีทั่วไปและสตรีที่มีบุตรยากซึ่งไม่ได้รับการรักษาด้วยยาเหล่านี้

ผลการค้นพบหลักคืออะไรบ้าง
โดยรวม, จากการศึกษา 37 การศึกษา, ทำในสตรีรวม 4,684,724 ราย, เราไม่พบหลักฐานที่เพียงพอที่บอกว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในสตรีที่ได้รับการรักษาด้วยยากระตุ้นรังไข่

การวิเคราะห์ข้อมูลจาก 12 การศึกษาแบบ case-control studies จาก USA พบว่า ความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นในสตรีที่ได้รับการรักษาด้วยยากระตุ้นรังไข่ และความเสี่ยงนี้จะสูงกว่าในสตรีที่ยังไม่เคยมีบุตรเมื่อเทียบกับสตรีที่เคยมีบุตรมาก่อนแล้ว หนึ่งใน 37 การศึกษาที่รวบรวมมา รายงานการเพิ่มขึ้นสองเท่าในการเกิดเนื้องอกรังไข่ชนิด serous borderline ovarian tumour ในสตรีที่ได้รับฮอร์โมน progesterone มากกว่าสี่รอบ; อย่างไรก็ดี จำนวนของสตรีที่รวมอยู่ในการศึกษานี้มีขนาดเล็กมาก การศึกษาแบบ cohort study หนึ่งการศึกษา พบความเสี่ยงของเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumour เพิ่มขึ้นในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากที่ได้รับการรักษาด้วย clomiphene citrate เมื่อเปรียบเทียบกับสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากซึ่งไม่ได้ผ่านการรักษาใดๆ

คุณภาพของหลักฐาน
การศึกษาที่พบการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่มีคุณภาพในระดับต่ำ, มีระยะเวลาการติดตามที่สั้นและขาดการปรับสำหรับปัจจัยที่เป็นตัวกวนผลการศึกษา; ดังนั้นผลการศึกษาจึงไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี, เมื่อเทียบกับการศึกษาที่เก่ากว่า, การศึกษาใหม่ๆนี้มีแนวโน้มที่จะรายงานทั้งขนาดยาและจำนวนรอบของการรักษาภาวะมีบุตรยากและได้รวมสูตรยาที่ร่วมสมัยมากขึ้น; ซึ่งทำให้ผลการศึกษาสุดท้ายเชื่อถือได้มากขึ้น

บทสรุป
ภาวะมีบุตรยากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งรังไข่. อย่างไรก็ดี, ความสัมพันธ์ระหว่างยาที่ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากและโรคมะเร็งรังไข่ต้องได้รับการพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่นอายุ, ดัชนีมวลกาย, ประวัติการมีบุตร, ปัจจัยทางพันธุกรรม (เช่นประวัติครอบครัวสำหรับโรคมะเร็งรังไข่), และ สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก, รวมถึงระยะเวลาการติดตามที่นานขึ้น

บทนำ

รีวิวนี้เป็นการปรับปรุงของต้นฉบับ Cochrane review ที่ตีพิมพ์ใน Cochrane Library คศ 2013 (Issue 8) เกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ในสตรีที่ใช้ยารักษาภาวะมีบุตรยากเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไปหรือสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากที่ไม่ได้รับการรักษา ความสัมพันธ์ระหว่างยากระตุ้นรังไข่และโรคมะเร็งรังไข่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน.

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ที่รุกรานและเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumours ในสตรีที่ได้รับการรักษาด้วยยากระตุ้นรังไข่สำหรับภาวะมีบุตรยาก

วิธีการสืบค้น

การรีวิวต้นฉบับนั้นได้รวบรวมการศึกษาทั้งที่ตีพิมพ์และไม่ได้รับการตีพิมพ์ ตั้งแต่ คศ 1990 ถึง 2013 สำหรับการอัปเดตนี้เราขยายการสืบค้นข้อมูลจากเดือนกุมภาพันธ์ คศ2013 ถึงเดือนพฤศจิกายน คศ2018; เราประเมินคุณภาพของการศึกษาที่รวบรวมมาและตัดสินความแน่นอนของหลักฐานโดยใช้วิธ GRADE เราได้รายงานผลในตาราง Summary of findings table เพื่อที่จะนำเสนอขนาดของผลการศึกษาในทุกชนิดของผลลัพธ์ที่ได้

เกณฑ์การคัดเลือก

ในรีวิวเดิมและในการปรับปรุงนี้เราค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (rcts) และการศึกษาที่ไม่ใช่แบบสุ่มและการศึกษาที่รายงานกรณีศึกษา (case series) ที่มีมากกว่า 30ราย

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้รีวิวสองคนประเมินการศึกษาเพื่อนำเข้ามาทบทวน ตรวจสอบอคติและดึงข้อมูลอย่างเป็นอย่างอิสระต่อกัน เราจัดกลุ่มการศึกษาโดยขึ้นอยู่กับยาที่ใช้สำหรับสองผลลัพธ์: เนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumours และมะเร็งรังไข่ที่รุกราน. เราไม่ได้ดำเนินการวิเคราะห์แบบเมตา (meta-analyses) เนื่องจากระเบียบวิธีวิจัยและลักษณะทางคลินิกที่มีความแตกต่างกัน

ผลการวิจัย

เรารวบรวม13 การศึกษาชนิด case-control studies และ 24 การศึกษาชนิด cohort studies (เพิ่มเติม 9 cohort และ 2 case-control studies ใหม่), ซึ่งทำในสตรีรวมทั้งหมด 4,684,724 ราย

สองการศึกษาแบบ cohort รายงานอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งรังไข่รุกรานที่เพิ่มขึ้นในสตรีที่ได้รับการรักษาภาวะมีบุตรยากเมื่อเทียบกับสตรีที่ไม่ได้ผ่านการรักษา หนึ่งการศึกษารายงานอัตราส่วนมาตรฐานอุบัติการณ์ (standardised incidence ratio, SIR) คือ 1.19 (95% confidence interval (CI) 0.54 to 2.25) จาก 17 รายที่เป็นมะเร็ง การศึกษา cohort อื่นๆรายงานอัตราส่วนอันตราย (hazard ratio, HR) คือ 1.93 (95% CI 1.18 to 3.18), และความเสี่ยงนี้เพิ่มขึ้นในสตรีที่ยังคงไม่มีบุตรหลังใช้ clomiphene citrate (HR 2.49, 95% CI 1.30 to 4.78) เมื่อกับสตรีที่มีบุตรแล้ว (HR 1.52, 95% CI 0.67 to 3.42) (คุณภาพหลักฐานในระดับต่ำมาก) มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในสตรีที่ได้รับการรักษาโดยการทำเด็กหลอดแก้ว (in vitro fertilisation, IVF) ระหว่าง 1 ถึง 3 รอบการรักษา , แต่ผลการศึกษานี้ไม่ได้มีนัยสำคัญทางคลินิก (P = 0.18). ไม่มีการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ที่รุกรานหลังจากการใช้ยาเพื่อรักษาภาวะมีบุตรยากในสตรีที่มีการกลายพันธุ์ของ BRCA gene จากผลของการศึกษาแบบ cohort หนึ่งการศึกษาและ การศึกษาแบบ case-control หนึ่งการศึกษา ความแน่นอนของหลักฐานที่ประเมินโดยใช้วิธี GRADE อยู่ในระดับต่ำมาก

สำหรับเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumours, ผลการศึกษาจากหนึ่ง cohort รายงานการเพิ่มความเสี่ยงในสตรีที่ได้รับการรักษา โดย SIR คือ 3.61 (95% CI 1.45 to 7.44) และความเสี่ยงนี้มากขึ้นหลังการรักษาด้วย clomiphene citrate (SIR 7.47, 95% CI 1.54 to 21.83) จาก 12 รายที่เป็นมะเร็ง รายงานจากการศึกษา cohort อื่นๆ, พบความเสี่ยงของเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumour เพิ่มขึ้น, โดย HR คือ 4.23 (95% CI 1.25 to 14.33), สำหรับสตรีที่ได้รับการรักษาด้วยการทำ IVF เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษาด้วย IVF เมื่อติดตามไปมากกว่าหนึ่งปี การศึกษา Cohort ขนาดใหญ่รายงานความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumours, HR 2.46 (95% CI 1.20 to 5.04), จาก 17 รายที่เป็นมะเร็ง การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการเกิด serous borderline ovarian tumours มีรายงานในหนึ่งการศึกษาแบบ cohort หลังจากการใช้ฮอร์โมน progesterone มากกว่าสี่รอบการรักษา (risk ratio (RR) 2.63, 95% CI 1.04 to 6.64). การศึกษาแบบ case-control รายงานความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหลังจากการใช้ clomiphene citrate, SIR 2.5 (95% CI 1.3 to 4.5) จากสตรี 11 รายที่เป็นมะเร็งและอีกหนึ่งการศึกษารายงานการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการใช้ human menopausal gonadotrophin (odds ratio (OR) 9.38, 95% CI 1.66 to 52.08) การศึกษาอื่นรายงานความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumour, แต่การประมาณนี้เป็นไปตาม 4 รายที่เป็นมะเร็งและไม่มีกลุ่ม control ความแน่นอนของหลักฐานที่ประเมินโดยใช้วิธี GRADE อยู่ในระดับต่ำมาก

อย่างไรก็ดี, แม้ว่าบางการศึกษาพบการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่และเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumour, แต่ไม่มีหลักฐานที่มีคุณภาพในระดับปานกลางหรือสูง, ตามที่สรุปในตาราง GRADE

ข้อสรุปของผู้วิจัย

นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดของรีวิวนี้, มีเพียงไม่กี่การศึกษาที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นมาใหมที่่ได้ให้ผลศึกษาเพิ่มเติมซึ่งสนับสนุนหลักฐานที่จะแนะนำว่ายาที่ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่เล็กน้อยในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากซึ่งได้รับการรักษาด้วยยากระตุ้นรังไข่ เมื่อเทียบกับสตรีทั่วไปหรือเทียบกับสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากซึ่งไม่ได้รับการรักษา ความเสี่ยงสูงขึ้นเล็กน้อยใน สตรีที่ไม่เคยมีบุตรมากกว่าในสตรีที่เคยมีบุตรแล้วซึ่งได้รับการรักษาด้วยยากระตุ้นรังไข่, และสำหรับเนื้องอกรังไข่ชนิด borderline ovarian tumours. อย่างไรก็ดี, มีการศึกษาในจำนวนที่น้อย, และจำนวนของสตรีที่พบมะเร็งมีขนาดเล็กมาก, และข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณหรือชนิดของยาทีใช้ในการรักษายังคงไม่เพียงพอ

บันทึกการแปล

ผู้แปล พญ.นันทสิริ เอี่ยมอุดมกาล ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

การอ้างอิง
Rizzuto I, Behrens RF, Smith LA. Risk of ovarian cancer in women treated with ovarian stimulating drugs for infertility. Cochrane Database of Systematic Reviews 2019, Issue 6. Art. No.: CD008215. DOI: 10.1002/14651858.CD008215.pub3.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า